อ่านข่าว นางแบบคนหนึ่ง ที่เลิกไปกับพิธีกร แล้วกำลังจะฟ้องอดีตเมีย
ในการให้สัมภาษณ์ นางแบบยังสดใสร่าเริงยิ้มแย้มดี
นางแบบสาวบอกว่า
ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่คบกันมา นางแบบสาวเพิ่งมาจัดการ บริหาร เรื่องบัญชีของพิธีกรหนุ่มได้ 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยยุ่ง
และในระยะเวลา 10 กว่าปี น่าจะรู้จักนิสัยกันและกันดี รู้จักตัวตนกันดีประมาณนึง ส่วนตัวนางแบบสาวก็รู้จักตัวเองดีแน่นอน ว่าเป็นคนแบบไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร
ถ้าหากฝั่งมีการฟ้องร้องจริงๆ….นางแบบสาวบอกได้แค่ว่า ถ้าพิธีกรหนุ่มมีข้อสงสัยอะไร ถามกันได้นางแบบสาวยินดี แล้วก็พร้อมมากๆ ที่จะตอบไขข้องสงสัยนั้นๆ เรื่องที่บุคคลที่สามพาดพิงว่าเงินพิธีกรหนุ่มในบริษัทหายไป 10 ล้าน….ขอไม่พูดเรื่องบุคคลที่มาพาดเพิง เพราะไม่สะดวกพูด แต่ย้ำว่า เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นตอนเราเป็นครอบครัวกัน เป็นผัวเมียกันใช้ชีวิตร่วมกัน คิดกระทำด้วยกัน
ฝ่ายหญิง ยอมรับว่าตกใจ ที่อีกฝ่ายโพสถึงแต่ตอนนี้ขอไม่แสดงความเห็นใดใด เกี่ยวกับบุคคลที่3ที่พาดพิง ขอให้มันเป็นเรื่องของนางแบบสาวกับพิธีกรหนุ่ม
ตอนหย่า มีข้อตกลงหลังหย่ามีอยู่จริง ณ วันนั้นวันที่หย่ามีเซ็นสัญญา แต่เขาเต็มใจ ยินดี ตกลงร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ลงรายละเอียดเยอะ เพราะเราเคารพ มันไม่ใช่เรื่องของเราคนเดียว นอกจากนั้น หลังจากเลิกเคยออกไปอยู่บ้านเพื่อนพิธีกรหนุ่มจริง แต่ขอไม่บอกว่าใคร ให้เขาสะดวกพูดเอง แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องกินหรู ต้องไปต่างประเทศทุกปี เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ แต่การกระทำที่ผ่านมาคือเราคิดร่วมกัน มีความสุขร่วมกัน ขอเก็บไว้แต่เรื่องดี อะไรที่พิธีกรหนุ่มเคยทำให้นางแบบสาวขอบคุณจนถึงทุกวันนี้ นางแบบสาวอยากก้าวต่อไปแล้ว อยากให้มันจบลง อยากมูฟออน ต่างคนต่างไปใช้ชีวิต นางแบบสาวก็หวังว่าพิธีกรหนุ่มก็จะได้เจอความสุขในตัวเอง อยากให้เขาหาตรงนั้นเจอ ให้เขาได้มีชีวิตแบบที่เขาต้องการ
สำหรับคำถามสำคัญ 10ปีไม่เคยกินหมูกระทะเลยหรือ นางแบบตอบว่า หนูว่าหนูเคยกินนะคะ ก็อร่อยดี
งานนี้ คิดว่าฝ่ายชายควรฟ้องไหมคะ
ว่าด้วยเรื่อง นางแบบ กับพิธีกร ที่เลิกกันไป ฝ่ายชายกำลังจะฟ้องฝ่ายหญิง
ในการให้สัมภาษณ์ นางแบบยังสดใสร่าเริงยิ้มแย้มดี
นางแบบสาวบอกว่า
ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่คบกันมา นางแบบสาวเพิ่งมาจัดการ บริหาร เรื่องบัญชีของพิธีกรหนุ่มได้ 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยยุ่ง
และในระยะเวลา 10 กว่าปี น่าจะรู้จักนิสัยกันและกันดี รู้จักตัวตนกันดีประมาณนึง ส่วนตัวนางแบบสาวก็รู้จักตัวเองดีแน่นอน ว่าเป็นคนแบบไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร
ถ้าหากฝั่งมีการฟ้องร้องจริงๆ….นางแบบสาวบอกได้แค่ว่า ถ้าพิธีกรหนุ่มมีข้อสงสัยอะไร ถามกันได้นางแบบสาวยินดี แล้วก็พร้อมมากๆ ที่จะตอบไขข้องสงสัยนั้นๆ เรื่องที่บุคคลที่สามพาดพิงว่าเงินพิธีกรหนุ่มในบริษัทหายไป 10 ล้าน….ขอไม่พูดเรื่องบุคคลที่มาพาดเพิง เพราะไม่สะดวกพูด แต่ย้ำว่า เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นตอนเราเป็นครอบครัวกัน เป็นผัวเมียกันใช้ชีวิตร่วมกัน คิดกระทำด้วยกัน
ฝ่ายหญิง ยอมรับว่าตกใจ ที่อีกฝ่ายโพสถึงแต่ตอนนี้ขอไม่แสดงความเห็นใดใด เกี่ยวกับบุคคลที่3ที่พาดพิง ขอให้มันเป็นเรื่องของนางแบบสาวกับพิธีกรหนุ่ม
ตอนหย่า มีข้อตกลงหลังหย่ามีอยู่จริง ณ วันนั้นวันที่หย่ามีเซ็นสัญญา แต่เขาเต็มใจ ยินดี ตกลงร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ลงรายละเอียดเยอะ เพราะเราเคารพ มันไม่ใช่เรื่องของเราคนเดียว นอกจากนั้น หลังจากเลิกเคยออกไปอยู่บ้านเพื่อนพิธีกรหนุ่มจริง แต่ขอไม่บอกว่าใคร ให้เขาสะดวกพูดเอง แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องกินหรู ต้องไปต่างประเทศทุกปี เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ แต่การกระทำที่ผ่านมาคือเราคิดร่วมกัน มีความสุขร่วมกัน ขอเก็บไว้แต่เรื่องดี อะไรที่พิธีกรหนุ่มเคยทำให้นางแบบสาวขอบคุณจนถึงทุกวันนี้ นางแบบสาวอยากก้าวต่อไปแล้ว อยากให้มันจบลง อยากมูฟออน ต่างคนต่างไปใช้ชีวิต นางแบบสาวก็หวังว่าพิธีกรหนุ่มก็จะได้เจอความสุขในตัวเอง อยากให้เขาหาตรงนั้นเจอ ให้เขาได้มีชีวิตแบบที่เขาต้องการ
สำหรับคำถามสำคัญ 10ปีไม่เคยกินหมูกระทะเลยหรือ นางแบบตอบว่า หนูว่าหนูเคยกินนะคะ ก็อร่อยดี
งานนี้ คิดว่าฝ่ายชายควรฟ้องไหมคะ