งานครีเอทีฟโฆษณาต้องทำอะไรบ้าง?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อตำแหน่งครีเอทีฟ (Creative) ซึ่งจริง ๆ  ตำแหน่งนี้ หรืออาชีพนี้เป็นคนที่คิดถ่ายทอดผลงานตามโจทย์ที่ได้รับออกมาเป็นสื่อในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีเอทีฟรายการ ครีเอทีฟอีเวนต์ และที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ รวมถึงเป็นอาชีพในฝันของเด็กนิเทศศาสตร์หลาย ๆ อย่างการเป็นครีเอทีฟโฆษณา  
 
กระทู้นี้ JobThai Tips เลยจะพาไปเจาะลึกงานครีเอทีฟในเอเจนซี่โฆษณาไปพร้อมกันกับคุณไผ่ ภาคย์ วรรณศิริ CCO ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Wunderman Thompson Thailand ผู้อยู่เบื้องหลังโฆษณาไอเดียสุดเจ๋งมากมาย  

อธิบายนิยามของงานครีเอทีฟหน่อย 
ครีเอทีฟมีหน้าที่หาวิธีการสื่อสารทุกรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้า สินค้า การตลาด ผู้คน เราว่าอันนั้นคือหัวใจหลัก ๆ ของการเป็นครีเอทีฟ เราจะสื่อสารข้อมูลหรือโน้มน้าวยังไงให้เขามาสนใจหรือไปในทิศทางที่อยากจะไป 
 
เล่าให้ฟังหน่อยว่าขั้นตอนในการทำงานทั้งหมดของเอเจนซีเป็นยังไง มีตำแหน่งอะไรบ้าง 
สำหรับเราจริง ๆ การทำเอเจนซีโฆษณาคือการหาวิธีแก้ปัญหา ลูกค้าจะมาด้วยปัญหาเสมอ ถ้าเขาไม่มีปัญหาเขาไม่มาหาเราหรอก ถ้าเขาไม่มีปัญหาเขาก็หลับสนิทสบาย แต่ว่าถ้าเขามีสิ่งที่มันทำให้เขาตื่นตอนกลางคืน เขาก็จะมาแล้ว สินค้าเขาไม่เป็นที่รู้จัก เขาจะออก Product ใหม่ สินค้าเขาขายไม่ดี มีคู่แข่งมาตีตลาด เขาอยากทำ E-Commerce อยากขายของออนไลน์ให้ได้ อยากทำอีเวนต์ โจทย์มีเป็นร้อยเป็นพันอย่างว่าเขาอยากจะทำอะไร เราต้องกลับไปดูว่าปัญหาที่แท้จริงของธุรกิจเขาคืออะไร ครีเอทีฟเนี่ยเรียกว่าเป็นหัวใจ ไอเดียคือสิ่งที่มีมูลค่าที่สุดในธุรกิจนี้ 
  
ตำแหน่งหลัก ๆ ก็จะมี Account Service คือคนที่รับบรีฟจากลูกค้า นำพาปัญหาแบกใส่เสลี่ยงมาแล้ว พอเอาปัญหาเข้าบ้านปุ๊บ AE, Strategic Planner และ Creative สามคนนี้ก็จะวิ่งไปหาลูกค้า เพื่อดูว่าปัญหาเขาคืออะไร ปัญหาทางธุรกิจ เอาข้อมูลมาดูแล้วนั่งถกกับเขา AE ก็จะพยายามย่อยปัญหาให้ Planner แล้ว Planner ก็ทำปัญหาให้กลายเป็นบรีฟ ลูกค้าจะมี Client Brief ก็เอามาทำเป็น Creative Brief มันก็จะถูกใส่ในตารางของความเป็นโฆษณามากขึ้น ว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนนี้นะ ไปหา Data มา Support กลุ่มเป้าหมายที่เราอยากจะคุยด้วย ลูกค้าอยากคุยกับ Mass แต่ไม่มีใครคุยกับ Mass ได้ คุณต้องคุยกับใครเพื่อให้เกิดยอดขาย 
เขาก็จะระบุกลุ่มเป้าหมาย แล้วเป้าหมายนี้อยู่ที่ไหน อยู่ใน Social Platform ไหน ไม่เล่น Social Platform เลย ยังดูทีวีอยู่เลย หรือเป็นคนเล่น TikTok อย่างเดียวเลย Twitter อย่างเดียวเลย เราก็จะต้องระบุให้ได้ คนยิ่งชัดเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจเขามากขึ้น แล้วก็จะรู้ว่าจะดีไซน์การสื่อสารที่จะไปโน้มน้าวเขาได้ยังไงมากขึ้น 
ครีเอทีฟมันคือการเอาบรีฟมาหาวิธีว่าเราจะแก้ปัญหานี้ด้วยท่าแบบไหน ทำหนังเหรอ กระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการเหรอ ทำ Brand Experience ทำ E-Commerce ทำแค่ส่งจดหมายไปไหม แค่ส่งข้อความไปไหม หรือแค่อะไร เราก็จะมาหาทางออกวิธีแก้ปัญหาให้กับลูกค้า 
  
อยากดูสัมภาษณ์คุณไผ่แบบเต็ม ๆ  สามารถดูได้ที่ > คลิก <
ครีเอทีฟมีกระบวนการคิดงานยังไงบ้างเมื่อได้รับโจทย์มาแล้ว 
แล้วแต่คนว่าจะมีวิธีการทำงานแบบไหน อย่างเราจะใช้วิธีคิดแบบ Strategic Thinking ก่อน ด้วยความที่โตมากับการเป็นเป็ดประมาณนึง เรียนวารสารศาสตร์มาเรารู้ทุกอย่าง ก็จะเริ่มทำงานด้วยความเชื่อที่ว่ากลยุทธ์ที่ดียิ่งทำให้งานครีเอทีฟมันยิ่งดีมากขึ้น เพราะฉะนั้นจะใช้เวลาในการมั่วสุมกับ Planner เยอะมาก ซักถาม ให้เขาไปหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือมี Gut Feeling ตรงไหน ก็อยากจะหาให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่จะพูด และใครคือคนที่เราจะคุยด้วย  
  
ก่อนที่จะมาคิดงานครีเอทีฟ มันต้องเริ่มต้นจากการสร้างบรีฟที่ดีก่อน จะทำยังไงให้การสื่อสารมันง่ายในโลกที่มันวุ่นวาย งานควรจะ Simple ย่อยง่าย เข้าใจง่าย และ Original ทำงานที่มันไม่เคยมีมาก่อนในโลก และทำให้คนว้าว งานครีเอทีฟมันสำคัญก็ต่อเมื่อคุณทำให้คนรู้สึกว่าคิดได้ไง นอกจาก Simple และ Original แล้ว ข้อสุดท้ายที่ใช้บ่อยคือ Relevant หรือความเกี่ยวข้อง สิ่งที่สื่อสารออกไปต่อให้มันฉลาดแค่ไหน Original แค่ไหน มันก็จะสื่อไม่ถึงผู้คนเลยถ้าเกิดมันไม่เกี่ยวกับเขาหรือเป็นเรื่องที่เขาอยากได้ยินตอนนั้น Relevant มันไม่ใช่แค่ในบริบทของคนที่อยากคุยด้วย มันคือสังคม ตอนนี้สังคมกำลังสนใจอยู่กับเรื่องนี้แต่เราไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเขาเลย มันก็จะสวนทางกันไปทันทีครับ แล้วเขาก็จะไม่ได้ยินสิ่งนั้นเลย  
 
มีคิดงานไม่ออกบ้างไหม ทำยังไงถ้าคิดงานไม่ออก  
เป็นคำถามคลาสสิกของครีเอทีฟ ก็คิดไม่ออกบ่อยครับ โดยส่วนตัวจะใช้วิธีหยุดคิดทุกอย่างเลย แล้วอ่านมันให้เต็มที่ อ่านข้อมูลทุกอย่างจนจะอ้วก แล้วคิดไม่ออกก็ไปทำอย่างอื่นเลยครับ ไปดูซีรีส์ House of the Dragon ไปอ่านหนังสือ ไปทำนู่นทำนี่ เทรนตัวเองให้หยุดคิดเพื่อจะคิด เราถูกสอนมาแบบนั้น เป็นคำสอนของพ่อให้หยุดคิดอะไรสักอย่าง แล้วก็จะเริ่มมีสมาธิ นิ่งขึ้น แล้วจิตใต้สำนึกก็จะเริ่มทำงานมากขึ้น ทีนี้มันก็จะปิ๊งขึ้นมาได้ มันจะมีจุดที่คิดได้ 
  
อีกอย่างถ้าคิดไม่ออกจริง ๆ เราจะเชื่อในระบบ จะเชื่อในลูกน้อง เชื่อใน Planner เชื่อในหัวหน้า ถ้าเมื่อก่อนมีหัวหน้า เขาต้องมีอะไรมาให้เกาะบ้างแหละ แล้วบางทีเรา Input ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียเสมอไป แต่จะเป็นจุดที่ทำให้มันแหลมขึ้น ทำให้มันดีขึ้น เพราะฉะนั้นครีเอทีฟไม่ใช่งานเดี่ยว คิดไม่ออกไม่ได้ตาย มันก็แล้วแต่ว่าระบบของแต่ละทีมเป็นแบบไหน เราไม่เชื่อใน Superstar แต่เชื่อในระบบ ไอเดียดี ๆ อาจจะมาจาก AE ก็ได้ อาจจะมาจาก Planner ก็ได้ เพียงแต่ว่าฟังแล้วจับมันทันไหม 
 
อยากเป็นครีเอทีฟ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง 
ฝึกงานครับ แล้วก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่ตัวเองอยากเป็นก่อน ถ้าอยากเป็นครีเอทีฟโฆษณาก็ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในเอเจนซี่โฆษณา เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในคำว่าโฆษณาให้เยอะขึ้น แล้วจะเริ่มเห็นว่ามันมีที่ส่งประกวด มีเอเจนซี่ไหนบ้าง เราชอบงานเอเจนซี่นี้จังเลย ออกมาทุกครั้งงานมันเปรี้ยวจังเลย ก็ควรจะไปอยู่ที่นั่น มาด้วยความหลงใหลในสิ่งที่อยากทำครับ ว่าเราชอบที่นี่เพราะงานนี้  พวกคุณมีความคิดแบบนี้ เชื่อว่าครีเอทีฟชอบคนที่มีความชอบแบบเดียวกัน แล้วก็จะรับคนแบบนั้นนะ เวลารับเด็กฝึกงานมาแล้วถ้าเกิดเขารู้สึกว่าเขาชอบงานพวกเรามาก อธิบายได้เป็นฉาก ๆ มาด้วยความชอบงานครีเอทีฟ มาด้วยความชอบ Business ตั้งต้นจากความชอบก่อน แล้วก็เมื่อคุณชอบอะไรคุณจะขวนขวาย คุณจะพัฒนาตัวเองมากขึ้น นี่คือจุดเริ่มต้นของนักศึกษาปี 3-4 ที่อยากจะเริ่มฝึกงาน อะไรอย่างนี้ครับ 
 
ทิ้งท้ายด้วยเคล็ดลับการสัมภาษณ์ ต้องเตรียมตอบคำถามแนวไหนบ้าง 
หลาย ๆ ครั้งเราก็จะสัมภาษณ์ว่าทำไมถึงมาทำงานนี้ อยากจะให้เล่าว่าชอบโฆษณาเพราะอะไร อยากเช็กเรื่องของความหลงใหล เรื่องของ Passion กับอีกอย่างที่มักจะถามคือ ทำไมคุณถึงเลือกมาสัมภาษณ์ที่นี่ และใช้เวลากับสิ่งนี้เยอะมากว่าคุณทำการบ้านกับสิ่งที่คุณจะมาลงเรือลำนี้มากแค่ไหน เพราะว่าถ้ายิ่งบนโฆษณา งานแต่ละบ้านมัน Approach หลากหลายรูปแบบ คุณศึกษามารึยังว่าในวงการนี้ ทำไมคุณถึงเลือกมาเอเจนซี่นี้ เอเจนซี่นี้มัน Approach บรีฟแบบไหน และทำไมคุณถึงชอบ มันสะท้อนตัวตนของคุณยังไง เราจะถามสิ่งนั้นเยอะ แล้วก็จะเช็กความมุ้งมิ้ง เช็กเรื่องของความชอบส่วนตัว ดูหนังอะไร แฟชันอะไร เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ เรื่องของเคมี ถ้ามาแบบเศร้า ๆ เบลอ ๆ มาแบบไปสมัครมา 5 ที่แล้ว แล้วก็มาที่นี่เป็นที่ที่ 6 พี่ หวังว่าพี่จะรับผมเข้าทำงานนะ เราจะรู้สึกได้ 

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจอยากจะรู้จักกับงานครีเอทีฟโฆษณาให้มากขึ้น ไปฟังสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ > คลิก <

นอกจากนี้ JobThai ยังมีคอนเทนต์ที่จะพาไปรู้จักกับอาชีพอื่น ๆ  อีกมากมาย เช่น อาชีพสาย Marketing, Developer, UX/UI Designer, Auditor สามารถเข้าไปดูได้ที่รายการ Career Unlock ใน YouTube ช่อง JobThaiChannel

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่