เกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้ผ่านมาได้ 2 ปีกว่าแล้วนะคะ แต่นึกถึงทีไรก็ยังหลอนตลอด เรื่องของเรื่องเลยก็คือ พี่สาวคนเล็กขอแทนว่าพีนะคะ คือพี่พีและสามีช่วงนั้นได้ลงทุนขายล็อตเตอรี่ด้วยกัน ขายอยู่แถวบ้านปกติเลยค่ะ และช่วงที่พี่พีขายล็อตเตอรี่อยู่ ทางพี่พีและสามีได้บูชารกแมวจากทางบ้านพี่เขยมาค่ะ อันนี้รู้หลังจากเกิดเรื่องไปแล้วนะคะ และใช่ค่ะการบูชารกแมวครั้งนี้ทางครอบครัวเราไม่มีใครทราบเรื่องเลยค่ะ ก็ค้าขายกันอยู่พักใหญ่ ช่วงนั้นเราท้องลูกคนที่ 2 อยู่
ผ่านไปหลายเดือนพี่พีกับสามีก็เลิกขายล็อตเตอรี่และเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ น่าจะสักเดือน 2 เดือนก่อนเราคลอดนี่แหละ และพี่พีก็ไม่เคยบอกว่าบูชาอะไรไว้และไม่ได้นำไปบูชาต่อที่กรุงเทพฯด้วย
คือปกติทุกวันพระพี่พีจะซื้อปลาทูมาเซ่นตลอด คือเราไม่รู้ว่าเรียกอะไรอะเลยขอแทนว่าเป็นการเซ่นละกันนะคะ จนเราคลอดลูกคนที่ 2 ผ่านไปไม่ถึงเดือนก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นค่ะ
คือขออธิบายลักษณะของบ้านเราก่อนนะคะ บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว มี 4 ห้องนอน ห้องอื่นจะเป็นห้องปกติ แต่ห้องเราจะอยู่โซนเดียวกับห้องครัว และติดฝ้า ช่วงที่เราอยู่ไฟมันจะมีเสียงแมวร้องตอนกลางคืน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนอยู่ไฟเสร็จย้ายกลับเข้ามาอยู่ในห้องนอนตัวเอง แรกๆก็ปกติดี หลังๆมาเริ่มมีแมวที่ไหนไม่รู้มาอยู่บนฝ้าเพดานห้องเรา แล้วมาทุกคืนเกือบเดือน มาแค่ตอนกลางคืนด้วย พอเช้ามาก็ไม่เจอแล้ว แต่เป็นแมวจริงๆนะอันนี้ บางคืนที่มาก็มีตัวนึง บางคืนก็ 2 ตัว ดึกดื่นก็จะมีเสียงร้อง เสียงกุกกักบนฝ้า แล้วช่วงนั้นคือหลอนระดับนึงแล้วอะ คือเวลาออกไปเข้าห้องน้ำ หรือหาอะไรกินช่วงดึกๆที่คนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว เราจะรู้สึกแปลกๆ คือห้องพี่พีจะอยู่ช่วงกลางๆบ้าน และรกแมวก็อยู่ในห้องนั้นแหละ แต่เราก็ไม่ได้คิดไปเองนะ เวลาออกมาข้างนอกตอนดึกๆจะรู้สึกเหมือนโดนมองอะไรเทือกๆนั้นเลย แล้วแมวก็มานอนบนฝ้าห้องเราทุกคืน มันน่ากลัวจนบางวันเราต้องปลุกพ่อมาไล่ให้เลยอะ แล้วมีอยู่ครั้งนึง เราคุยกับพ่อตอนไล่แมวนี่แหละว่าหรือมันจะมาเฝ้าลูกเรา แต่ตอนนั้นพูดติดเล่นนะไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะปกติไม่เคยมีแมวขึ้นมานอนบนฝ้าห้องเราเลยอะ เลยรู้สึกแปลกๆมั้ง
ส่วนตัวเป็นคนมีเซ้น ถ้ามีก็จะรู้สึกว่ามี แล้วช่วงนั้นลูกสาวเราคืองอแงหนักมาก ร้องไห้ไม่เอาอะไรแทบทุกคน นมก็แทบไม่กิน ไม่ค่อยยอมเข้าเต้า พอเปลี่ยนเป็นนมชงก็ไม่ดูดขวด ต้องใส่ไซริงป้อนตลอด พาไปหาหมอเพราะนึกว่าอาจจะท้องอืดหรือเป็นโคลิคในเด็ก หมอก็บอกปกติแต่ก็ยอมให้ยามาบ้าง เผื่อน้องไม่สบายท้อง คือไปรักษากันที่เอกชนเลยนะ แต่ก็ไม่หาย ไม่ดีขึ้น เป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆ จนเราคิดว่างั้นลองพึ่งทางอื่นดู อาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ก็เลยไปวัดแถวบ้านที่เป็นวัดประจำเรา เพราะเวลาไม่สบายใจหรือทำบุญอะไรแล้วแต่จะไปที่วัดนี้ตลอด วัดที่เราไปจะเป็นวัดป่า วันนั้นก็เจอกับเจ้าอาวาสวัดพอดี คนอื่นจะเรียกท่านว่าพระอาจารย์ แต่เราจะเรียกท่านว่าหลวงตา แต่ท่านยังไม่แก่นะทุกคน คือหลวงตาท่านนี้มีญาณทิพย์อะ เวลามีปัญหาก็จะมาให้หลวงตาช่วยตลอด ช่วงที่เราขวัญหายก็มาให้หลวงตาสวดต่ออายุให้
ต่อๆ เหมือนวันนั้นเราแต่งขันธ์ 5 พร้อมชื่อลูกสาว คือเราจำดีเทลวันนั้นไม่ค่อยได้อะ จำได้แค่ว่ามันอันตรายกับลูกเรามากๆแล้ว หลวงตาบอกให้รีบพาลูกสาวมาให้เร็วที่สุด อย่าให้ถึงวันพระ เพราะถ้ามาวันพระหรือหลังวันพระ หลวงตาจะสู้กับสิ่งสิ่งนั้นไม่ได้ เพราะมันแรงเกินไป ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร พอได้ยินก็ช็อคไปเลย หลวงตาบอกถ้าช้ามันจะเข้าหัวใจลูกเรา แล้วอาจจะช่วยไม่ได้แล้ว ลูกเราอาจจะไม่รอดเพราะเขาจะเอาลูกเราไปอยู่ด้วย
ก็ติดต่อหาที่บ้านแล้วก็ครอบครัวแฟน(เก่า)ทันที แม่ย่าเราก็มีความเชื่ออะไรแบบนี้เหมือนกัน เพราะทวดเป็นหมอธรรม เหมือนแม่ย่าไปทำอะไรสักอย่างเราก็ลืม มีการนำดอกไม้ไปให้พ่อหมอแล้วก็ทำพิธีอะ ถ้าดอกไม้เหี่ยวคือป่วยหนัก ถ้าดอกไม้แห้งคือไม่น่ารอด และใช่ค่ะดอกไม้มันเหี่ยว หมอบอกไม่ถึงกับตายแต่ป่วยหนักเอาการ แม่ย่าก็รีบมาหาเราวันนั้นเลย แล้วก็รีบพากันไปวัดหาหลวงตาเลย
แต่ก่อนไปแม่ย่าเราก็ถามว่ามีใครไปทำงานที่อื่นไหม บูชาอะไร เราก็โทรถามพี่พี พี่เราก็บอกไม่มีนะ ก็งงกันไปสิทีนี้
เรื่องหลอนๆจากรกแมวที่คนในบ้านบูชามา ปล.เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ
ผ่านไปหลายเดือนพี่พีกับสามีก็เลิกขายล็อตเตอรี่และเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ น่าจะสักเดือน 2 เดือนก่อนเราคลอดนี่แหละ และพี่พีก็ไม่เคยบอกว่าบูชาอะไรไว้และไม่ได้นำไปบูชาต่อที่กรุงเทพฯด้วย
คือปกติทุกวันพระพี่พีจะซื้อปลาทูมาเซ่นตลอด คือเราไม่รู้ว่าเรียกอะไรอะเลยขอแทนว่าเป็นการเซ่นละกันนะคะ จนเราคลอดลูกคนที่ 2 ผ่านไปไม่ถึงเดือนก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นค่ะ
คือขออธิบายลักษณะของบ้านเราก่อนนะคะ บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว มี 4 ห้องนอน ห้องอื่นจะเป็นห้องปกติ แต่ห้องเราจะอยู่โซนเดียวกับห้องครัว และติดฝ้า ช่วงที่เราอยู่ไฟมันจะมีเสียงแมวร้องตอนกลางคืน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนอยู่ไฟเสร็จย้ายกลับเข้ามาอยู่ในห้องนอนตัวเอง แรกๆก็ปกติดี หลังๆมาเริ่มมีแมวที่ไหนไม่รู้มาอยู่บนฝ้าเพดานห้องเรา แล้วมาทุกคืนเกือบเดือน มาแค่ตอนกลางคืนด้วย พอเช้ามาก็ไม่เจอแล้ว แต่เป็นแมวจริงๆนะอันนี้ บางคืนที่มาก็มีตัวนึง บางคืนก็ 2 ตัว ดึกดื่นก็จะมีเสียงร้อง เสียงกุกกักบนฝ้า แล้วช่วงนั้นคือหลอนระดับนึงแล้วอะ คือเวลาออกไปเข้าห้องน้ำ หรือหาอะไรกินช่วงดึกๆที่คนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว เราจะรู้สึกแปลกๆ คือห้องพี่พีจะอยู่ช่วงกลางๆบ้าน และรกแมวก็อยู่ในห้องนั้นแหละ แต่เราก็ไม่ได้คิดไปเองนะ เวลาออกมาข้างนอกตอนดึกๆจะรู้สึกเหมือนโดนมองอะไรเทือกๆนั้นเลย แล้วแมวก็มานอนบนฝ้าห้องเราทุกคืน มันน่ากลัวจนบางวันเราต้องปลุกพ่อมาไล่ให้เลยอะ แล้วมีอยู่ครั้งนึง เราคุยกับพ่อตอนไล่แมวนี่แหละว่าหรือมันจะมาเฝ้าลูกเรา แต่ตอนนั้นพูดติดเล่นนะไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะปกติไม่เคยมีแมวขึ้นมานอนบนฝ้าห้องเราเลยอะ เลยรู้สึกแปลกๆมั้ง
ส่วนตัวเป็นคนมีเซ้น ถ้ามีก็จะรู้สึกว่ามี แล้วช่วงนั้นลูกสาวเราคืองอแงหนักมาก ร้องไห้ไม่เอาอะไรแทบทุกคน นมก็แทบไม่กิน ไม่ค่อยยอมเข้าเต้า พอเปลี่ยนเป็นนมชงก็ไม่ดูดขวด ต้องใส่ไซริงป้อนตลอด พาไปหาหมอเพราะนึกว่าอาจจะท้องอืดหรือเป็นโคลิคในเด็ก หมอก็บอกปกติแต่ก็ยอมให้ยามาบ้าง เผื่อน้องไม่สบายท้อง คือไปรักษากันที่เอกชนเลยนะ แต่ก็ไม่หาย ไม่ดีขึ้น เป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆ จนเราคิดว่างั้นลองพึ่งทางอื่นดู อาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ก็เลยไปวัดแถวบ้านที่เป็นวัดประจำเรา เพราะเวลาไม่สบายใจหรือทำบุญอะไรแล้วแต่จะไปที่วัดนี้ตลอด วัดที่เราไปจะเป็นวัดป่า วันนั้นก็เจอกับเจ้าอาวาสวัดพอดี คนอื่นจะเรียกท่านว่าพระอาจารย์ แต่เราจะเรียกท่านว่าหลวงตา แต่ท่านยังไม่แก่นะทุกคน คือหลวงตาท่านนี้มีญาณทิพย์อะ เวลามีปัญหาก็จะมาให้หลวงตาช่วยตลอด ช่วงที่เราขวัญหายก็มาให้หลวงตาสวดต่ออายุให้
ต่อๆ เหมือนวันนั้นเราแต่งขันธ์ 5 พร้อมชื่อลูกสาว คือเราจำดีเทลวันนั้นไม่ค่อยได้อะ จำได้แค่ว่ามันอันตรายกับลูกเรามากๆแล้ว หลวงตาบอกให้รีบพาลูกสาวมาให้เร็วที่สุด อย่าให้ถึงวันพระ เพราะถ้ามาวันพระหรือหลังวันพระ หลวงตาจะสู้กับสิ่งสิ่งนั้นไม่ได้ เพราะมันแรงเกินไป ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร พอได้ยินก็ช็อคไปเลย หลวงตาบอกถ้าช้ามันจะเข้าหัวใจลูกเรา แล้วอาจจะช่วยไม่ได้แล้ว ลูกเราอาจจะไม่รอดเพราะเขาจะเอาลูกเราไปอยู่ด้วย
ก็ติดต่อหาที่บ้านแล้วก็ครอบครัวแฟน(เก่า)ทันที แม่ย่าเราก็มีความเชื่ออะไรแบบนี้เหมือนกัน เพราะทวดเป็นหมอธรรม เหมือนแม่ย่าไปทำอะไรสักอย่างเราก็ลืม มีการนำดอกไม้ไปให้พ่อหมอแล้วก็ทำพิธีอะ ถ้าดอกไม้เหี่ยวคือป่วยหนัก ถ้าดอกไม้แห้งคือไม่น่ารอด และใช่ค่ะดอกไม้มันเหี่ยว หมอบอกไม่ถึงกับตายแต่ป่วยหนักเอาการ แม่ย่าก็รีบมาหาเราวันนั้นเลย แล้วก็รีบพากันไปวัดหาหลวงตาเลย
แต่ก่อนไปแม่ย่าเราก็ถามว่ามีใครไปทำงานที่อื่นไหม บูชาอะไร เราก็โทรถามพี่พี พี่เราก็บอกไม่มีนะ ก็งงกันไปสิทีนี้