การที่เราชินกับการอ่านนิยาย, การ์ตูนที่ย่อยง่ายจนชินจะทำให้เราเขียนนิยาย,การ์ตูนที่มีแฝงความนัยไม่ถนัดหรือเปล่า

ช่วงนี้เกม wukong กำลังฮิตซึ่งเกมก็มาจากเรื่องไซอิ๋ว ส่วนเนื้อเรื่องในเกมก็ทำได้ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะบทที่ 4 ตอนเรื่องราวของตือโป๊ยก่ายก็ทำให้อารมณ์คนเล่นหน่วงๆ ได้เหมือนกัน ในเรื่องไซอิ๋วก็มีแฝงความนัยไว้หลายอย่าง เช่น โทสะ - หงอคง โกรธ , โลภะ - ตือโป๊ยก่าย โลภ , โมหะ - ซัวเจ๋ง ความไม่รู้, ปีศาจแทนกิเลส , วานร 6 หู ที่มี 6 หูเพราะ 6 หมายถึงอายตนะทั้ง 6 - ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราสร้างมันขึ้นมาจากตัวเราเองเหมือนเราแบ่งจิตสองดวงเถียงกัน นอกจากนั้นแล้วยังมีคำเปรียบเปรยที่ว่าเมื่อก่อนพระพุทธเจ้าแสดงธรรมแบบมุขปาฐะใช้จำๆ เอาไปเล่าต่อ สุดท้ายเมื่อถึงหูที่ 6 บางสิ่งนั้นก็เพี้ยนแล้ว วานร 6 หูจึงแสดงสิ่งที่เรารู้มาแต่ไม่จริงแท้ ดังนั้นวานร 6 หูจึงน่ากลัวอันดับ 2 ในเรื่องไซอิ๋วเพราะเกิดจากเราเอง พลังจึงพอๆ กับหงอคง

ก็ทำให้มาคิดว่าในสมัยนี้คนไทยก็เขียนนิยาย เขียนการ์ตูนกันเยอะขึ้นเพราะมี platform ออนไลน์ให้เขียน นึกไปถึงหนังไทย อนิเมชั่นไทยที่มีปัญหาเรื่องบท สิ่งที่ไม่ค่อยเจอคือการเปรียบเปรยการแฝงความนัย หรือหลักการ หรือหลักคิดอะไรลงไปในเรื่อง มันเลยรู้สึกว่าทำให้ขาดความลุ่มลึกในแนวคิด หนังของฝรั่งอีกเรื่องที่นึกขึ้นได้ว่ามีการแฝงแนวคิดอะไรไว้ก็เรื่อง Matrix

ก็มาคิดว่าถ้าสมมติเราเป็นนักเขียนแต่ถ้าเราอ่านแต่เรื่องที่ย่อยง่ายจะทำให้ชินกับการเขียนนิยาย, เนื้อเรื่องภาพยนตร์ แบบนั้นหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นแล้วเราก็ต้องอ่านและตีความสิ่งที่แฝงมาบ่อยๆ จะทำให้เขียนนิยายที่มีเนื้อหาลุ่มลึกขึ้นได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่