หอการค้าหนองคาย เผยตัวเลขสูญเสียทางเศรษฐกิจช่วงน้ำท่วม ไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน!
https://www.dailynews.co.th/news/3869252/
หอการค้าหนองคาย เผยตัวเลขสูญเสียทางเศรษฐกิจช่วงน้ำโขงล้นตลิ่งท่วม 6 อำเภอ เสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท วอนรัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือ เกษตรกรทรุดแน่ขาดเงินขาดรายได้ พืชผลเสียหายหนัก โรงเรียนสั่งปิดชั่วคราว 20 แห่ง
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. สถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ 16 ก.ย. น้ำยังคงท่วมในหลายพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะใจกลางเมืองหนองคาย ย่านเศรษฐกิจ ร้านค้าสองข้างทางถนนประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลเมืองหนองคาย และร้านค้าริมแม่น้ำโขง รวมถึงต่างอำเภอ ทุกร้านปิด ไม่สามารถค้าขายได้จนกว่าสถานการณ์น้ำโขงจะลดและผ่านพ้นช่วงฟื้นฟู
นาง
ดวงใจ สุขเกษมสิน รองประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ชาวหนองคายได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเชียงราย เพราะคาดการณ์ว่าน้ำต้องไหลมายังแม่น้ำโขง นั่นจะส่งผลกระทบต่อชาวหนองคายอย่างแน่นอน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงมีการเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า ทั้งการขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย แต่เมื่อน้ำมาจริงก็ส่งผลกระทบอยู่ดี เมื่อมองด้านเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดซึ่งมีการค้าขายกับชาวลาวเป็นประจำ ร้านค้าปิด คนลาวมาซื้อของไม่ได้ ร้านค้าส่งสินค้าไม่ได้ ก็ต้องสูญเสียรายได้ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่เมื่อรวมทั้งต่างอำเภอที่ได้รับผลกระทบด้วยก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยสินค้าของจังหวัดหนองคายส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตร เมื่อพื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมพืชผลทางการเกษตรเสียหาย เกษตรกรจะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ขาดรายได้ ขาดปัจจัยการผลิต ขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาให้ตรงจุดอย่างเร่งด่วน ภารกิจหลังน้ำลดก็จะเป็นการฟื้นฟูทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สภาพจิตใจ และภาคการเกษตรต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคายเขต 1 (สพป.นค.1) ได้แจ้งว่า มีโรงเรียนในสังกัด 3 อำเภอ สั่งปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวจากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งหมด 20 โรงเรียน อ.สังคม 7 โรงเรียน, อ.ศรีเชียงใหม่ 8 โรงเรียน และ อ.เมืองหนองคาย 5 โรงเรียน ซึ่งได้กำชับให้ครูดูแลนักเรียน เร่งสำรวจความเสียหาย ทำการเยียวยา และได้จัดหาถุงยังชีพ 200 ชุด ไปมอบให้กับครูและนักเรียนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ด้วย
เจ้าของร้านเสื้อ ร้อง ทนายตั้ม โดนกทม.สั่งทำเสื้อพระราชพิธีแล้วไม่จ่ายเงิน จนติดหนี้ 30 ล้าน แถมบ้านถูกยึด
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_775944/
วันนี้ (16 ก.ย. 67) ที่ Sittra Law Firm นางสาว
ยุวดี ปิยนุสรณ์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเสื้อ เข้าร้องทุกข์กับทนาย
ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลังเมื่อปี 2560 ถูกกรุงเทพมหานครสมัยผู้ว่าราชการ
อัศวิน ขวัญเมือง สั่งผลิตเสื้อโปโลผ้าไนกี้ สีขาวดำ ปักโลโก้กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แสนตัว ราคา 49.6 ล้านบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครใส่ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แต่เมื่อผลิตเสร็จ ทางกรุงเทพมหานครอ้างว่าไม่มีงบจ่ายค่าเสื้อ ทำให้นางสาว
ยุวดีต้องเป็นหนี้ 30 ล้านบาท จากต้นทุนการผลิตเสื้อ
นางสาว
ยุวดี กล่าวว่า ช่วงใกล้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ตนเองได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการสำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร สั่งทำเสื้อดำ 1 แสนตัว และสีขาวอีก 1 แสนตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของกรุงเทพมหานครที่จะให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดใส่ในช่วงพระราชพิธี โดยผู้อำนวยการคนดังกล่าวให้ตนเองเริ่มผลิตเสื้อได้เลย
เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด แล้วจะนำหนังสือสัญญามาให้เซ็นภายหลัง ตนเองจึงเริ่มผลิต แต่ต่อมามีการนำเสนอข่าวว่าการจัดสั่งซื้อเสื้อกันฝนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าวเช่นกัน มีราคาแพงผิดปกติ สุดท้ายทำให้กรุงเทพมหานครต้องยกเลิกโครงการไป ทั้งที่ตนเองผลิตเสื้อสีดำเสร็จแล้ว 1 แสนตัว ส่วนสีขาวอีก 1 แสนตัวก็ซื้อผ้ามาแล้ว
ตนเองพยายามติดต่อไปทางผู้อำนวยการคนดังกล่าวให้ซื้อเสื้อ แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีงบสั่งซื้อแล้ว เมื่อตนเองบอกว่าจะฟ้อง อีกฝ่ายก็บอกว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วยเหลือ ด้วยความไว้ใจผู้อำนวยการคนนี้ ตนเองจึงยอมรอ ไม่ฟ้อง ก่อนที่สุดท้ายแล้วผู้อำนวยการคนนี้ยอมซื้อเสื้อ 50,000 ตัว ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนที่คดีจะหมดอายุความ 2 ปี จากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าเรื่องการซื้อเสื้ออีกเลย และผู้อำนวยการคนนี้ได้เกษียณอายุราชการไป ทำให้ตนเองยังมีเสื้อสีดำค้างสต็อกอยู่ 50,000 ตัว และผ้าขาวใช้ทำเสื้ออีก 1 แสนตัว ต้องแบกรับหนี้สินจำนวนมาก จะไปฟ้องก็ไม่ทันแล้ว เพราะหมดอายุความ
นางสาว
ยุวดี กล่าวอีกว่า ตนทำได้เพียงยื่นถวายฎีกา ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็ทำหนังสือให้กรุงเทพมหานครแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ตนเองต้องไปกู้เงินทั้งในและนอกระบบมาหมุนธุรกิจ นำบ้านไปจำนองธนาคาร ปัจจุบันเป็นหนี้ธนาคาร 15 ล้านบาท จนถูกธนาคารฟ้องขับไล่ออกจากบ้านเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
แต่ตนเองก็ย้ายไปไหนไม่ได้ เพราะแม่ก็ล้มป่วยติดเตียง และลูกก็ยังเรียนหนังสืออยู่ จนตอนนี้หมดสิ้นประดาตัว เมื่อไม่ย้ายออก สุดท้ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมาตนเองก็ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากขัดคำสั่งศาลที่ให้ออกจากพื้นที่พิพาท
ด้านทนาย
ษิทรา กล่าวว่า ในด้านกฎหมายคงช่วยเหลือได้ยาก เพราะคดีหมดอายุความแล้ว ดังนั้นจึงวอนขอให้นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจุบัน พิจารณาซื้อเสื้อดังกล่าวจากผู้เสียหาย เนื่องจากเสื้อมีการปักชื่อหน่วยงานไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถขายให้หน่วยงานอื่นได้
ปภ.ถกด่วนหารือกสทช.ค่ายมือถือเซ็ตระบบSMSแต้งเตือนภัย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_775970/
ปภ.ถกด่วนหารือ กสทช. หน่วยงานแจ้งเตือนภัย และผู้ให้บริการเครือข่าย เซ็ตระบบ SMS แจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทันเวลา
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมหารือกับนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานโทรคมนาคม ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและรูปแบบในการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบข้อความสั้น (SMS)
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนภัยสู่ประชาชน ซึ่ง ปภ. ได้มีการวางระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านกลไกของทุกจังหวัด อำเภอ และกลไกการท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่
โดยภายหลังจากการหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการแจ้งเตือนภัยในวันนี้ ทีมงานจะได้เซ็ตระบบ วิธีการ และรูปแบบการดำเนินงานร่วมกันในการส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ไปยังมือถือของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา
JJNY : หอการค้าหนองคายเผยตัวเลขสูญเสีย│ร้องทนายตั้ม โดนกทม.สั่งทำเสื้อ│ปภ.ถกด่วนหารือกสทช.│เรือข้ามฟากไทย-ลาวโอด ต้นทุน
https://www.dailynews.co.th/news/3869252/
หอการค้าหนองคาย เผยตัวเลขสูญเสียทางเศรษฐกิจช่วงน้ำโขงล้นตลิ่งท่วม 6 อำเภอ เสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท วอนรัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือ เกษตรกรทรุดแน่ขาดเงินขาดรายได้ พืชผลเสียหายหนัก โรงเรียนสั่งปิดชั่วคราว 20 แห่ง
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. สถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ 16 ก.ย. น้ำยังคงท่วมในหลายพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะใจกลางเมืองหนองคาย ย่านเศรษฐกิจ ร้านค้าสองข้างทางถนนประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลเมืองหนองคาย และร้านค้าริมแม่น้ำโขง รวมถึงต่างอำเภอ ทุกร้านปิด ไม่สามารถค้าขายได้จนกว่าสถานการณ์น้ำโขงจะลดและผ่านพ้นช่วงฟื้นฟู
นางดวงใจ สุขเกษมสิน รองประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ชาวหนองคายได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเชียงราย เพราะคาดการณ์ว่าน้ำต้องไหลมายังแม่น้ำโขง นั่นจะส่งผลกระทบต่อชาวหนองคายอย่างแน่นอน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงมีการเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า ทั้งการขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย แต่เมื่อน้ำมาจริงก็ส่งผลกระทบอยู่ดี เมื่อมองด้านเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดซึ่งมีการค้าขายกับชาวลาวเป็นประจำ ร้านค้าปิด คนลาวมาซื้อของไม่ได้ ร้านค้าส่งสินค้าไม่ได้ ก็ต้องสูญเสียรายได้ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่เมื่อรวมทั้งต่างอำเภอที่ได้รับผลกระทบด้วยก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยสินค้าของจังหวัดหนองคายส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตร เมื่อพื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมพืชผลทางการเกษตรเสียหาย เกษตรกรจะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ขาดรายได้ ขาดปัจจัยการผลิต ขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาให้ตรงจุดอย่างเร่งด่วน ภารกิจหลังน้ำลดก็จะเป็นการฟื้นฟูทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สภาพจิตใจ และภาคการเกษตรต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคายเขต 1 (สพป.นค.1) ได้แจ้งว่า มีโรงเรียนในสังกัด 3 อำเภอ สั่งปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวจากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งหมด 20 โรงเรียน อ.สังคม 7 โรงเรียน, อ.ศรีเชียงใหม่ 8 โรงเรียน และ อ.เมืองหนองคาย 5 โรงเรียน ซึ่งได้กำชับให้ครูดูแลนักเรียน เร่งสำรวจความเสียหาย ทำการเยียวยา และได้จัดหาถุงยังชีพ 200 ชุด ไปมอบให้กับครูและนักเรียนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ด้วย
เจ้าของร้านเสื้อ ร้อง ทนายตั้ม โดนกทม.สั่งทำเสื้อพระราชพิธีแล้วไม่จ่ายเงิน จนติดหนี้ 30 ล้าน แถมบ้านถูกยึด
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_775944/
วันนี้ (16 ก.ย. 67) ที่ Sittra Law Firm นางสาวยุวดี ปิยนุสรณ์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเสื้อ เข้าร้องทุกข์กับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หลังเมื่อปี 2560 ถูกกรุงเทพมหานครสมัยผู้ว่าราชการอัศวิน ขวัญเมือง สั่งผลิตเสื้อโปโลผ้าไนกี้ สีขาวดำ ปักโลโก้กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แสนตัว ราคา 49.6 ล้านบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครใส่ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แต่เมื่อผลิตเสร็จ ทางกรุงเทพมหานครอ้างว่าไม่มีงบจ่ายค่าเสื้อ ทำให้นางสาวยุวดีต้องเป็นหนี้ 30 ล้านบาท จากต้นทุนการผลิตเสื้อ
นางสาวยุวดี กล่าวว่า ช่วงใกล้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ตนเองได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการสำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร สั่งทำเสื้อดำ 1 แสนตัว และสีขาวอีก 1 แสนตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของกรุงเทพมหานครที่จะให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดใส่ในช่วงพระราชพิธี โดยผู้อำนวยการคนดังกล่าวให้ตนเองเริ่มผลิตเสื้อได้เลย
เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด แล้วจะนำหนังสือสัญญามาให้เซ็นภายหลัง ตนเองจึงเริ่มผลิต แต่ต่อมามีการนำเสนอข่าวว่าการจัดสั่งซื้อเสื้อกันฝนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าวเช่นกัน มีราคาแพงผิดปกติ สุดท้ายทำให้กรุงเทพมหานครต้องยกเลิกโครงการไป ทั้งที่ตนเองผลิตเสื้อสีดำเสร็จแล้ว 1 แสนตัว ส่วนสีขาวอีก 1 แสนตัวก็ซื้อผ้ามาแล้ว
ตนเองพยายามติดต่อไปทางผู้อำนวยการคนดังกล่าวให้ซื้อเสื้อ แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีงบสั่งซื้อแล้ว เมื่อตนเองบอกว่าจะฟ้อง อีกฝ่ายก็บอกว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วยเหลือ ด้วยความไว้ใจผู้อำนวยการคนนี้ ตนเองจึงยอมรอ ไม่ฟ้อง ก่อนที่สุดท้ายแล้วผู้อำนวยการคนนี้ยอมซื้อเสื้อ 50,000 ตัว ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนที่คดีจะหมดอายุความ 2 ปี จากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าเรื่องการซื้อเสื้ออีกเลย และผู้อำนวยการคนนี้ได้เกษียณอายุราชการไป ทำให้ตนเองยังมีเสื้อสีดำค้างสต็อกอยู่ 50,000 ตัว และผ้าขาวใช้ทำเสื้ออีก 1 แสนตัว ต้องแบกรับหนี้สินจำนวนมาก จะไปฟ้องก็ไม่ทันแล้ว เพราะหมดอายุความ
นางสาวยุวดี กล่าวอีกว่า ตนทำได้เพียงยื่นถวายฎีกา ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็ทำหนังสือให้กรุงเทพมหานครแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ตนเองต้องไปกู้เงินทั้งในและนอกระบบมาหมุนธุรกิจ นำบ้านไปจำนองธนาคาร ปัจจุบันเป็นหนี้ธนาคาร 15 ล้านบาท จนถูกธนาคารฟ้องขับไล่ออกจากบ้านเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
แต่ตนเองก็ย้ายไปไหนไม่ได้ เพราะแม่ก็ล้มป่วยติดเตียง และลูกก็ยังเรียนหนังสืออยู่ จนตอนนี้หมดสิ้นประดาตัว เมื่อไม่ย้ายออก สุดท้ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมาตนเองก็ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากขัดคำสั่งศาลที่ให้ออกจากพื้นที่พิพาท
ด้านทนายษิทรา กล่าวว่า ในด้านกฎหมายคงช่วยเหลือได้ยาก เพราะคดีหมดอายุความแล้ว ดังนั้นจึงวอนขอให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจุบัน พิจารณาซื้อเสื้อดังกล่าวจากผู้เสียหาย เนื่องจากเสื้อมีการปักชื่อหน่วยงานไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถขายให้หน่วยงานอื่นได้
ปภ.ถกด่วนหารือกสทช.ค่ายมือถือเซ็ตระบบSMSแต้งเตือนภัย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_775970/
ปภ.ถกด่วนหารือ กสทช. หน่วยงานแจ้งเตือนภัย และผู้ให้บริการเครือข่าย เซ็ตระบบ SMS แจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทันเวลา
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมหารือกับนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานโทรคมนาคม ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและรูปแบบในการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบข้อความสั้น (SMS)
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนภัยสู่ประชาชน ซึ่ง ปภ. ได้มีการวางระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านกลไกของทุกจังหวัด อำเภอ และกลไกการท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่
โดยภายหลังจากการหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการแจ้งเตือนภัยในวันนี้ ทีมงานจะได้เซ็ตระบบ วิธีการ และรูปแบบการดำเนินงานร่วมกันในการส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ไปยังมือถือของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา