ด้วยเหตุนี้...
จึงมีเรื่องราวของผู้ปฏิบัติเพื่อแสวงหาความหลุดพ้น (ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตของบุคคลนั้น)...บริจาคทานลูกเมียบ้าง, หนีลูกเมียไปบวชบ้าง, ปฏิเสธที่จะขึ้นครองราชย์บ้าง, ไม่อยู่บ้านคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่แก่ชราบ่าง...ฯลฯ
...เพราะผู้ปฏิบัติเพื่อการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด...เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด...วางเป้าหมายชีวิตไว้ มากกว่า
- การเป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติ...ที่หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูจนลูกหลานเติบใหญ่
- การเป็นสามีดีเด่นแห่งชาติ...ที่อยู่เป็นคู่ครอง, เป็นคู่คิด เคียงใจ เคียงกาย, เป็นเสาหลักคอยดูแลบ้านเรือนลูกเต้า
- การเป็นลูกหลานยอดกตัญญู...ที่คอยดูแลเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ป้อนข้าวป้อนน้ำพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
***********
** อย่างไรก็ดี เวลาที่มีคนกล่าวหา/โจมตี พระเวสสันดรบ้าง, เจ้าชายสิทธัตถะ--พระพุทธเจ้าบ้าง
ก็จะมีพระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ออกมาอธิบายว่า...
...แท้ที่จริง, ท้ายที่สุด, บทสรุป, ตอนอวสานของเรื่อง--ลูกเมียของพระเวสสันดรไม่ได้ตกระกำลำบากอะไรมากมายเลย เพราะมีคนช่วยเหลือไว้--ลูกเมียของเจ้าชายสิทธัตถะ/พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการอยู่กินอะไรมากมาย (ฝ่ายลูกก็ได้ออกบวชจนถึงธรรม)--พ่อแม่ของเจ้าชายสิทธัตถะ/พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่อะไรมากมาย
***********
เอาล่ะ...สรุปว่า กระทู้นี้ พยายามจะอธิบายว่า คนบางคน เขามีเป้าหมายชีวิตสูงกว่าชาวบ้านร้านตลาด, สูงกว่าการอยากเป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติ, สูงกว่าการอยากเป็นสามีดีเด่นแห่งชาติ, สูงกว่าการอยากเป็นลูกยอดกตัญญูแห่งชาติ
...เพราะ ก็แค่ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากสังคม อยู่แค่เวลาชั่วครู่ ชั่วยาม...จากนั้นก็ล้มหายตายจากกันไป...แล้วก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิด...กลับมาเล่นบท พ่อ-แม่-ลูก ดีเด่นแห่งชาติ กันอีกซ้ำ ๆ หลายแสนหลายล้านภพชาติ...ซึ่งเขามองว่า ไม่ใช่ความสุขที่เที่ยงแท้ถาวรอะไร
...เขาจึงจำเป็นต้องทิ้งลูกทิ้งเมีย, ทิ้งพ่อทิ้งแม่...ออกแสวงหา...เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด อะไรบางอย่าง (ที่เขามุ่งหวัง และให้ค่าสูงมากกว่าสิ่งอื่น ๆ)
การบรรลุธรรม(หลุดพ้นจากสังสารวัฏ) สำคัญกว่าการเป็น "พ่อดีเด่นแห่งชาติ" "สามีดีเด่นแห่งชาติ" และ "ลูกหลานยอดกตัญญู"
จึงมีเรื่องราวของผู้ปฏิบัติเพื่อแสวงหาความหลุดพ้น (ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตของบุคคลนั้น)...บริจาคทานลูกเมียบ้าง, หนีลูกเมียไปบวชบ้าง, ปฏิเสธที่จะขึ้นครองราชย์บ้าง, ไม่อยู่บ้านคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่แก่ชราบ่าง...ฯลฯ
...เพราะผู้ปฏิบัติเพื่อการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด...เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด...วางเป้าหมายชีวิตไว้ มากกว่า
- การเป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติ...ที่หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูจนลูกหลานเติบใหญ่
- การเป็นสามีดีเด่นแห่งชาติ...ที่อยู่เป็นคู่ครอง, เป็นคู่คิด เคียงใจ เคียงกาย, เป็นเสาหลักคอยดูแลบ้านเรือนลูกเต้า
- การเป็นลูกหลานยอดกตัญญู...ที่คอยดูแลเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ป้อนข้าวป้อนน้ำพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
***********
** อย่างไรก็ดี เวลาที่มีคนกล่าวหา/โจมตี พระเวสสันดรบ้าง, เจ้าชายสิทธัตถะ--พระพุทธเจ้าบ้าง
ก็จะมีพระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ออกมาอธิบายว่า...
...แท้ที่จริง, ท้ายที่สุด, บทสรุป, ตอนอวสานของเรื่อง--ลูกเมียของพระเวสสันดรไม่ได้ตกระกำลำบากอะไรมากมายเลย เพราะมีคนช่วยเหลือไว้--ลูกเมียของเจ้าชายสิทธัตถะ/พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการอยู่กินอะไรมากมาย (ฝ่ายลูกก็ได้ออกบวชจนถึงธรรม)--พ่อแม่ของเจ้าชายสิทธัตถะ/พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่อะไรมากมาย
***********
เอาล่ะ...สรุปว่า กระทู้นี้ พยายามจะอธิบายว่า คนบางคน เขามีเป้าหมายชีวิตสูงกว่าชาวบ้านร้านตลาด, สูงกว่าการอยากเป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติ, สูงกว่าการอยากเป็นสามีดีเด่นแห่งชาติ, สูงกว่าการอยากเป็นลูกยอดกตัญญูแห่งชาติ
...เพราะ ก็แค่ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากสังคม อยู่แค่เวลาชั่วครู่ ชั่วยาม...จากนั้นก็ล้มหายตายจากกันไป...แล้วก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิด...กลับมาเล่นบท พ่อ-แม่-ลูก ดีเด่นแห่งชาติ กันอีกซ้ำ ๆ หลายแสนหลายล้านภพชาติ...ซึ่งเขามองว่า ไม่ใช่ความสุขที่เที่ยงแท้ถาวรอะไร
...เขาจึงจำเป็นต้องทิ้งลูกทิ้งเมีย, ทิ้งพ่อทิ้งแม่...ออกแสวงหา...เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด อะไรบางอย่าง (ที่เขามุ่งหวัง และให้ค่าสูงมากกว่าสิ่งอื่น ๆ)