ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คอเพลงชาวไทยได้ทราบข่าวการจากไปของขุนพลเพลงลูกทุ่งชาวจังหวัดสระแก้วผู้มีนามว่า "เพลิน พรหมแดน" เจ้าตำรับ "เพลงพูด" ซึ่งมีผลงานการขับร้องและขีดเขียนบทเพลงไว้มากมาย

เชื่อว่าคนที่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวอาจไม่รู้จักนักร้องท่านนี้ดีนัก แต่ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่หรือคุณตาคุณตายแล้วคงเคยรู้จักดี เพราะเขาคร่ำหวอดในวงการเพลงมากว่า 60 ปี

เรามีเกร็ดประวัติบางสิ่งบางอย่างจาก "ลุงเพลิน" เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังที่มักฟังเพลงแนวอื่นเป็นหลักนั้นพอจดจำเอาไว้บ้าง...

เริ่มจากเขาเป็นนักร้องที่มีน้ำเสียงดีเยี่ยมคนหนึ่ง รู้จักแบ่งวรรคลมหายใจด้วยตัวเอง จนทำให้คนฟังเพลงไม่รู้สึกอึดอัด

ทางด้านงานเพลงพูด มีเพื่อน ๆ และลูกศิษย์ลูกหาหลายท่านมาใส่เสียงพูดร่วมกับลุงเพลิน ที่คุ้นหน้าค่าตากันดีมักจะเป็นศิลปินตลกที่มีชื่อเสียง อาทิ เทพ โพธิ์งาม, กล้วย เชิญยิ้ม, แดน บุรีรัมย์ เป็นต้น

เขาเคยได้รับการบันทึกไว้ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" เมื่อปี 2546 ว่าเป็นนักร้องในสังกัดที่มีอายุมากที่สุด ตอนนั้นเขามีอายุ 64 ปี (แต่ในนิตยสารอิมเมจระบุผิดไปว่า 54 ปี) โดยได้ฝากอัลบั้มเพลงกับค่ายแกรมมี่ โกลด์ อยู่ 1 ชุด เชื่อว่าคอเพลงค่ายคงเคยทราบและรับฟัง ทว่าเทปชุดนั้นกลับขายไม่ออกซะงั้น

เคยออกผลงานเพลงในจังหวะดนตรีที่ผิดแผกไปจากเดิมด้วย เช่น ดิสโก้ จนกระทั่งงานเพลงพูดอย่าง "ข่าวสด ๆ" และ "กีฬามหาสนุก" ยังถูกวงดนตรีระดับตำนานอย่าง "แกรนด์เอ็กซ์" เอาไป re-cover ในสไตล์ของทางวงเอง สังเกตให้ดีมีเสียงของ "จอนนี่ แอนโฟเน่" มาพูดแทรกร่วมกับเพื่อน ๆ สมาชิกวงด้วย

และยังเคยได้รับเกียรติจาก "เวิร์คพอยท์" ให้มาเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต "เพลงแบบประภาส" ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2550 เพื่อร้องเพลง "อยากมีหมอน" ในเวอร์ชันเพลงพูด ทำเอาผู้ชมในวันนั้นทึ่งที่ได้ฟังบทเพลงเก่า ๆ จากแนวอื่นด้วยลีลาเชิงลูกทุ่ง-ตลก

และเขาอาจเป็นนักร้องลูกทุ่งเพียงคนเดียวที่จัดทำบทเพลงกึ่งบรรยายที่มีเนื้อหากล่าวถึงพุทธประวัติ โดยตัวเองได้เผยถึงเบื้องหลังการทำเพลงว่า "เป็นเพลงที่แต่งยากสุด ยาวที่สุด และใช้เวลาแต่งนานที่สุด ตั้งแต่แต่ง ร้อง จนทำเป็นเพลงชุดสำเร็จนี่ใช้เวลาถึง 5 ปี"

เรียกว่า "ลุงเพลิน" มีประวัติการสร้างสรรค์บทเพลงที่น่าประทับใจและไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละที่ส่งผลให้เขาเป็น "ศิลปินแห่งชาติ" มาประดับไว้ในโลกา

ในฐานะคนที่เคยฟังเพลงของเขาก็อดคิดอดฝันไม่ได้ว่า สักวัน...เราอาจได้ฟังเพลงร้องล้วน ๆ อย่าง "ชมทุ่ง" มาดัดแปลงเป็นเพลงพูด หรือจะเอาเพลงพูดเช่น "อาตี๋สักมังกร" ไปทำเป็นเพลงร้องล้วน ๆ ก็น่าจะเป็นไปได้

แม้วันนี้ต้นตำรับเพลงพูดผู้นี้ได้ลาลับไปให้ความบันเทิงบนสรวงสวรรค์ ก็ไม่แน่ว่าจะมีศิลปินรุ่นหลังสักคนสองคนมาขอสืบสานทางเพลงจากเขาด้วย

เราอาจได้ฟัง "เพลงพูด" ในแนวดนตรีที่มิใช่ลูกทุ่งเมื่ออนาคตข้างหน้าก็เป็นได้...ใครกล้า? เรากำลังรอ

ด้วยความระลึกถึง สวัสดี.