ผมคบกับแฟนมา 6 ปีกว่าแล้ว ตั้งแต่มัธยมต้นตอนอายุ 15 จนตอนนี้ก็อายุ 20 แล้ว ผมเป็นคนที่ถ้ารักใครก็จะรักมาก ทุ่มเททุกอย่างให้เต็มที่ อยากอยู่กับคนนั้นไปตลอด จนมีครอบครัว อาจจะฟังดูแปลกๆ สำหรับเด็กในวัยนั้น แต่ตั้งแต่คบกับแฟนคนนี้มา เธอไม่ใช่คนแรกที่ผมคบ แต่เป็นคนแรกที่ทำลายกำแพงหลายๆ อย่างในชีวิตผม
ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนขี้อายมาก เวลาคบกับใครก็ไม่กล้าทำอะไรเลย แม้แต่จับมือก็อาย เหงื่อออกเต็มมือ ไม่กล้าพูดหรือขยับตัว หัวใจก็เต้นแรงจนบางครั้งทำให้ความรักในวัยเด็กๆ จบลง เพราะผมไม่กล้ารุก แต่พอมาเจอแฟนคนนี้ เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าหาผมก่อน เธอเดินมาหาผมเอง เพราะผมไม่กล้าเข้าไปหา 555 นั่นแหละที่ค่อยๆ ทำให้ผมเริ่มไม่ค่อยอายแล้ว แม้ว่าแรกๆ ก็ยังอายอยู่
เธอเป็นคนแรกในหลายๆ โมเมนต์ของความรัก หลังเลิกเรียน เราก็จะมาหากัน กินของอร่อยด้วยกันทุกวัน พูดคุยกันตลอด เวลาเทศกาลก็มักจะมีของขวัญให้กัน พอคบกันนานเข้า ความรักก็ยิ่งมากขึ้น ความผูกพันก็เช่นกัน แม้ว่าบางครั้งจะมีอุปสรรคบ้าง ทะเลาะกัน ร้องไห้เสียใจกันตามประสาเด็กๆ แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้ ซึ่งยิ่งทำให้เรารักกันมากขึ้น
ผมเองเป็นคนที่ถ้ารักใครก็หวังให้เป็นรักแท้ ตั้งใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก คิดเสมอว่าคนนี้แหละที่ผมตามหา ไม่ต้องหาใครอีกแล้ว ผมเชื่อว่ารักแท้ไม่ได้มีแค่ในนิยาย
ตอนเราอยู่มัธยมปลาย เราเริ่มไปเที่ยวด้วยกันบ้าง นัดเจอกันนอกโรงเรียน แต่ต้องแอบ เพราะเธอกลัวว่าคนที่บ้านจะรู้ แต่ก็มีความสุข แม้จะต้องระวังตัวอยู่ตลอดก็ตาม 555 ความผูกพันก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น กินของอร่อยด้วยกันบ่อยๆ จนฝันถึงการสร้างอนาคตด้วยกัน
เธอเคยบอกผมว่าอย่านอกใจกัน และเธอก็จะไม่ทำเช่นกัน เพราะเธอกลัวว่าผมจะเจอโลกใหม่ที่กว้างขึ้น ทั้งสังคม สภาพแวดล้อม และผู้คน แต่ผมก็มั่นใจในตัวเองว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะผมเป็นคนรักจริง ไม่อยากเห็นคนที่เรารักต้องเสียใจ 555
พอผมใกล้จบมัธยมปลาย เธอก็ห่างจากผมแค่ปีเดียว ผมจบก่อนเธอ และช่วงนี้ทั้งสองครอบครัวก็เริ่มรู้เรื่องของเรามากขึ้น ดูเหมือนว่าครอบครัวเธอจะยอมรับผมบ้างแล้ว จากการที่เพื่อนๆ ของเธอและคนรอบตัวพูดถึงผม เพราะผมเป็นคนที่ทุ่มเทให้แฟนคนนี้มาก ดูแลและเทคแคร์เธอทุกอย่าง เรื่องนอกใจไม่เคยมีเลย เพื่อนๆ เธอถึงกับแซวว่าผมน่าจะได้รางวัลแฟนดีเด่น 555 ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยให้ครอบครัวเธอเชื่อใจผม เพราะหลายคนก็พูดแบบนั้น
พอเราคบกันเปิดเผยมากขึ้น ผมก็ได้ไปเที่ยวบ้านเธอ ส่วนเธอก็มาเที่ยวบ้านผม ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เจอเธอ ครอบครัวทั้งสองฝั่งก็เริ่มสนิทกัน มีพูดคุยแลกเปลี่ยนของฝากกัน ทำให้ผมยิ่งรักและผูกพันกับเธอมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ แม้แต่ตายแทนเธอก็ยอม
ผมมักจะขับรถไปส่งของกินที่เธออยากกินให้เสมอ เพราะบ้านเธออยู่ไกลจากแหล่งร้านค้าประมาณ 10 กิโล ส่วนบ้านผมอยู่ในเขตที่มีร้านค้าหลายร้าน เธอจึงมาไม่บ่อยนัก แถมการที่เธอเป็นผู้หญิงก็อาจอันตราย ผมก็เลยมักจะเป็นคนขับรถเอาของไปให้เองตั้งแต่สมัยแรกๆ บางครั้งก็ขับผ่านหน้าบ้านแล้วโยนของลงให้ 555 มีครั้งหนึ่งผมโยนแกงไปแล้วแตกเลย ไม่รู้ว่าเธอได้กินหรือเปล่า
ทุกๆ วัน เราจะคุยโทรศัพท์กันจนติดเป็นนิสัย ความผูกพันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรักเธอมากจนไม่อยากมองผู้หญิงคนอื่นเลย ผมอยากทำดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง 555
พ่อแม่ผมก็เป็นห่วงบ้างที่ผมขับไปรับเธอบ่อยๆ แต่ผมเป็นห่วงเธอที่ต้องขับรถมาเองตั้งไกล ผมจึงมักจะขับไปก่อนหรือดักรอที่หน้าหมู่บ้านเธอ 555 เซอร์ไพรส์เธอบ้าง เราคบกันแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งผมจบมัธยมปลายและต้องไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ เธออยู่ ม.6 ใกล้จบแล้ว เธออยากหางานทำเพื่อเก็บเงินซื้อโทรศัพท์ใหม่ เพราะเครื่องที่ใช้อยู่ไม่ดีเลย
ผมจึงเสนอให้เธอมาพักที่บ้านผม เพราะบ้านผมอยู่ใกล้แหล่งงานมากกว่า เธออยู่บ้านผม พ่อแม่ผมก็ดูแลเธอดี ทำกับข้าวให้ เธอก็ได้ทำงานเป็นครั้งแรก เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ร้านหมูกระทะ ผมคิดว่านั่นเป็นการเติบโตครั้งใหญ่ของเธอในชีวิต ซึ่งผมก็ไม่กังวล เพราะพ่อผมเป็นตำรวจ 555 ไม่ใช่ว่าจะบ้าอำนาจนะ แต่หมายถึงว่าเธอสามารถบอกคนอื่นได้ว่าเธอเป็นลูกสาวพ่อผม ซึ่งคนในพื้นที่นี้ส่วนมากก็รู้จักพ่อผมดี ทำให้เธอปลอดภัยขึ้นหลายด้าน
ตอนนี้เธอก็มีรายได้ของตัวเองแล้ว และผมก็สบายใจขึ้นมาก แต่ตอนนี้ผมต้องไปเตรียมตัวไปเรียนก่อน ไว้บ่ายๆ จะมาต่อครับ ส่วนเธอตอนนี้ก็นอนอยู่ข้างๆ ผมนี่เอง เห้อ~~ ไว้เจอกันครับ จะได้เข้าประเด็นหลักเมื่อกี้ที่บอกไว้
ไม่กล้าบอกเลิกกับแฟนเพราะกลัว...
ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนขี้อายมาก เวลาคบกับใครก็ไม่กล้าทำอะไรเลย แม้แต่จับมือก็อาย เหงื่อออกเต็มมือ ไม่กล้าพูดหรือขยับตัว หัวใจก็เต้นแรงจนบางครั้งทำให้ความรักในวัยเด็กๆ จบลง เพราะผมไม่กล้ารุก แต่พอมาเจอแฟนคนนี้ เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าหาผมก่อน เธอเดินมาหาผมเอง เพราะผมไม่กล้าเข้าไปหา 555 นั่นแหละที่ค่อยๆ ทำให้ผมเริ่มไม่ค่อยอายแล้ว แม้ว่าแรกๆ ก็ยังอายอยู่
เธอเป็นคนแรกในหลายๆ โมเมนต์ของความรัก หลังเลิกเรียน เราก็จะมาหากัน กินของอร่อยด้วยกันทุกวัน พูดคุยกันตลอด เวลาเทศกาลก็มักจะมีของขวัญให้กัน พอคบกันนานเข้า ความรักก็ยิ่งมากขึ้น ความผูกพันก็เช่นกัน แม้ว่าบางครั้งจะมีอุปสรรคบ้าง ทะเลาะกัน ร้องไห้เสียใจกันตามประสาเด็กๆ แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้ ซึ่งยิ่งทำให้เรารักกันมากขึ้น
ผมเองเป็นคนที่ถ้ารักใครก็หวังให้เป็นรักแท้ ตั้งใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก คิดเสมอว่าคนนี้แหละที่ผมตามหา ไม่ต้องหาใครอีกแล้ว ผมเชื่อว่ารักแท้ไม่ได้มีแค่ในนิยาย
ตอนเราอยู่มัธยมปลาย เราเริ่มไปเที่ยวด้วยกันบ้าง นัดเจอกันนอกโรงเรียน แต่ต้องแอบ เพราะเธอกลัวว่าคนที่บ้านจะรู้ แต่ก็มีความสุข แม้จะต้องระวังตัวอยู่ตลอดก็ตาม 555 ความผูกพันก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น กินของอร่อยด้วยกันบ่อยๆ จนฝันถึงการสร้างอนาคตด้วยกัน
เธอเคยบอกผมว่าอย่านอกใจกัน และเธอก็จะไม่ทำเช่นกัน เพราะเธอกลัวว่าผมจะเจอโลกใหม่ที่กว้างขึ้น ทั้งสังคม สภาพแวดล้อม และผู้คน แต่ผมก็มั่นใจในตัวเองว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะผมเป็นคนรักจริง ไม่อยากเห็นคนที่เรารักต้องเสียใจ 555
พอผมใกล้จบมัธยมปลาย เธอก็ห่างจากผมแค่ปีเดียว ผมจบก่อนเธอ และช่วงนี้ทั้งสองครอบครัวก็เริ่มรู้เรื่องของเรามากขึ้น ดูเหมือนว่าครอบครัวเธอจะยอมรับผมบ้างแล้ว จากการที่เพื่อนๆ ของเธอและคนรอบตัวพูดถึงผม เพราะผมเป็นคนที่ทุ่มเทให้แฟนคนนี้มาก ดูแลและเทคแคร์เธอทุกอย่าง เรื่องนอกใจไม่เคยมีเลย เพื่อนๆ เธอถึงกับแซวว่าผมน่าจะได้รางวัลแฟนดีเด่น 555 ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยให้ครอบครัวเธอเชื่อใจผม เพราะหลายคนก็พูดแบบนั้น
พอเราคบกันเปิดเผยมากขึ้น ผมก็ได้ไปเที่ยวบ้านเธอ ส่วนเธอก็มาเที่ยวบ้านผม ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เจอเธอ ครอบครัวทั้งสองฝั่งก็เริ่มสนิทกัน มีพูดคุยแลกเปลี่ยนของฝากกัน ทำให้ผมยิ่งรักและผูกพันกับเธอมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ แม้แต่ตายแทนเธอก็ยอม
ผมมักจะขับรถไปส่งของกินที่เธออยากกินให้เสมอ เพราะบ้านเธออยู่ไกลจากแหล่งร้านค้าประมาณ 10 กิโล ส่วนบ้านผมอยู่ในเขตที่มีร้านค้าหลายร้าน เธอจึงมาไม่บ่อยนัก แถมการที่เธอเป็นผู้หญิงก็อาจอันตราย ผมก็เลยมักจะเป็นคนขับรถเอาของไปให้เองตั้งแต่สมัยแรกๆ บางครั้งก็ขับผ่านหน้าบ้านแล้วโยนของลงให้ 555 มีครั้งหนึ่งผมโยนแกงไปแล้วแตกเลย ไม่รู้ว่าเธอได้กินหรือเปล่า
ทุกๆ วัน เราจะคุยโทรศัพท์กันจนติดเป็นนิสัย ความผูกพันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรักเธอมากจนไม่อยากมองผู้หญิงคนอื่นเลย ผมอยากทำดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง 555
พ่อแม่ผมก็เป็นห่วงบ้างที่ผมขับไปรับเธอบ่อยๆ แต่ผมเป็นห่วงเธอที่ต้องขับรถมาเองตั้งไกล ผมจึงมักจะขับไปก่อนหรือดักรอที่หน้าหมู่บ้านเธอ 555 เซอร์ไพรส์เธอบ้าง เราคบกันแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งผมจบมัธยมปลายและต้องไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ เธออยู่ ม.6 ใกล้จบแล้ว เธออยากหางานทำเพื่อเก็บเงินซื้อโทรศัพท์ใหม่ เพราะเครื่องที่ใช้อยู่ไม่ดีเลย
ผมจึงเสนอให้เธอมาพักที่บ้านผม เพราะบ้านผมอยู่ใกล้แหล่งงานมากกว่า เธออยู่บ้านผม พ่อแม่ผมก็ดูแลเธอดี ทำกับข้าวให้ เธอก็ได้ทำงานเป็นครั้งแรก เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ร้านหมูกระทะ ผมคิดว่านั่นเป็นการเติบโตครั้งใหญ่ของเธอในชีวิต ซึ่งผมก็ไม่กังวล เพราะพ่อผมเป็นตำรวจ 555 ไม่ใช่ว่าจะบ้าอำนาจนะ แต่หมายถึงว่าเธอสามารถบอกคนอื่นได้ว่าเธอเป็นลูกสาวพ่อผม ซึ่งคนในพื้นที่นี้ส่วนมากก็รู้จักพ่อผมดี ทำให้เธอปลอดภัยขึ้นหลายด้าน
ตอนนี้เธอก็มีรายได้ของตัวเองแล้ว และผมก็สบายใจขึ้นมาก แต่ตอนนี้ผมต้องไปเตรียมตัวไปเรียนก่อน ไว้บ่ายๆ จะมาต่อครับ ส่วนเธอตอนนี้ก็นอนอยู่ข้างๆ ผมนี่เอง เห้อ~~ ไว้เจอกันครับ จะได้เข้าประเด็นหลักเมื่อกี้ที่บอกไว้