เรื่องแปลกประหลาดที่ผมเจอหนักที่สุดในชีวิต

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้เอง  ผมแนะนำอ่านด้วยความสนุกถือว่าเป็น"เรื่องเล่า"นะครับ  งั้นผมขอเกริ่นก่อนนะครับว่าครอบครัวของผมฐานนะปานกลางและผมได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่กับแฟนของผม  แฟนของผมเป็นคนภาคอีสานและส่วนผมนั้นเป็นคนภาคเหนือแฟนผมเนี้ยอยากจะมาเที่ยวที่จังหวัดที่ผมอยู่มากๆ และตกลงกันว่าเราจะปักหลักจังหวัดที่ผมอยู่เลย ผมก็โอเค ด้วยความที่ว่าจังหวัดที่ผมอยู่มีที่เที่ยวเยอะมากและเราทั้งสองคนชอบเที่ยวและมันต้องเดินทางบ่อยเราจึงตัดสินใจซื้อรถ ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะเอารถยนต์ดีไหม แต่ผมเองก็อายุพึ่งจะ20เองเลยไม่อยากจะขับรถยนต์เท่าไหร่เลยตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์เป็นบิ๊กไบค์ ผมเองก็เอามาหัดผมไปเที่ยวขึ้นเขาลงดอย ด้วยความที่ชินแล้วแฟนก็เริ่มที่จะหาที่เที่ยว

โดยแฟนผมพูดว่า "เธอเราไปงานที่จังหวัด...นี้ดูไหมงานเป็นงานประจำปีเลยนะนานๆมีครั้งนึง"

ผมเองก็ดูแล้วว่ามันก็แค่เหมือนงานวัดทั่วไป

แต่ผมก็คิดมุมกลับกันแฟนผมมาจากอีสานเพื่อมาอยู่มาเที่ยวที่ภาคเหนือเลยนะเลยตอบ "ตกลง"

และผมก็ได้สำรวจเส้นทางก่อนว่ามันห่างจากเรากี่กิโลเมตร(ปักมุดที่ตัวจังหวัด) ผมได้เส้นทางมาแล้วใน  GPS บอกผมว่าระยะทางนั้นคือ 1ชั่วโมง 45นาที แต่ที่ผมรู้มาคราวๆนั้นมันไม่น่าจะเกิน 45 นาทีน่าจะถึงแต่ผมคิดว่านั้นมันอาจจะเป็นแค่ตัวอำเภอซักหนึ่งอำเภอของจังหวัดนั้นก็ได้ก็ไม่ได้คิดอะไร

จากนั้นพอถึงวันที่นัดกับแฟนไปกันผมก็บอกว่า "เธออากาศมันร้อนนะงั้นเราเริ่มออกเดินทางตอน 4โมงเย็นดีไหม เผื่อเวลาไว้สัก2ชั่วโมง ไปถึงน่าจะ6โมงเย็นเนอะเดินงานชิวๆ"

แฟนผมก็โอเค พอถึงเวลา ผมก็เริ่มออกเดินทาง ตั้งแต่ผมเดินทางตั้งแต่เริ่มก็เกิดเหตุการณ์แปลกตั้งแต่เริ่มเลยเพราะมันเกิดการสูญเสียเกิดขึ้นระหว่างทาง เช่น นกถูกเหยียบ งูกินนก มีงานศพ มาเป็นระยะๆ จากนั้นผมก็ได้เห็นป้ายบอกทางผมเห็นว่า ป้ายบอกทางของจังหวัดนี้ไปทางซ้ายและ GPS บอกไปตรงผมก็เลยเชื่อ GPS เพราะ GPS นั้นจะพาเราไปทางที่ใกล้ที่สุดอยู่แล้วผมก็เลยตามไป พอตามไปได้สักพัก GPS ก็พาผมเข้าหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งซึ่งมีงานศพอยู่
ซึ่งมันไม่ใช่ถนนหลักแล้วนะครับ ผมก็คิดว่าแปลกๆแล้ว แต่พอขับไปได้สักมันก็ลัดไปทางถนนหลัก และพอเข้าถนนหลักผมก็เริ่มที่จะสังเกตเห็นแล้วว่า เอ่อมันมีป้ายทะเบียนของจังหวัดนี้อยู่ก็เริ่มชื้นใจขึ้นมา แต่พอขับไปได้สักระยะหนึ่งแล้วเส้นทางถนนหลักผมสังเกตุเห็นแล้วว่าเส้นทางที่ผมมานั้นไม่มีไฟตามทางที่มาเลย

ผมคิดว่า "ถ้างี้ตอนเรากลับมันจะต้องมืดมากแน่ๆ"

พอขับไปได้อีกสักพักนึงรถที่ผ่านมาเริ่มน้อลงเรื่อยๆ
แต่พอผมสังเกตุเห็นอีกว่าอีกประมาณ200เมตรต้องเลี้ยวซ้าย พอผมเลี้ยวซ้ายนั้นมันเหมือนประตูวันเหมือนเป็นทางเข้าวัดพอเข้าไปแล้วถนนกลายเป็นทางลูกรังไปแล้ว สรุปนั้นคือ ทางเข้าภูเขา ผมได้คิดสักพักแต่ก็ขับต่อเพราะคิดว่าคงจะเป็นทางลัดอีกตามเลย ก็เลยตามเส้นทางที่ GPS บอก พอเส้นทางมันเริ่มแคบลง(รถยนต์สามารถขับได้ทางเดียวเท่านั้น และไม่ทราบว่าถ้าขับเข้าไปแล้วจะมีที่กลับหรือเปล่า) ผมเริ่มไม่ไหวแล้วเพราะเส้นทางมันเริ่มแปลกมากๆสำหรับผม

ผมเลยจอดและคุยกับแฟนว่า(เวลา ณ ตอนนั้น 17:45 มืดๆ) "เธอเราจะเอายังไงดีเพราะข้างหน้ามันเหมือนไม่มีบ้านคนเลยนะแต่ GPS บอกว่าเราจะถึงจังหวัดนี้อีก11นาทีเนีย"

แฟนตอบว่า "เค้าอ่ะจะเตือนเธอหลายรอบแล้วคิดว่าเธอมั่นใจเลยไม่เตือน.."

ระหว่างนั้นเอง มียายคนหนึ่งพูดมาจากหลังผมว่า(ด้วยเสียงยายแก่อายุ80-90ปี) "มา..ทำ..ไม..หรอ..จ๊ะ..หนุ่ม.." ตอนที่ยายพูดเสร็จผมรู้สึกเจ็บที่หลังเหมือนโดนเข็มฉีดยา ผมมองที่มือยายคือ ยาย เล็บแกยาวมากๆ)

ผมตกใจเลยหันไปตอบว่า "ผมมาตาม GPS เนี้ยยายผมอยากรู้ว่าทางข้างหน้ามีร้านค้าหรือปั้มหรือเปล่า" ยายแกไม่พูดอะไรได้แต่แสยะยิ้มให้ พอผมถามต่อว่า "ยายรู้ไหมผมจะเข้าเมืองทางไหน" ยายแกก็เริ่มยิ้มมากขึ้น

ผมด้วยความกลัวผมเลยบอกว่า "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

ด้วยความโมโหผมขับไวมากๆในถนนที่เป็นทางลูกรัง หลังผมที่ยายเอาเล็บจิ้มผมก็เริ่มเจ็บ พอเข้าถนนที่เป็นยางมะตอยผมได้เห็นมีคนยืนซื้อของกันอยู่ 3 คน มี
ยาย(เจ้าของร้าย) ตา(เจ้าของร้าน) ป้า(คนซื้อ)

ผมได้เข้าไปถามว่า "ขอโทษนะผมมีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย พอดีว่าผมอ่ะจะไปงานนี้อ่ะครับมันอยู่ตรงไหน"  

ป้าตอบ "มันมีสองที่นะงานนี้อ่ะ ที่ที่1 คือ อำเภอ...ซึ่งมันห่างจากที่นี้อ่ะ2ชั่วโมง อีกที่นึงคือตัวเมืองนุ้นมันห่างจากนี้1ชั่วโมงกว่าๆ"

ผมตอบ "อ้าวแล้วที่ผมมาไม่ใช่ตัวเมืองหรอครับ"

ป้าตอบ "ไม่ใช่แล้วหนูมาจากไหน" ผมตอบ "ผมมาจากจังหวัด.." ป้าตอบ"อ้าวแล้วหนูมาที่นี้ได้ไง" ผมตอบ "ผมตามGPSมา ไม่เชื่อป้าดูสิครับ"
ป้า(ทำหน้าเครียด และโมโห) "หึ้ยเข้ามาได้ยังไง ไปเลย! มาจากไหนไปเลยกลับไปเลยอย่ามาทางนี้อย่าเข้ามาทางนี้"

ผมตอบ "งั้นโอเคครับขอบคุณนะครับ"

ผมขับกลับทางเดิมด้วยความโมโหขับประมาณ 140-150ได้และทางไม่มีไฟ(เผื่อคนลืม) พอขับไปได้สักระยะหนึ่งได้เห็นรถกระบะขับอยู่ข้างหน้าพร้อมกับมีคนงานอยู่หลังกระบะ(ขออนุญาติอธิบายลักษณะของกระบะ กระบะเป็นรุ่นเก่าและมีโครงเหล็กคล้ายกระบะขายผลไม้) ซึ่งในกระบะหลังมีคนอยู่หลายคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนงานผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยขับแซงไป พอผมแซงไปแล้วหันกลับมาดูคือ มีขาหลายคู่โผล่ออกมาจากกระบะ(ขออธิบายเผื่อใครมองไม่ออก เหมือนว่ากระบะนั้นบรรทุก คนที่กำลังนอนซ้อนๆกันแบบหลายๆคนและขาโผล่ออกมาจากโครงเหล็ก) ผมเห็นก็เลยขับให้ไวกว่าเดิมและไปถึงงานในที่สุดผมก็ถึงงาน  พอกลับจากงานผมก็เดินทางกลับซึ่งขากลับไม่เจออะไรและที่สำคัญกว่านั้นมันใกล้กับจังหวัดที่ผมอยู่มากๆ ขับแค่45นาทีถึงจริงๆ และพอถึงห้อง(ผมอยู่คนโดนะครับ)ผมได้ให้แฟนผมดูที่หลังให้หน่อยมีอะไรหรือเปล่าช่วยเช็คให้หน่อยแต่พอเปิดออกมาเจอกับรูจริงๆ ซึ่งมีของเหลวไหลออกมาจากรูนั้น
(ขออนุญาติต่อเลยนะครับเพื่อให้อ่านง่านขึ้นผมจะพยายามแยกบทคุยนะครับ) ระหว่างที่ผมให้แฟนผมเปิดหลังผมนั้นรู้มีของเหลวไหลออกมาคือ เลือดนั้นแหละครับแต่เลือดนั้นคือสีดำ มันเลอะ กกน. ผมเยอะมากๆแต่ผมไม่รู้สึกว่ามันมีความแฉะหรืออะไรเลยแค่รู้สึกว่าเจ็บ พอล้างแผลเสร็จแล้วผมได้มานั่งเล่นคอมเหมือนทุกที่ ช่วงเวลานอนของผมอยู่ที่ ตี5อยู่แล้วเกือบทุกวัน ผมก็นั่งเล่นไปจนเช้าเพราะว่ามันเจ็บ(ผมไม่อยากไปหาคุณหมอเพราะไปบ่อยแล้ว) พอถึงอีกวันถึงตอนกลางคืนผมเ็นช่วงเวลาเดิมคือ ตี5 เหมือนเดิมผมได้ยินเสียงเหมือนริงโทนมือถือมาเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่จากมือถือผมแน่นอนเพราะไม่ได้ตั้งไว้พอผมได้ยินผมก็ไม่ได้สนใจหรืออะไรก็กะว่าจะนอนแล้วเพราะเริ่มง่วงแแล้วก็เตรียมตัวอาบน้ำ พอเข้าไปห้องน้ำได้สักพักนึงประมาณ2-3นาทีมีคนมาเคาะประตูหน้าห้องน้ำ ผมก็รีบเปิดเพราะคิดว่าเป็นแฟนอยากเข้าห้องน้ำอาจจะปวดทุกข์อยู่ก็เปิดมา แต่ไม่เห็นมีใครอยู่เลย(หน้าห้องน้ำผมจะมีพรมขนแกะอยู่) พอผมมองที่พรมนั้นผมเห็นรอยเท้าคู่นึงโดยที่นิ้วเท้านั้นหันมาทางประตูผมก็ไม่ได้สนใจคิดว่าแฟนน่าจะแกล้ง พอกลับไปอาบน้ำจนเสร็จแล้วก็มีเสียงเหมือนเดิมเสียงเคาะประตูแต่จังหวะนั้นคือผมอาบเสร็จกำลังจะเปิดพอดี ผมเลยรีบเปิดเลยแต่กลับไม่เจออะไรเลยและมองไปปที่พรม คราวนี้รอยเท้าโดยนิ้วเท้าหันไปทางเตียง ผมก็คิดอยู่สักพักแล้วผมก็ไปนอน(ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีอยู่แล้วเพราะที่บ้านผมไม่ได้สอนให้กับเรื่องพวกนี้และบทสวดผมไม่รู้จักเลย ผมนั้นมีนิสัยที่แปลกก็คือเวลานอนผมจะเอาเท้ายื่นออกมาจากผ้าห่มและเตียงเป็นประจำอยู่แล้วทุกวันนี้ก็ยังครับ) พอผมนอนไปได้สักระยะหนึ่ง ผมนอนจนรู้สึกว่าตัวเองขับไม่ได้เหมือนร่างกายชาขยับไม่ได้เลยแต่รู้สึก จังหวะนั้นผมไม่ได้ลืมตาและรู้สึกเจ็บที่เท้าเหมือนมีของมีคมบางอย่างมากรีดฝ่าเท้าผม 6 เส้น ข้างละ3 ขีด ผมเจ็บผมน้ำตาไหลแต่ทำอะไรไม่ได้รู้สึกว่าเลือดตัวเองอะไหลเยอะ และมีมือ1คู่จับเท้าผม เอาส้นเท้าของผมชิดกันเพื่อให้เลือดไหลมารวมที่เดียวกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง ด้วยความที่ผมเจ็บและง่วงสุดๆ ผมก็หลับไปโดยไม่ฝันผมตื่นขึ้นมาแบบสะดุ้งตื่น มาเช็คฝ่าเท้าก็สรุปว่ามีรอยกรีดอยู่จริงๆและมีคาบเลือดอยู่แต่ไม่ใช่เลือดสีแดงแต่เป็นเลือดสีดำผมก็ตกใจและคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกเพราะตัวคิดว่าเลือดสีดำน่าจะเกิดกับผู้หญิงที่มีครรค์ซะอีกผมก็คุยกับแฟนว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นผมต้องทำยังไง

แฟนตอบ "งั้นเราไปทำบุญไหม"

ผม "ทำไมเราต้องทำด้วยหรอ เค้าคิดว่าแผลวันติดเชื้อนะเราไปหาหมอไหม"

แฟนตอบ "ทำบุญเลยแผลแค่นี้เดี๋ยวก็หายเดี๋ยวล้างแผลให้" (แฟนผมเป็นพยาบาลเก่า)

ผม "ได้งั้นต้องทำอะไรบ้างอะเพราะถ้าถามที่บ้านก็คงจะไม่รู้เหมือนกัน" (ผมเป็นคนไทย100%แต่ครอบครัวผมแอนตี้เรื่อง ละครไทย ความเชื่อไทย ดาราไทย ข่าวสารของไทย แต่ยังเข้าวัดไหว้พระอยู่เพราะงั้นผมก็เลยไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่)

แฟนตอบ "ทำตามพระอาจารย์ที่ท่านบอกเลย"

จากตอนนั้นผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ไม่เจอเหตุการณ์แปลกๆอยู่3วัน พอมาวันที่4ตอนที่ผมนอนคือเวลาเดิมช่วงตี5ก็อาบน้ำเหมือนเดิม  อาบเสร็จผมก็นอนและเหมือนมีคนมาบีบไหปลาร้า(อวัยะของร่างกาย)  ทำให้ผมหายใจไม่ค่อยจะสะดวกสักเท่าไหร่และขยับไม่ได้เป็นแบบนี้อยู่2คืน พอมาวันที่3ผมขยับร่างกายได้ผมจับมือที่บีบนั้น  จับแบบสุดแรงเท่าที่ผมมีจนมีเสียงเหมือนกระดูกหัก "กรุ๊บ" พร้อมกับเสียง "โอ้ย" เบาๆแต่หนักแน่น จากนั้นผมก็ไม่เจอเรื่องราวอีกเลย
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมเจอมาเมื่อไม่นานนี้เลย ทำให้ผมตื่นเต้นและก็กลัวก็คงคิดว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของผมเลย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านกันนะครับ ผมต้องขอกราบอภัยในเรื่องการเว้นวรรค หลายๆเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความไม่พอใจมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (ผมได้ไปหาข้อมูลมานิดนึงเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มานิดหน่อยนะครับ ผมจะมาต่อให้นะครับว่าสถานที่ที่ผมไปนั้นมันคืออะไร)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่