ควรไปต่อหรือพอแค่นี้? ข้อดีข้อเสียของแฟนที่คบกันมานานกว่า 4 ปี

ไม่เจ้าชู้ ข้อนี้ผมขอตัดทิ้ง เพราะ
การเจ้าชู้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นวันนี้ วันข้างหน้าก็อาจจะเจ้าชู้ได้ ในวันที่ผิดใจ ในวันที่คนอื่นเข้ามา ตอนที่มันอาจจะเจออะไรที่มาทดสอบชีวิต คนเรา 40-60 ปีก็เจ้าชู้ได้
ดังนั้นผมตัดทิ้ง ไม่ถือว่าเป็นข้อดีที่วัดผลได้ขนาดนั้น

ไม่ใช้ความรุนแรง ผมก็ตัดทิ้งครับ เพราะ คุณอาจจะไม่เจอเขาตอนขาดสติ วันนี้อาจจะไม่เจอ วันหน้าอาจจะใช่ก็ได้ ของแบบนี้แม้แต่ตัวผมยังบอกเลยว่า ผมจะไม่ใช้ความรุนแรงได้ขนาดไหน คนโมโห ถ้ายิ่งเป็นเรื่องที่เฟลมาก มันก็ใช้ว่าจะทนกันได้ง่ายนะครับ ข้อนี้ถือว่าไม่แน่นอนเหมือนกัน
บางคนแต่งงานไปโมโหจัด ตีภรรยาก็มีครับ แค่ไม่ได้ออกสื่อก็เท่านั้น

นอกนั้นก็ไม่อะไร ผมรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ก็แค่ คนธรรมดาเลย ที่มีตามสังคมครับ ที่คุณเจอแล้วสบายใจ เท่านั้นครับ คบได้ไม่แย่ แต่ก็ไม่ว้าว คิดว่าเป็นแบบนั้นมันก็แล้วแต่คุณตัดสินใจ

จะให้ผมอ่านขาดก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้มีข้อมูลเยอะ มันก็ต้องเสี่ยงอยู่ดีกันทุกคน

แต่เท่าที่อ่านเขาก็แค่พวก fixed mindset ดีอยู่แล้วก็ปล่อยไปแบบนั้น แต่ดูคุณจะเป็นคน จี้ให้เปลี่ยนมากกว่าอีกมั้ง เหมือนเปลี่ยนให้ตัวเองพอใจอะครับ เปลี่ยนให้คนคนนึงเป็นอีกแบบในแบบที่เราต้องการ

โดยที่ไม่รู้ว่า ข้อเสียพวกนั้น เรียกว่า ข้อเสียหรือเปล่า แต่มองว่า คุณโฟกัสแค่อนาคตครับ จะว่าดูที่เงินก็อาจจะเพราะเงินมันก็ต้องใช้ในอนาคต เพราะผมดูจากข้อเสียแล้ว ก็รู้เลยว่า คุณไม่ได้ แฮปปี้ไปสะทุกด้านขนาดนั้น และ เยอะด้วย แต่คุณยังคุยก็แค่ อนาคตที่เขามีมากกว่าคนอื่นที่เจอในช่วงนั้น เพราะข้อเสียมันเยอะกว่าข้อดีเยอะเลย เหตุผลมันจะเลยมีไม่กี่ข้อนัก

ถ้าเราคิดขำๆ แค่ผู้ชายมีอนาคตหรืองานเงินเดือนสูงมั่นคง คุณก็มองข้ามได้เกือบทุกข้อเสียแล้วหรือเปล่า??

เหมือนไอ้จืดเอาแต่ใจแต่มีตัง มาเจอกับ ผู้หญิงคาดหวังอนาคตสูงปี๊ดและชอบดุจี้ให้ปรับปรุงทุกอย่างที่ไม่ชอบเลย ชื่อซีรีย์แบบเกาหลีสไตล์

แถมคุณยังคาดหวัง อนาคต หรือ pressure อีกฝ่ายให้รวมสร้างอนาคตมากกว่าอีก เพราะเขาบอกแล้วดูไม่ค่อยสนใจอนาคตถ้าไม่แย่จริง อนาคตมันไม่จำเป็นต้องเริ่มสร้างเลยก็ได้นะ สมัยนี้อะไรมันไม่แน่นอนเยอะครับ การนั่งเฉยๆ อาจจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดด้วยซ้ำไป

แต่ผู้หญิงมักจะเป็นแบบนี้ไม่รู้ตัว ทั้งที่อนาคตมันก็แค่กำลังไหลๆ แต่คุณไปพยายามเร่งให้มันเกิดขึ้นเร็วขึ้น ต้องพร้อม ต้องไป ต้องได้ มันดูได้จากประโยคที่คุณขอให้เขาพูดปรุ๊บก็ต้องปรับตัวให้ได้ตามที่ขอเลย

เพราะคุณตั้งความคาดหวังในสิ่งที่อยากได้จากผู้ชายคนนี้เยอะกว่าที่ตัวเองต้องการไง แต่เขามีแค่ข้อเดียว ข้ออื่นคุณก็แค่พยายามเปลี่ยนเขาเอา เปลี่ยนให้เป็นในแบบที่คุณต้องการทุกข้อที่หวัง ถ้าให้เดาขำๆ นะสิ่งที่ใจอยากได้มากกว่านั้น

1. อยากให้เขาใส่ใจโรแมนติก พาเที่ยวได้ ดูหวานบ้าง
2. อยากให้เขาใจดี มีเหตุผล เชื่อฟัง ไม่อารมณ์ร้อน
3. อยากให้เขาวางแผนอนาคต ฉลาด จัดการปัญหามองอนาคตที่ไกล
4. อยากให้เขาใส่ใจดีเทลในหลายอย่างมากขึ้น
5. อยากให้ take care ดูแลฉันในยามลำบากด้วย
5. อยากได้ความมั่นคงทางฐานะอาชีพ ซึ่งมีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยน

ไม่แปลกที่หลายคนจะโฟกัสเรื่องแบบนี้ แต่บางทีมันแทบจะ เป๊ะทุกด้านแล้ว
เปลี่ยนมากกว่านี้ก็เป็นคน perfectionist หรือ สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน เพราะผมดูจากข้อเสียถ้าผมเปลี่ยนเป็นข้อดี มันก็ perfect score หมดเลย มันเกือบจะเหมือนเราเอาผู้ชายในซีรีย์เกาหลีมาเลย

เหมือนที่เขาโมโหก็ต้องดูด้วยว่า โมโหเพราะอะไร เพราะใคร?? เราไปจี้จุดเขาเลยทำให้เขาโมโหเองหรือเปล่า เพราะเขาอยู่เฉยๆ อาจจะสงบปกติดี แต่เพราะคนไปพยายามยุ่งในหลายส่วนที่เขาไม่ชอบมากไป เขาเลยโมโหหรือเปล่า

ก็เหมือนสมมุติเขามาด่าคุณกลับบ้างว่า ทำไมอะ ทำไมไม่หัดเป็นคนที่ดีบ้างเข้าใจกันบ้างกลับเงี้ย คุณก็โมโหกลับแบบนี้หรือเปล่า หรือ คุณคิดว่าเราไม่ผิดสักอย่างไปเลย

ผู้หญิงบางทีก็ชอบ แหย่รังแตน หรือ กวนน้ำให้ขุ่น

คนเราจะรู้ว่าใครโมโหง่ายหรือยาก เราต้องหาจุด trigger ในชีวิตให้เจอก่อน เช่น บางคนโมโหเพราะรถติดเลย แค่นั้นก็มี บางคนโมโหเพราะเล่นเกมส์ แต่เวลาอื่นคือใจเย็น คนเราจะมีเรื่องแบบนี้เสมอเป็นเหมือนตัวจุดชนวน ถ้ามันเจอไม่บ่อย หรือ คุณคือสาเหตุ ก็ตอบได้เลย คุณไม่เหมาะกับเขาหรอก การมีคุณเหมือนทำให้เขาโมโหอะแหละ ก็ไม่น่าคบนนะถ้าเป็นแบบนี้ เคยสังเกตุไหม??

ถ้าเป็นมุมมองคนมีแฟนอะครับ เขาจะพอเข้าใจข้อดีข้อเสีย และ ค่อยปรับปรุง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่คอขาดบาดตาย หรือ นิสัยเสียมาก จนเราไม่ทนเลย มันจะไม่คบกันแล้วหละ หรือ บางคนคบได้เพราะ เราก็มองว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดามากไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราขยี้ให้มันใหญ่ขึ้นเอง
อย่างบางคนเงี้ยอาจจะชอบ เล่นเกมส์ แต่บางคนฟังแค่นี้ก็โมโหแล้ว แต่บางคนบอกก็ปกตินิใครก็เล่นเกมส์ แต่งานการก็ทำอนาคตก็มี ไม่เห็นเสียหายอะไรสักอย่างเลย

ทำตัวดูไม่สร้างอนาคต แต่ถ้ามีเงินสำรองไว้อนาคตแต่แรก เช่น อาจจะเก็บเงินเก่ง แล้วรอซื้อบ้านตูมเดียวหลังแต่ง เสียดอกน้อย แบบนี้ผมนับว่ามีอนาคตนะเขาไม่ได้แย่นะ เขาแค่ทำของเขาไปเรื่อยๆ ช้าๆ เงียบๆ

เช่น ผมนะเคยเจอผู้หญิงบางคนที่สมองไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา อยากคบกับเราเพราะเราอาชีพดี หน้าที่ดี หลายอย่างดี ทัศนคติดีตอบโจทย์กับเขา แล้วมาเจ้ากี้บงการให้เรา พัฒนาอันนี้ ต้องทำตัวแบบนี้ จะได้มีลูก อยากมีลูกจะได้มีอนาคต ต้องให้เราเป็นในแบบที่เขาหวังได้ทุกอย่าง บ้านต้องหาได้แล้ว ผ่อนบ้านได้แล้ว ผ่อนรถยนต์ได้แล้ว

แล้วคือผมก็งงนะว่า ผมก็เก็บเงินของผม ผ่อนอนาคตหา อนาคตของผมเรื่อยๆ ไม่พอหรอ?? ถ้าเกิดผมโมโหแล้วถามกลับ แล้วตัวเองมีอนาคตมาให้เราไหมหละ?? แค่นี้ก็เหมือนโมโหแล้วจริงไหม??

ผมนี่ส่ายหัวเลยนะครับ เหมือนสิ่งที่เราทำมันก็ดีอยู่แล้วปะ flow ชีวิตของเรามันไหลดีอยู่แล้วอะ แล้วพยายามมา pressure ทำไม?? อนาคตของเราอยู่เฉยๆ ก็มีอนาคตเก็บเกี่ยวเงินเดือนไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ชีวิตมันก็ต้องไหลๆ ไม่สามารถไปบังคับฝืนเปลี่ยนเลย แต่อะไรที่แย่จริงเราก็พอเข้าใจเปลี่ยนให้ได้นะ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่มันดีอยู่แล้ว จะไปยุ่งให้มันแย่ไปกว่าเดิม ประมาณนั้น เราก็ต้องดูไป

เท่าที่ดูเหมือนยังไม่เคย เคยทดลองอยู่ด้วยกันเกิน 1 เดือนด้วย หรือ เปล่า??

แบบเจอหน้ากันบ่อยหยั่งกับผัวเมียแล้ว เพื่อดูชีวิตประจำวันในหลายอย่างอะครับ เพราะถ้าเคยอยู่ด้วยกันแล้วรับข้อเสียไม่ได้ขนาดนี้ หลายคนเขาไม่เลือกคบคนแบบนี้นานแล้วครับ

ถ้าคุณเคยผ่านอาจจะเห็นภาพรวมมากกว่านี้ แต่ก็เสี่ยง แต่คนกล้าวัดใจ เขาใช้วิธีนี้ตัดสินใจกันถ้าอยู่ด้วยกันได้หลายเดือน 1 เดือน 1 ปี แค่นี้ก็เหมือนคบกันแต่งงานไปแล้วครับ

แต่ถ้าบางคนเขาก็ ต๊ะ ต่อนยอนไง ดูห่างๆ แต่ไม่ค่อยรู้ลึกอะไรนัก พอคบไปจริงไม่ชอบสักอย่างอยากเลิก