== The Last Emperor (1987) พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิ... แค่ในวังต้องห้ามเท่านั้น ==



“พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิเสมอ... เพียงแค่ในวังต้องห้ามแห่งนี้เท่านั้น....  “



จะมีใครที่รู้สึกเหงาและว้าเหว่ได้ถึงเพียงนี้อีกในโลกใบนี้ มีผู้คนรายล้อมมากมาย 
คนข้างกายเปรียบเสมือนเบี้ยที่พร้อมจะสั่งให้ทำสิ่งใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ 
ทว่าจะหาคนที่จริงใจไว้พูดคุยด้วยกันในฐานะเพื่อนนั้นเพียงสักคน.. กลับไม่มี...



The Last Emperor เป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ เรื่องราวของผู่อี๋จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง 
ก่อนที่จีนจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายทั้งประเทศ 
ทั้งความอ่อนแอภายในของราชวงศ์ การคอรัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยกลุ่มขันที 
ก่อนที่จีนต้องพบกับความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในประเทศ ขุนศึกคิดเป็นใหญ่ แต่ละมณฑลแยกตัวเป็นอิสระ 
ต่างชาติเข้ามามีบทบาทในการเมือง (โดยเฉพาะญี่ปุ่น) 
ทุกอย่างส่งผลให้จีนไปถึงจุดจบของจากระบอบกษัตริย์ก่อนเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์ในที่สุด



ผลงานการสร้างระดับสุดยอดของ Bernardo Bertolucci ผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ชาวอิตาเลี่ยน 
ยิ่งทำให้น่าประทับใจ เพราะชาวยุโรปแท้ๆ แต่สามารถถ่ายถอดวัฒนธรรมจีนได้อย่างสมบูรณ์แบบ 
เราจะได้เห็นประเพณีต่างๆในวังต้องห้าม (แน่นอนว่าทีมงานย่อมต้องมีชาวจีนเป็นที่ปรึกษา) โดยละเอียด 
ตั้งแต่จักรพรรดิตื่นนอน กินข้าว ออกว่าราชการ ทุกอย่างทำได้สมบูรณ์แบบเหลือเกิน



การจัดวางองค์ประกอบของภาพ การจัดแสง การให้สีของหนัง ผู้ชมชมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในวังไปด้วย 
แม้ว่าสถานที่จะดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่บรรยากาศของภาพที่ออกมาดูเดียวดาย เปลี่ยวเหงา...
วังอันแสนยิ่งใหญ่ หากแต่หลายมุมก็ดูเหมือนทิ้งร้าง ทรุดโทรม รอวังพังทลาย เปรียบได้ดั่งราชวงศ์ชิงในเวลานั้น
ที่โดนมรสุมกระหน่ำในทุกทิศทาง วังต้องห้ามที่เหมือนสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ก็กำลังผุกร่อนลงเช่นกัน



นักแสดงที่รับบทนำเป็นผู่อี๋นั้นมีทั้งหมด 4 ช่วงวัยด้วยกันครับ เริ่มตั้งแต่ 3 ขวบ 
วัยเด็กที่มองทุกอย่างเหมือนของเล่น โลกใบนี้ยังเป็นอะไรที่น่าค้นหาและแปลกใหม่.. 
8 ขวบ วัยที่เริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่น วัยที่ตัวเองรู้สึกแตกต่างและสับสน... 
15 ขวบ วัยก้าวสู่ความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องการแต่งงาน  จนถึงวัยแห่งความเป็นผู้ใหญ่ 
รับบทโดยจุนหลง (John Lone) ที่หล่อระดับเทพจนถึงขั้นที่เคยติดอันดับ 50 บุคคลรูปงามที่สุด
ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารพีเพิล ปี 1985 ซึ่งจุนหลง เล่นจนถึงวัยชราเลยครับ



มีดาราดังอย่าง Peter O’Toole (จาก Lawrence of Arabia) มาเล่นด้วยนะครับ 
ในบทของ Reginald Johnston พระอาจารย์ขององค์จักรพรรดิ (เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์) 
ที่คอยให้คำชี้แนะต่อผู่อี๋ตั้งแต่อายุได้ 13 ชันษา และเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากับจักรพรรดิจนเติบใหญ่ 
แม้ว่าจะไม่ได้มีบทมากอะไรในช่วงครึ่งหลัง แต่  Johnston ก็ถือเป็นบุคคลสำคัญ
ที่เปิดโลกกว้างให้กับจักรพรรดิและมีบทบาททางความคิดของเจ้าตัวในกาลต่อมาอย่างยิ่ง



ด้านเพลงประกอบก็ได้นักสร้างสรรค์ระดับเทพอย่าง Ryuichi Sakamoto (ชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งจากไป)
David Byrne (ชาวสก็อตต์) และ Cong Su (ศิลปินหญิงชาวจีน) ร่วมกันสร้างผลงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพลงเพราะมาก
และยังเป็นที่จดจำในโลกภาพยนตร์จนถึงปัจจุบัน
ผมขอยกเอา main title theme ผลงานของ David Byrne มาให้ฟังกันครับ รับรองว่าเคยได้ยินมาแล้วแน่นอน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

และแน่นอนว่าผลงานระดับนี้ ส่งผลให้หนังเรื่องนี้กวาดไปทั้งสิ้น 9 รางวัลออสการ์ 
ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในสายการประกวด หากแต่ในเรื่องรายได้นั้นถือว่าล้มเหลว
เนื่องจากลงทุนไปถึง 24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากทว่ารายได้ทั่วโลกนั้นกลับทำได้แค่ 44 ล้านเหรียญฯเท่านั้น 



ตั้งแต่วัยเยาว์ของจักรพรรดิเปลี่ยนผ่านทางความคิด พฤติกรรมสู่วัยเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่เต็มตัวและช่วงบั้นปลายชีวิต
ทุกเหตุการณ์ที่ผู่อี๋ต้องพบเจอ ท่ามกลางคนมากมายที่รายล้อม แต่ยากแท้จะหาใครที่ซื่อสัตย์และจริงใจสักคน...



จะโอรสสวรรค์ ก็คือคนเหมือนกับเรา มีชีวิตเลือดเนื้อจิตใจไม่แตกต่าง เพียงแค่ชุดที่สวมใส่ 
แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนชาวบ้านสามัญ แม้ว่าจะมีอาหารเลิศรส มีหญิงสาวมากมายแทบไม่ซ้ำหน้า 
อยู่ในวังที่วิจิตรสวยงาม กว้างขวาง แต่ก็เท่านั้น มันเทียบกับโลกกว้างภายนอกไม่ได้เลยสักนิด.. 
ฮ่องเต้เฝ้าคิดว่าโลกนอกกำแพงสูงใหญ่เป็นอย่างไร หากแลกกับทุกสิ่งแล้วออกไปข้างนอกนั้นได้ พระองค์ก็อยากจะทำ
ความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่รอคอยวันที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นยังไงยังงั้น...



เสริมนิดนึงครับ..ในตัวละครต่างๆ ที่ผมชอบที่สุดก็คือ Yoshiko Kawashima (นำแสดงโดย Maggie Han) 
สายลับที่มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์ชิง เรื่องราวชีวิตของเธอคือสุดจริงๆ โลดโผนและถือว่าหวือหวามากสำหรับผู้หญิงในยุคเดียวกัน 
เธอมีหัวคิดที่ก้าวหน้าอย่างมาก การปรากฎตัวของเธอในแต่ละครั้งเรียกได้ว่าสะกดคนดูอย่างแท้จริง 
เสียดายที่บทของเธอเป็นแค่ส่วนประกอบส่วนนึงเท่านั้นในหนังเรื่องนี้ ถ้าอยากชมเรื่องราวเต็มๆของเธอ
ก็ต้องเป็นหนังที่ชื่อเดียวกับชื่อเธอนี่ล่ะครับ ออกฉายในปี 1990 เรื่องนั้นสมบูรณ์สุดๆล่ะ 



ตอนจบของภาพยนตร์ทำให้เราได้เข้าใจถึงสัจธรรมในชีวิต เพราะไม่ว่าคุณจะเคยยิ่งใหญ่มาจากไหน
สุดท้าย มนุษย์เราเกิดมาก็เท่านั้น ไม่มีอะไรที่แน่นอนมั่นคงหรือจีรังอะไร ฐานะเงินทองชื่อเสียงผู้คนที่เคยรายล้อมมัน
ก็เป็นแค่มายาฉากนึงเท่านั้นเอง.. แต่ผู่อี๋อาจจะรู้สึกว่าเขามีความสุขที่สุดแล้วก็เป็นได้ในช่วงท้ายของชีวิต 
เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดที่ไม่เคยได้รับเลยในฐานะองค์จักรพรรดิแห่งวังต้องห้ามนั้นก็คือ ความเป็นอิสระ นั่นเอง



The Last Emperor จึงถือเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังควรจะมีโอกาสได้ชมสักครั้งในชีวิตนะครับ 
มันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลาจริงๆ ดูงานศิลป์ ดูงานโปรดัคชั่นต่างๆก็คุ้มแล้ว
ไม่จำเป็นว่าคุณต้องเรียนรู้หรือแตกฉานในประวัติศาสตร์จีนแต่อย่างใด ก็สามารถชมเรื่องนี้ได้ด้วยความบันเทิง
แม้ว่าความยาวจะมากถึง 163 นาทีก็ตาม (เห็นว่า extended edition ยาวถึง 213 นาทีเลยทีเดียว) 
ส่วนเกร็ดต่างๆที่คุณได้รับระหว่างชมหนังนั้น ผมเชื่อว่าหลายท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเองได้อย่างสบายๆ 
และภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเหตุการณ์ในช่วงนี้ก็มีอีกหลายเรื่องจริงๆ หากโอกาสอำนวย (และไม่ขี้เกียจเขียน) ผมจะนำเสนอในครั้งต่อๆไปครับ

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร 
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่