ก่อนอื่น คำว่าบวชในที่นี้ หมายถึงการบวชเป็นพระภิกษุจริงๆ ตัดตัวเองออกจากทางโลก ไม่ใช่บวชเป็นพิธี บวชเอาบุญ บวชเอาพรรษา บวชหน้าไฟ หรือขอลางานมาบวช รวมถึงประเภทบวชก่อนเบียด เพราะพวกนี้มันเป็นไฟลท์บังคับ จำเป็นต้องบวช เป็นการบวชระยะสั้นๆ
ซึ่งหากเป็นสมัยพุทธกาล ผู้ที่เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุ คือบรรลุธรรมแล้ว อย่างน้อยเป็นพระโสดาบันแล้ว แบบนั้นไม่มีปัญหา ท่านไม่สนใจมางโลกแน่ และพร้อมที่จะเปลี่ยนสถานะตัวเองมาเป็นพระภิกษุ (หากไม่มีภาระรับผิดชอบใดๆ ค้างอยู่)
แต่ในปัจจุบัน รูปแบบการบวชเปลี่ยนแปลงไป หลายคนชอบพูดคำว่า "อยากบวชตลอดชีวิต" ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักธรรมะดีพอ บางคนยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร อย่าว่าแต่เป็นพระโสดาบันเลย
ผมมีวิธีทดสอบตัวเอง สำหรับคนที่บอกว่าอยากบวชตลอดชีวิต นั่นคือ "ถ้ามีคนเอาเงินมาให้ 100 ล้านบาทในตอนนี้ จะยังอยากบวชตลอดชีวิตอยู่หรือไม่?"
ตั้งใจคิดและตอบคำถามดีๆ ซื่อสัตย์กับตัวเอง ประเภทบอกว่า ยังคิดจะบวชอยู่ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ แบบนี้ไม่เอา ขอให้คิดว่ามีคนเอาเงินมาให้จริงๆ
เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญ สามารถบอกได้ว่าเราเข้าใจธรรมะดีพอหรือยัง
อย่างกรณีพระอาจารย์สิริปันโน ไม่ใช่แค่ 100 ล้าน แต่ท่านทิ้งเงิน 3 แสนกว่าล้านแล้วมาบวชจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนี้ หากใครคิดที่จะบวชตลอดชีวิต ขอให้ใช้วิธีทดสอบนี้ ซึ่งสิ่งที่ได้รับก็คือ เราจะรู้เลยว่า เราเข้าใจศาสนาพุทธถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
(ผมคิดว่า คนที่บอกว่า "อยากไปนิพพาน" ทุกคนเอาเงินหมด)
คนที่กำลังมีความทุกข์ และอยากหนีจากความทุกข์ เราไม่จำเป็นต้องบวชเลย ควรพ้นทุกข์ขณะที่ยังเป็นฆราวาสก่อน ด้วยการฟังธรรม ยกเว้นว่าต้องการหลบหนีไปอยู่ที่เงียบๆ ไม่เจอผู้คน หาที่สงบๆ นั่นอีกเรื่อง ซึ่งมีวิธีอื่นนอกเหนือจากการบวชเป็นพระอีกมากมาย
วิธีทดสอบตัวเองว่า เราเหมาะที่จะบวชหรือยัง ให้ใช้วิธีนี้
ซึ่งหากเป็นสมัยพุทธกาล ผู้ที่เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุ คือบรรลุธรรมแล้ว อย่างน้อยเป็นพระโสดาบันแล้ว แบบนั้นไม่มีปัญหา ท่านไม่สนใจมางโลกแน่ และพร้อมที่จะเปลี่ยนสถานะตัวเองมาเป็นพระภิกษุ (หากไม่มีภาระรับผิดชอบใดๆ ค้างอยู่)
แต่ในปัจจุบัน รูปแบบการบวชเปลี่ยนแปลงไป หลายคนชอบพูดคำว่า "อยากบวชตลอดชีวิต" ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักธรรมะดีพอ บางคนยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร อย่าว่าแต่เป็นพระโสดาบันเลย
ผมมีวิธีทดสอบตัวเอง สำหรับคนที่บอกว่าอยากบวชตลอดชีวิต นั่นคือ "ถ้ามีคนเอาเงินมาให้ 100 ล้านบาทในตอนนี้ จะยังอยากบวชตลอดชีวิตอยู่หรือไม่?"
ตั้งใจคิดและตอบคำถามดีๆ ซื่อสัตย์กับตัวเอง ประเภทบอกว่า ยังคิดจะบวชอยู่ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ แบบนี้ไม่เอา ขอให้คิดว่ามีคนเอาเงินมาให้จริงๆ
เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญ สามารถบอกได้ว่าเราเข้าใจธรรมะดีพอหรือยัง
อย่างกรณีพระอาจารย์สิริปันโน ไม่ใช่แค่ 100 ล้าน แต่ท่านทิ้งเงิน 3 แสนกว่าล้านแล้วมาบวชจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนี้ หากใครคิดที่จะบวชตลอดชีวิต ขอให้ใช้วิธีทดสอบนี้ ซึ่งสิ่งที่ได้รับก็คือ เราจะรู้เลยว่า เราเข้าใจศาสนาพุทธถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
(ผมคิดว่า คนที่บอกว่า "อยากไปนิพพาน" ทุกคนเอาเงินหมด)
คนที่กำลังมีความทุกข์ และอยากหนีจากความทุกข์ เราไม่จำเป็นต้องบวชเลย ควรพ้นทุกข์ขณะที่ยังเป็นฆราวาสก่อน ด้วยการฟังธรรม ยกเว้นว่าต้องการหลบหนีไปอยู่ที่เงียบๆ ไม่เจอผู้คน หาที่สงบๆ นั่นอีกเรื่อง ซึ่งมีวิธีอื่นนอกเหนือจากการบวชเป็นพระอีกมากมาย