DNA ทาสแอฟริกันอเมริกันในโรงงานเหล็ก

.

.
DNA ทาสโรงงานเหล็กที่เคยทำงานกันที่นี่
เผยให้เห็นประวัติศาสตร์แอฟริกันอเมริกัน
สถานที่ตั้ง Catoctin Iron Furnace
ในเขตอุทยานแห่งรัฐ Cunningham Falls
รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา (Reuters)
.
.

ไม่ไกลจาก Camp Davis
สถานที่พักผ่อนสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ
Catoctin Mountain Park  รัฐแมรี่แลนด์
มีซากโรงงานเหล็ก (ถลุง หลอม ตี ขึ้นรูป)
ที่เรียกว่า Catoctin Iron Furnace
ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18
เป็นสถานที่สำคัญสำหรับ
การทำความเข้าใจการเริ่มต้น
ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในช่วงต้นของสหรัฐอเมริกา 
.
.
.

.
.

.
.

.
Catoctin Furnace มีนาคม 2021
.
.


การขุดค้นโบราณคดีที่นี่
ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ซ้ำใคร
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์แอฟริกันอเมริกัน
ด้วยการวิจัยเกี่ยวกับ DNA
จากซากศพจำนวน 27 ศพ
ที่ถูกฝังอยู่ในสุสานสำหรับทาส
ที่ Catoctin Iron Furnace

ผลการศึกษาเผยให้เห็นถึง
บรรพบุรุษของทาสบางคน
ที่เคยทำงานหนักที่นั่น
หลายทศวรรษที่ผ่านมา
สามารถระบุญาติที่ยังมีชีวิตอยู่
จำนวนหลายหมื่นคนในอัฟริกา
และหลายพันคนยังอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์

สุสานแห่งนี้ถูกใช้ตั้งแต่ปี 1774-1850 
ศพที่เก็บรักษาไว้ที่สถาบันสมิธโซเนียน
นับตั้งแต่มีการขุดค้นในปี 1970 
เจอศพ 27 ราย ตอนก่อสร้างทางหลวง
เป็นศพของผู้ชาย 16 คน ผู้หญิง 11 คน
มีตั้งแต่ทารกไปจนถึงผู้ใหญ่อายุเกิน 60 ปี

พบว่าศพพวกนี้สืบเชื้อสายมาจาก
ประชากรแอฟริกันเพียงไม่กี่คน
โดยเฉพาะชนเผ่า Wolof และ Mandinka
ในแอฟริกาตะวันตก
และ Kongo ในแอฟริกากลาง
(บางศพเป็นลูกครึ่งจากนายทาส+นางทาส)
.
..
.

.
.

.
.

.
.


DNA จากศพ 27 รายนี้
มีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรม
กับชนเผ่าทั้งสามกลุ่มนี้
ที่แน่นแฟ้นกับประชากรในปัจจุบัน
ในเซเนกัล แกมเบีย แองโกลา
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
ทั้งยังระบุญาติที่ยังมีชีวิตอยู่
จำนวนหลายพันคนในรัฐแมรึ่แลนด์

ผู้คนหลายล้านคน
ถูกส่งมาจากแอฟริกาไปยังอเมริกา
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 - 19
มีการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
เป็นเรื่องที่โหดร้ายในประวัติศาสตร์มนุษย์
การขาดเอกสารเกี่ยวกับคนเหล่านี้
ทำให้ลูกหลานมีข้อมูลเพียงเล็กน้อย
เกี่ยวกับภูมิหลังทางครอบครัวของตนเอง

“ ความรู้นี้ถูกตัดขาดโดยการเป็นทาส
ซึ่งเป็นความจริงที่มีผลกระทบต่อ
ชาวแอฟริกันอเมริกันที่อยู่นอกเหนือ
จากชุมชนโรงงานเหล็ก Catoctin ”
Kari Bruwelheide นักมานุษยวิทยา
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ
สถาบันสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน
ผู้ร่วมเขียนการศึกษาที่ตีพิมพ์
ใน Current Biology
.
.
.

.
.

.
.

.
.


" การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึง
พลังของจีโนมิกส์ในการสร้าง
สิ่งที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่
สำหรับประวัติศาสตร์
แอฟริกันอเมริกันและสหรัฐอเมริกา

การเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้
บรรพบุรุษครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ
ในการทำความเข้าใจและยอมรับว่า
เราเป็นใคร เรามาจากไหน
และเราเชื่อมโยงกันอย่างไรในทุกวันนี้ ”
Kari Bruwelheide กล่าวเสริม

ทาสที่มีเชื้อสายแอฟริกัน
ถูกบังคับให้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 
อุตสาหกรรม และบางส่วนในสหรัฐ

การค้าทาสสิ้นสุดลงด้วย
สงครามกลางเมืองสหรัฐ
ในปี 1861-1865

โรงงานเหล็กแห่งนี้
อยู่ห่างจากแคมป์เดวิด เพียงไม่กี่ไมล์
ในอุทยานแห่งรัฐคันนิงแฮมฟอลส์
กลายเป็นกลุ่มหมู่บ้าน
ที่มีอาคารอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย

คนงานขุดแร่เหล็ก
สร้างเตาเผา/เตาหลอมถลุงเหล็ก
ทำสินค้าต่าง ๆ จากเหล็ก เช่น
เตา หม้อ เครื่องใช้ต่าง ๆ
และแมักระทั่ง ปืนใหญ่ ลูกปืนใหญ่

ทาสครอบงำกำลังแรงงานส่วนใหญ่
จนกระทั่งมีการจ้างผู้อพยพชาวยุโรป
ทึ่มีราคาถูก ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
และมึมากขึ้นหลังการเลิกทาสในสหรัฐฯ
.
.
.

.
.

ในการวิเคราะห์ DNA ครั้งแรก 
นักวิจัยได้ตรวจสอบ DNA ในอดีต
ควบคู่ไปกับฐานข้อมูลบรรพบุรุษส่วนบุคคล
ของบริษัททดสอบทางพันธุกรรม 23andMe
เพื่อระบุชาวอเมริกัน 41,799 ราย
ที่เกี่ยวข้องกับบุคคล 27 ราย
รวมถึงญาติสนิท 2,975 ราย

“ ทาสชาวแอฟริกันในสหรัฐฯ
ที่ถูกกดขี่ส่วนใหญ่ถูกแยกออกจาก
บันทึกทางประวัติศาสตร์
และในเอกสารเกี่ยวข้องที่อ้างอิง
พวกเขามักจะได้รับการปฏิบัติ
เหมือนเป็นทรัพย์สินของนายทาส
ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์

ฉันหวังว่าการศึกษาครั้งนี้
จะทบทวนร่องรอยที่หายไป
ในม่านหมอกประวัติศาสตร์และกาลเวลา

ฉันหวังว่าบทความนี้
จะให้เสียงแก่ทายาทศพ 27 รายนี้
ให้ยอมรับต้นกําเนิดของพวกเขา
และเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของพวกเขา
ภายในบริบทที่กว้างขึ้นของสหรัฐอเมริกา
ด้วยวิธีนี้ จะสามารถช่วยเริ่มฟื้นฟูตัวตน
ของทายาทที่เป็นไทจากการเป็นทาสได้ "
Éadaoin Harney
นักพันธุศาสตร์ประชากร ผู้เขียนบทความ
และนักวิทยาศาสตร์ 23andMe กล่าว
.
.

.
.

.
.


นักวิจัย และ 23andMe ระบุว่า
ผลการศึกษา DNA ครั้งนี้
ญาติของศพทั้ง 27 ราย
ยังไม่ได้รับแจ้งผลการค้นพบดังกล่าว
Andy Kill โฆษก 23andMe กล่าวว่า
" เรากำลังพิจารณาวิธีที่จะส่งผลลัพธ์
กลับคืนสู่ผู้ที่อยู่ในฐานข้อมูล 23andMe
ที่ต้องการทราบว่าพวกเขาเชื่อมโยงกับบุคคล
ใน Catoctin Iron Furnace หรือไม่ "

ผลการศึกษาพบว่า
มีเชื้อสายยุโรปบางส่วน
ในกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ 27 คน 
ซึ่งสอดคล้องกับประวัติความเป็นมา
การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากทาส
โดยนายทาสชาวอเมริกัน
.

เรียบเรียง/ที่มา

https://tinyurl.com/mtt9bu3d
.
.

คนงานอพยพชาวยุโรป
ส่วนมากเป็นพวกชาวไอริช
ที่เข้ามาทำงานแทนทาสอัฟริกัน
พวกหนีความอดอยากจากไร่มันฝรั่งล่มจม
แล้วถูกเจ้าของที่ดินขับไล่ออกจากที่ดิน

ในระหว่างปี 1845-1849
เมื่อโรคเชื้อราน้ำได้ทำลายผลผลิต
มันฝรั่งทั้งหมดของไอร์แลนด์
ในช่วงทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ในไอร์แลนด์
ทำให้มีผู้คนราวหนึ่งล้านคนตาย
คนจำนวนมากจึงอพยพออกจากไอร์แลนด์
จำนวนมากกว่า 500,000 คน
อพยพไปอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย
(ต้นตระกูล Kennedy ก็มาจากที่นี่
และมีอาชีพปล่อยกู้ชาวบ้านจนร่ำรวย)
บางส่วนเป็นคนงานถ่านหิน โรงงานในอังกฤษ
เลยชังชาติอังกฤษในหลายเรื่อง

หลังจากสงครามกลางเมือง
21 มค. 1919 – 11 กค. 1921
ไอร์แลนด์จึงประกาศเอกราช
เพราะเกลียดชังระบบศักดินา/เจ้าที่ดินอังกฤษ
ล้มล้างระบอบเดิมเป็นสาธารณรัฐ

เหลือแต่ไอร์แลนด์เหนือที่ขึ้นกับอังกฤษ
มีชนส่วนนัอยนับถือคริสต์นิกายคาทอลิค
ศาสนาที่ขัดแย้งกันจนมีสงครามกลางเมือง
.
.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
The Cranberries - Zombie
.
.

เพลงต่อต้านสงครามกลางเมืองไอร์แลนด์เหนือ
เขียนขึ้นช่วงแสดงดนตรีในอังกฤษในปี 1993
เพื่อระลึกถึงเด็กชาย
Jonathan Ball และ Tim Parry
ซึ่งตายจากเหตุลอบวางระเบิด
โดย IRA ในวอร์ริงตัน
(ไม่ประกาศว่าจะวางระเบิด
เพราะทุกครั้งจะประกาศเตือนล่วงหน้า)
เนื้อเพลงอ้างถึงกบฏ (Easter Rising) ปี 1916

เพลงนึ้ด่าพวก IRA เหมือนผีดิบไร้สมอง
พวก IRA ขู่ว่าใครเปิดเพลงนี้จะระเบิดบ้านนั้น
ทำให้ชาวบ้านเกลียดชัง/โกรธมากขึ้น
กอปรกับเบื่อหน่ายสงครามไร้วันสิ้นสุด
เลยเลิกสนับสนุนพวก IRA
ที่ทำสงครามกองโจรในเมือง
พวก IRA จึงตายเจ็บเยอะมาก
จนพวก IRA ต้องยอมจำนน/แพ้ราบคาบ
.


หมายเหตุ

ลูกหลานของ West Ford พยายามพิสูจน์ว่า
พวกเขาเป็นทายาทของ Geogre Washington
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ที่มีภริยานอกสมรสกับทาสอัฟริกัน

ทั้งนี้เพื่อรักษาหมู่บ้าน Gum Springs
ที่ West Ford ก่อตั้งขึ้นในปี 1833
หมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านของคนผิวดำ
ที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าจะมีหลักฐานบางอย่าง
ที่สนับสนุนข้อกล่าวหานี้ เช่น
การที่ครอบครัว Washington
ปฏิบัติต่อ West Ford อย่างดีพิเศษ

แต่ประวัติศาสตร์ที่ Mount Vernon
ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า
Geogre Washington
เป็นพ่อของ West Ford
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่