เลขาฯ ไบโอไทย โชว์หมายเรียก บริษัทดังฟ้อง กรณีปลาหมอคางดำ
https://www.matichon.co.th/local/news_4777930
เลขาฯ ไบโอไทย โชว์หมายเรียก บริษัทดังฟ้อง กรณีปลาหมอคางดำ
เมื่อวันที่ 7 กันยายน มูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย (BIOTHAI) ได้โพสต์
เฟซบุ๊ก เผยหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บริษัทเอกชนแจ้งความหมิ่นประมาทถึงนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) โดยระบุว่า
“หมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บริษัทเอกชนรายหนึ่งแจ้งความดำเนินคดี นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) มาถึงแล้ว โดยแจ้งว่าเป็นการฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ในหมายเรียกแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น.
อนึ่ง เลขาธิการไบโอไทยให้ข้อมูลว่า เพิ่งได้รับหมายเรียกนี้เมื่อเย็นวานนี้ (วันที่ 6 กันยายน 2567 หลังจากประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมสภาทนายความเดินทางทางไปยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัทเอกชนเมื่อวันที่ 5 กันยายน เพียง 1 วัน) โดยที่หัวจดหมายระบุว่าเป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมีเพียงเอกสารแผ่นเดียว ไม่พบ “
รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายหมายเรียกผู้ต้องหา” แต่อย่างใด
โดยเลขาธิการไบโอไทยได้แจ้งรายละเอียดการได้รับหมายเรียกนี้แล้วแก่ทีมทนายความที่นำโดย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) ซึ่งได้รับมอบอำนาจ เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้ต่อไป
รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้จะนำเสนอผ่านเพจ BIOTHAI เป็นลำดับ
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=934541778719236&id=100064902661454&rdid=OMK8i0RxtUVIq3s9
อดีต นศ.แจ้งความกลับ อธิการฯ ม.ดัง แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้ง หลัง 2 ศาลยกฟ้อง ทำตกเป็นจำเลยสังคม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9400742
อดีต นศ.แจ้งความกลับ อธิการฯ ม.ดัง แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้ง หลัง 2 ศาลยกฟ้อง ทำตกเป็นจำเลยสังคม ถูกเกลียดชัง สู้มา 2 ปีจนเป็นผู้บริสุทธิ์
วันที่ 6 ก.ย.67 นาย
ต่อพงษ์ จีนใจน้ำ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นาย
ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้พา น.ส.
อัมรา จานรัมย์ อายุ 23 ปี อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.
ตรัยภูมิ นิธิชิษณุพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมผู้ช่วยอธิการบดีฯ และอาจารย์ รวมทั้งหมด 3 คน ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน และเบิกความเท็จต่อศาล
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 อธิการบดีฯ ได้มอบอำนาจให้รองอธิการฯ ไปแจ้งความ น.ส.
อัมรา ซึ่งขณะนั้นยังเป็น นศ.อยู่ โดยกล่าวหาว่า น.ส.
อัมรา มีส่วนร่วมกับนักศึกษาอีก 4 คน กระทำการหมิ่นประมาทด้วยการนำป้ายผ้าที่มีข้อความในลักษณะหมิ่นประมาท ว่าอธิการมีพฤติกรรมไม่โปร่งใส และถ่ายภาพป้ายผ้าไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “
บุรีรัมย์ปลดแอก” ซึ่งเป็นเพจสาธารณะ ทำให้ น.ส.
อัมรา และ นศ.อีก 4 คน รวม 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหา และจำเลยในคดี โดยโจทย์อ้างอิงเพียงภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดขณะ นศ.ผู้หญิงเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นหลักฐานในการแจ้งความ และอาจารย์ซึ่งไม่เคยสอน น.ส.
อัมรา เป็นคนชี้ยืนยันว่าบุคคลในภาพเป็น น.ส.
อัมรา
น.ส.
อัมรา กล่าวว่า หลังจากถูกแจ้งความกล่าวหา ตนก็ยืนยันกับตำรวจตลอดว่า ไม่เคยมีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และบุคคลในภาพก็ไม่ใช่ตัวเอง โดยภาพที่เขานำมาอ้างเป็นหลักฐานสวมใส่ชุดธรรมดา แต่วันนี้ตนสวมชุดนักศึกษาและนั่งสอบอยู่ในห้อง ก็มีทั้งหัวหน้าห้อง เพื่อนห้องเดียวกัน และอาจารย์ที่คุมสอบเป็นพยานให้ ที่สำคัญจำเลยที่ 2 และ 5 ซึ่งเป็น นศ.ที่ยอมรับว่าเป็นคนนำป้ายผ้าไปติด ก็ยืนยันว่าตนเอง ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนั้น และภาพที่ปรากฏในวงจรปิดก็เป็นหนึ่งในจำเลยเอง ซึ่งตนก็ได้ร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการด้วย แต่ก็มีการสั่งฟ้อง จนต้องต่อสู้ในชั้นศาลนานกว่า 2 ปี และทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำตามที่ถูกกล่าวหา แต่กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับผลกระทบทั้งต่อการเรียน สภาพจิตใจเป็นอย่างมากถูกอาจารย์กดดันต่อว่ามาตลอด ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ที่มาแจ้งความวันนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง เอาผิดคนที่กล่าวหาทำให้เสียหาย
ด้าน นาย
ต่อพงษ์ ระบุว่า น้องได้ร้องไปที่เพจของ นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีที่ถูกอธิการบดี และพวก แจ้งความกล่าวว่าทั้งที่ไม่ได้กระทำผิด จึงได้มอบหมายให้ตน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฯ สอบถามข้อเท็จจริงและให้น้องไปคัดคำพิพากษาศาล ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทย์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอยืนยันได้ว่าน้องเป็นผู้กระทำความผิด
เท่าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานที่โจทย์นำไปแจ้งความและขึ้นสู่ศาล มีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิด และอาจารย์คนหนึ่งไประบุว่า เป็นน้องอั้ม ซึ่งอาจารย์คนดังกล่าวยังไปเบิกความยืนยันในศาลด้วย คดีนี้หากพนักงานสอบสวนตรวจพิเคราะห์ให้ดี จะเห็นว่าภาพที่นำไปเป็นหลักฐานแจ้งความ ในภาพเป็นผู้หญิงผมสั้น แต่น้องที่ถูกกล่าวหาไว้ผมยาวมาโดยตลอด ทำให้น้องตกเป็นผู้ต้องหาและเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ได้กระทำผิด โดยตัวน้องเองก็ยืนยันกับพนักงานสอบสวน และชั้นอัยการมาตลอดว่า ภาพดังกล่าวไม่ใช่ตัวน้อง และคนที่ปรากฎในภาพก็รับสารภาพว่า เป็นตัวเขาเองแล้ว ที่สำคัญมีหนังสือยืนยันจากอาจารย์ว่า น้องเข้าสอบใส่ชุดอะไร น้องก็ได้ร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการด้วย กระทั่งถึงชั้นศาล ศาลก็ให้ความเป็นธรรมยกฟ้อง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องมันส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสภาพจิตใจ โดยเฉพาะตอนนั้นน้องยังศึกษาอยู่ก็ถูกกดดันอย่างหนัก ทั้งถูกอาจารย์เรียกไปตำหนิ ต้องเรียนด้วยความกดดันมาตลอดกว่าจะจบ ที่สำคัญน้องต้องขึ้นโรงพัก เสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย ต่อสู้คดีกว่าจะได้รับความเป็นธรรม หลังศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเพราะน้องเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงมาแจ้งความกลับทั้งอธิการบดี ผู้รับมอบอำนาจ และอาจารย์ที่เป็นคนยืนยันกับตำรวจ และเบิกความในชั้นศาลกล่าวหาน้อง ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ เบิกความเท็จ และมีการกลั่นแกล้งให้น้องต้องรับโทษทางอาญาด้วยหรือไม่ เพื่อเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ทั้งจะมีการฟ้องแพ่งเพื่อเยียวยาค่าเสียหายด้วย
ขณะที่ทนาย
อั๋น กล่าวว่า ก่อนอื่นก็ขอชื่นชมหัวใจของน้องที่พยายามยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ มาตลอดตั้งแต่ชั้นตำรวจ ผ่านกระบวนการอัยการ และต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งที่น้องเป็น นศ. ต้องสู้กับอาจารย์ที่เป็นผู้ให้ ผู้เติมเต็ม ซึ่งตอนนั้นหากน้องเลือกที่จะไปขอโทษเพื่อให้จบเรื่องไปก็สามารถทำได้ แต่น้องเลือกที่เข้าสู่กระบวนการเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง ก็ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะในชั้นศาล ซึ่งตนก็จะเข้ามาช่วยดูคดีของน้องในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย
ปภ. เตือนหลายจังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระยะสั้น
https://www.thairath.co.th/news/local/2813022
"กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย" ประกาศแจ้งเตือนหลายจังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระยะสั้น
เฟซบุ๊ก
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM โพสต์ข้อความโดยระบุว่า
รายงานคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย ประจำวันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น.
พื้นที่เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร
อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากฟ้าผ่า
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย (อ.เมืองฯ โพนพิสัย เฝ้าไร่) บึงกาฬ (อ.เมืองฯ โซ่พิสัย) นครพนม (อ.เมืองฯ) และสกลนคร (อ.เมืองฯ เต่างอย)
ภาคกลาง จ.ตราด (อ.บ่อไร่ เขาสมิง คลองใหญ่)
ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.เมืองฯ กะเปอร์) พังงา (อ.ตะกั่วป่า คุระบุรี ท้ายเหมือง กะปง) และภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง
• ภาคเหนือ จ.เชียงราย (อ.ขุนตาล พญาเม็งราย) สุโขทัย (อ.ศรีสำโรง สวรรคโลก คีรีมาศ กงไกรลาศ) พิษณุโลก (อ.เมืองฯ บางระกำ พรหมพิราม) และนครสวรรค์ (อ.ชุมแสง)
• ภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ) อ่างทอง (อ.ป่าโมก วิเศษชัยชาญ) พระนครศรีอยุธยา (อ.บางบาล บางปะหัน เสนา ผักไห่ พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน บางไทร) และนครปฐม (อ.บางเลน)
ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้าโดยเฉพาะบริเวณน้ำท่วมแนวสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้า หรือวัตถุสื่อนำกระแสไฟฟ้า ระวังการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านทาง เพื่อความปลอดภัยควรงดการท่องเที่ยวในพื้นที่ถ้ำและน้ำตก
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร/ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
• ภาคกลาง จ.ชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง สัตหีบ) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านฉาง แกลง) จันทบุรี (อ.นายายอาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ ขลุง) และตราด (อ.เมืองฯ แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด)
• ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ คลองท่อม เกาะลันตา เหนือคลอง อ่าวลึก) ตรัง (อ.กันตัง สิเกา ปะเหลียน หาดสำราญ) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู ท่าแพ ทุ่งหว้า)
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวควรงดเล่นน้ำทะเล และเฝ้าระวังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บริเวณชายทะเล เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
https://www.facebook.com/DDPMNews
JJNY : เลขาฯไบโอไทยโชว์หมายเรียก│อดีตนศ. แจ้งความกลับอธิการฯ│ปภ.เตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน│“ยางิ”มุ่งหน้าไปยังเวียดนาม
https://www.matichon.co.th/local/news_4777930
เลขาฯ ไบโอไทย โชว์หมายเรียก บริษัทดังฟ้อง กรณีปลาหมอคางดำ
เมื่อวันที่ 7 กันยายน มูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย (BIOTHAI) ได้โพสต์ เฟซบุ๊ก เผยหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บริษัทเอกชนแจ้งความหมิ่นประมาทถึงนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) โดยระบุว่า
“หมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บริษัทเอกชนรายหนึ่งแจ้งความดำเนินคดี นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) มาถึงแล้ว โดยแจ้งว่าเป็นการฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ในหมายเรียกแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น.
อนึ่ง เลขาธิการไบโอไทยให้ข้อมูลว่า เพิ่งได้รับหมายเรียกนี้เมื่อเย็นวานนี้ (วันที่ 6 กันยายน 2567 หลังจากประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมสภาทนายความเดินทางทางไปยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัทเอกชนเมื่อวันที่ 5 กันยายน เพียง 1 วัน) โดยที่หัวจดหมายระบุว่าเป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมีเพียงเอกสารแผ่นเดียว ไม่พบ “รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายหมายเรียกผู้ต้องหา” แต่อย่างใด
โดยเลขาธิการไบโอไทยได้แจ้งรายละเอียดการได้รับหมายเรียกนี้แล้วแก่ทีมทนายความที่นำโดย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) ซึ่งได้รับมอบอำนาจ เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้ต่อไป
รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้จะนำเสนอผ่านเพจ BIOTHAI เป็นลำดับ
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=934541778719236&id=100064902661454&rdid=OMK8i0RxtUVIq3s9
อดีต นศ.แจ้งความกลับ อธิการฯ ม.ดัง แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้ง หลัง 2 ศาลยกฟ้อง ทำตกเป็นจำเลยสังคม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9400742
อดีต นศ.แจ้งความกลับ อธิการฯ ม.ดัง แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้ง หลัง 2 ศาลยกฟ้อง ทำตกเป็นจำเลยสังคม ถูกเกลียดชัง สู้มา 2 ปีจนเป็นผู้บริสุทธิ์
วันที่ 6 ก.ย.67 นายต่อพงษ์ จีนใจน้ำ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้พา น.ส.อัมรา จานรัมย์ อายุ 23 ปี อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.ตรัยภูมิ นิธิชิษณุพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมผู้ช่วยอธิการบดีฯ และอาจารย์ รวมทั้งหมด 3 คน ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน และเบิกความเท็จต่อศาล
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 อธิการบดีฯ ได้มอบอำนาจให้รองอธิการฯ ไปแจ้งความ น.ส.อัมรา ซึ่งขณะนั้นยังเป็น นศ.อยู่ โดยกล่าวหาว่า น.ส.อัมรา มีส่วนร่วมกับนักศึกษาอีก 4 คน กระทำการหมิ่นประมาทด้วยการนำป้ายผ้าที่มีข้อความในลักษณะหมิ่นประมาท ว่าอธิการมีพฤติกรรมไม่โปร่งใส และถ่ายภาพป้ายผ้าไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “บุรีรัมย์ปลดแอก” ซึ่งเป็นเพจสาธารณะ ทำให้ น.ส.อัมรา และ นศ.อีก 4 คน รวม 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหา และจำเลยในคดี โดยโจทย์อ้างอิงเพียงภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดขณะ นศ.ผู้หญิงเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นหลักฐานในการแจ้งความ และอาจารย์ซึ่งไม่เคยสอน น.ส.อัมรา เป็นคนชี้ยืนยันว่าบุคคลในภาพเป็น น.ส.อัมรา
น.ส.อัมรา กล่าวว่า หลังจากถูกแจ้งความกล่าวหา ตนก็ยืนยันกับตำรวจตลอดว่า ไม่เคยมีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และบุคคลในภาพก็ไม่ใช่ตัวเอง โดยภาพที่เขานำมาอ้างเป็นหลักฐานสวมใส่ชุดธรรมดา แต่วันนี้ตนสวมชุดนักศึกษาและนั่งสอบอยู่ในห้อง ก็มีทั้งหัวหน้าห้อง เพื่อนห้องเดียวกัน และอาจารย์ที่คุมสอบเป็นพยานให้ ที่สำคัญจำเลยที่ 2 และ 5 ซึ่งเป็น นศ.ที่ยอมรับว่าเป็นคนนำป้ายผ้าไปติด ก็ยืนยันว่าตนเอง ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนั้น และภาพที่ปรากฏในวงจรปิดก็เป็นหนึ่งในจำเลยเอง ซึ่งตนก็ได้ร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการด้วย แต่ก็มีการสั่งฟ้อง จนต้องต่อสู้ในชั้นศาลนานกว่า 2 ปี และทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำตามที่ถูกกล่าวหา แต่กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับผลกระทบทั้งต่อการเรียน สภาพจิตใจเป็นอย่างมากถูกอาจารย์กดดันต่อว่ามาตลอด ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ที่มาแจ้งความวันนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง เอาผิดคนที่กล่าวหาทำให้เสียหาย
ด้าน นายต่อพงษ์ ระบุว่า น้องได้ร้องไปที่เพจของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีที่ถูกอธิการบดี และพวก แจ้งความกล่าวว่าทั้งที่ไม่ได้กระทำผิด จึงได้มอบหมายให้ตน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฯ สอบถามข้อเท็จจริงและให้น้องไปคัดคำพิพากษาศาล ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทย์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอยืนยันได้ว่าน้องเป็นผู้กระทำความผิด
เท่าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานที่โจทย์นำไปแจ้งความและขึ้นสู่ศาล มีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิด และอาจารย์คนหนึ่งไประบุว่า เป็นน้องอั้ม ซึ่งอาจารย์คนดังกล่าวยังไปเบิกความยืนยันในศาลด้วย คดีนี้หากพนักงานสอบสวนตรวจพิเคราะห์ให้ดี จะเห็นว่าภาพที่นำไปเป็นหลักฐานแจ้งความ ในภาพเป็นผู้หญิงผมสั้น แต่น้องที่ถูกกล่าวหาไว้ผมยาวมาโดยตลอด ทำให้น้องตกเป็นผู้ต้องหาและเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ได้กระทำผิด โดยตัวน้องเองก็ยืนยันกับพนักงานสอบสวน และชั้นอัยการมาตลอดว่า ภาพดังกล่าวไม่ใช่ตัวน้อง และคนที่ปรากฎในภาพก็รับสารภาพว่า เป็นตัวเขาเองแล้ว ที่สำคัญมีหนังสือยืนยันจากอาจารย์ว่า น้องเข้าสอบใส่ชุดอะไร น้องก็ได้ร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการด้วย กระทั่งถึงชั้นศาล ศาลก็ให้ความเป็นธรรมยกฟ้อง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องมันส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสภาพจิตใจ โดยเฉพาะตอนนั้นน้องยังศึกษาอยู่ก็ถูกกดดันอย่างหนัก ทั้งถูกอาจารย์เรียกไปตำหนิ ต้องเรียนด้วยความกดดันมาตลอดกว่าจะจบ ที่สำคัญน้องต้องขึ้นโรงพัก เสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย ต่อสู้คดีกว่าจะได้รับความเป็นธรรม หลังศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเพราะน้องเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงมาแจ้งความกลับทั้งอธิการบดี ผู้รับมอบอำนาจ และอาจารย์ที่เป็นคนยืนยันกับตำรวจ และเบิกความในชั้นศาลกล่าวหาน้อง ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ เบิกความเท็จ และมีการกลั่นแกล้งให้น้องต้องรับโทษทางอาญาด้วยหรือไม่ เพื่อเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ทั้งจะมีการฟ้องแพ่งเพื่อเยียวยาค่าเสียหายด้วย
ขณะที่ทนายอั๋น กล่าวว่า ก่อนอื่นก็ขอชื่นชมหัวใจของน้องที่พยายามยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ มาตลอดตั้งแต่ชั้นตำรวจ ผ่านกระบวนการอัยการ และต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งที่น้องเป็น นศ. ต้องสู้กับอาจารย์ที่เป็นผู้ให้ ผู้เติมเต็ม ซึ่งตอนนั้นหากน้องเลือกที่จะไปขอโทษเพื่อให้จบเรื่องไปก็สามารถทำได้ แต่น้องเลือกที่เข้าสู่กระบวนการเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง ก็ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะในชั้นศาล ซึ่งตนก็จะเข้ามาช่วยดูคดีของน้องในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย
ปภ. เตือนหลายจังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระยะสั้น
https://www.thairath.co.th/news/local/2813022
"กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย" ประกาศแจ้งเตือนหลายจังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระยะสั้น
เฟซบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM โพสต์ข้อความโดยระบุว่า
รายงานคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย ประจำวันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น.
พื้นที่เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร
อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากฟ้าผ่า
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย (อ.เมืองฯ โพนพิสัย เฝ้าไร่) บึงกาฬ (อ.เมืองฯ โซ่พิสัย) นครพนม (อ.เมืองฯ) และสกลนคร (อ.เมืองฯ เต่างอย)
ภาคกลาง จ.ตราด (อ.บ่อไร่ เขาสมิง คลองใหญ่)
ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.เมืองฯ กะเปอร์) พังงา (อ.ตะกั่วป่า คุระบุรี ท้ายเหมือง กะปง) และภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง
• ภาคเหนือ จ.เชียงราย (อ.ขุนตาล พญาเม็งราย) สุโขทัย (อ.ศรีสำโรง สวรรคโลก คีรีมาศ กงไกรลาศ) พิษณุโลก (อ.เมืองฯ บางระกำ พรหมพิราม) และนครสวรรค์ (อ.ชุมแสง)
• ภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ) อ่างทอง (อ.ป่าโมก วิเศษชัยชาญ) พระนครศรีอยุธยา (อ.บางบาล บางปะหัน เสนา ผักไห่ พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน บางไทร) และนครปฐม (อ.บางเลน)
ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้าโดยเฉพาะบริเวณน้ำท่วมแนวสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้า หรือวัตถุสื่อนำกระแสไฟฟ้า ระวังการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านทาง เพื่อความปลอดภัยควรงดการท่องเที่ยวในพื้นที่ถ้ำและน้ำตก
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร/ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
• ภาคกลาง จ.ชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง สัตหีบ) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านฉาง แกลง) จันทบุรี (อ.นายายอาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ ขลุง) และตราด (อ.เมืองฯ แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด)
• ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ คลองท่อม เกาะลันตา เหนือคลอง อ่าวลึก) ตรัง (อ.กันตัง สิเกา ปะเหลียน หาดสำราญ) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู ท่าแพ ทุ่งหว้า)
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวควรงดเล่นน้ำทะเล และเฝ้าระวังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บริเวณชายทะเล เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
https://www.facebook.com/DDPMNews