ผมมีสิ่งนึงที่สงสัยมาสักพักแล้ว ตั้งแต่รู้จักพันทิป กับแอ็พพลิเคชั่นจีนที่ชื่อ Tiktok เวลามีสิ่งที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นหรือมีคนใครสักคนอยากมาลองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น ก็จะมีคอมเมนต์ประมาณว่า ของจริงไม่ใช่อย่างนั้น อย่าเพ้อฝัน นั่นนี่ คือส่วนใหญ่พวกที่พิมพ์ประมาณนี้ผมเชื่อเลยว่าเกินครึ่งไม่น่าจะเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เพียงแค่เห็นหรือฟังเขามาว่าญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ๆ จริงอยู่ที่ว่าญี่ปุ่นเครียดและจริงจังกับงานมากกว่าไทย อีกทั้งภาษีบ้านสูงมาก แต่ๆๆๆๆ มันไม่ใช่ทั้งหมด และการอยู่ที่นี่ไม่ได้อยากไปมากกว่าอยู่ไทย
มันยากเพราะคุณปรับตัวไม่ได้ หรือภาษาไม่แข็งแรงหรือเพราะHomesick อยู่กับพ่อแม่ ทำอะไรให้จนชิน มาลองฟังจากมุมมองของผู้เขียนที่จบมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นและปัจจุบันทำงานในบริษัทที่ญี่ปุ่น มาดูกันที่ละข้อจากคนอยู่จริงๆ
1ญี่ปุ่นค่าครองชีพแพง=? ส่วนตัวอันนี้เห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมด ถ้าหากมุมมองของคนนำเงินที่ทำงานมาจากไทยเพื่อมาใช้เที่ยวที่ญี่ปุ่น จะแพงก็ไม่แปลกเช่นข้าวจานละ160 บาท /1 มื้อ แต่ที่ไทยป้าหน้าบ้าน50-60/1 มื้อ น้ำเปล่าญี่ปุ่น 20/1 ขวด น้ำเปล่าไทย10/1ขวด แต่หากคนที่ทำงานญี่ปุ่น ((แบบบริษัทจริงและรับเรทเงินเดือนเท่าคนญี่ปุ่น ไม่ใช่คนที่มาจากบริษัทหางานที่ไทยอาชีพเกษตรกร หรือโรงงาน หรือผีน้อย และไม่ได้นำเงินกลับไทยในช่วงที่เรทเงินตก)) ถูกกว่าไทยแน่นอน เพราะถึงค่าครองชีพสูงแต่รายได้ก็สูง ถ้านับเป็นรายชั่วโมงขั้นต่ำมากๆ ในโตเกียวคือ280 บาท เราสามารถกินข้าว 100-200+ ได้ โดยการทำแค่ 1 ชม แต่ที่ไทยรายได้ขั้นต่ำคือ44 ข้าวปัจจุบันตกจานละ50-70 ซึ่งการทำแค่ 1 ชั่วโมงไม่เพียงพอต่อข้าว 1 มื้อในปัจจุบัน 280 น้ำเปล่าขวดละ20 ซื้อได้24 ขวด ไทยซื้อได้ 4 ขวด ถึงราคาจะถูกแต่ค่าแรงก็ถูกมากๆ เช่นกัน แล้วยิ่งถ้าอยู่ญี่ปุ่นแล้วทำข้าวกินเองจะยิ่งถูกมากไปอีก ไม่ได้อยู่ยากอย่างที่คิด แต่ที่เขาบ่นกันคือเรื่องกฏระเบียบที่ไม่เหมาะกับคนไทยบางส่วนเท่าไหร่ นอกจากนี้ไม่ใช่แค่อาหารแต่ทั้ง เสื้อผ้า ขนม เครื่องสำอาง ครีม โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้มากมาย ถูกกว่าไทยค่อนข้างเยอะ
เช่นคิทแคทอันนี้ชอบมาก ถุงละประมาณ60กว่าบาท 10ชิ้น อันแบบเดียวกันในไทยประมาณ199 บาท และครีมชนิดเดียวกันที่ญี่ปุ่น200 ที่ไทย400
2 ค่าภาษีบ้านแพง อันนี้เรื่องจริงและเห็นด้วยถึงแม้บ้านจะราคาถูกแต่ค่าซ่อมและภาษีก็แพงมาก เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เคยแพ้สงครามและเป็นหนี้เยอะมากๆ รัฐบาลเลยต้องเก็บภาษีเยอะมากเพื่อนำไปใช้หนี้ และห้องเช่าที่ญี่ปุ่นและไทยในราคาเท่ากันคือ 16,000 บาท ที่ไทยจะได้ห้องใหญ่และหรูกว่า เพราะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างเล็กจึงต้องทำพื้นที่อย่างประหยัด
2.5 ภาษีหักนั่นนี่จากเงินเดือน ถือว่าหักหลายอย่างเลย แต่ก็เหลือใช้มากเหมือนกัน ขอยกตัวอย่างคร่าวๆ ได้4แสนเยน หักไปประมาณ6หมื่นกว่า เหลือจริง3แสนกว่าเยน เช่าบ้านอีกประมาณ8หมื่นเยน ก็ยังเหลือ ไม่ำำด้หักเว่อแบบมี4 แสนเยนหักไปเหลือใช้1แสนกว่า ที่คนไทยส่วนใหญ่บ่น เพราะคิดว่าค่าแรงส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากๆ ประมาณ 160,000-200,000 พอหัก และรวมค่าบ้านก็ยิ่งต่ำสุดๆ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำของคนญี่ปุ่นเสียอีก (ขั้นต่ำของคนญี่ปุ่น250,000+) แล้วยิ่งเรทเงินช่วงนี้ไม่คุ้มส่งกลับไทยเท่าไหร่ด้วย แต่รู้สึกเรทกำลังค่อยๆขึ้น)
3 ภัยธรรชาติ อันนี้เลี่ยงไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่าภัยจากธรรมชาติ อันนี้เป็นอีกหนึ่งข้อที่เห็นด้วยว่าที่นี่ภัยเยอะจริงไม่ว่าจะแผ่นดินไหวหรือสึนามิ
4.อันนี้เรื่องที่เจอบ่อยมากในพันทิปที่ชอบพูดถึงผู้หญิงญี่ปุ่นในแง่ร้ายและบอกเทียบหญิงไทยไม่ติด =?
อันนี้คิดว่าแล้วแต่ความชอบคน
ในโพสที่เกี่ยวกับผู้หญิงญี่ปุ่นที่ไรจะพบเจอ คอมเม้นต์ประมาณว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นขาใหญ่ตัวเตี้ย ไม่ตรงปก อย่าดูแต่AV ฟันไม่สวย ผิวเหลือง ไปเดินไม่เจอสวนๆสักคน บลาๆ อันนี้คืออคติหรือเปล่าครับหรือไปมาในสมัยญี่ปุ่นพึ่งเปิดประเทศครับ ??
มาๆๆๆ ลองมาดูใหม่ ถ้าไม่สวย ไม่น่ารักจริง ตามผลสำรวจญี่ปุ่นคงไม่ติดอันดับ 2 สาวสวยที่สุดในเอเชียหรอกครับ รองจากเกาหลี คือไปเดินเจอ30คนก็สวยปาไปแล้ว28-29คน คือคนที่นี่แต่งหน้าแต่งตัวกันเก่งมาก แต่หน้าตั้งแต่ประถม แล้วยิ่งอากาศดี ผิวพรรณดีมากๆ ผมเคยไปทั้งรัสเซีย ฝรั่งเศส คนที่นั่นขาวแบบฝาดๆทแต่ผู้หญิงญี่ปุ่นขาวแบบดี ขาวเนียน เป็นข้อได้เปรียบมากๆ ฉะนั้นขอนี้ไม่เห็นด้วยมากๆ ถึงจะบอกแล้วแต่เสปคคน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าสาวญี่ปุ่นดูดีติดอันดับท็อปของเอเชีย
5.สังคมในการทำงาน ขอไม่บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่เอาจากที่เจอที่ญี่ปุ่น ทุกคนจะจริงจังและเป็นขั้นตอนมากกว่าไทย คนที่นี่ไม่ค่อยชอบทำวิธีลัดขั้นตอนหรือเอาแต่ความคิดตัวเอง ทุกคนจะไปพร้อมกัน ไม่มีใครลัด ไม่มีใครอยากโดดเด่น ทุกคนจะทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้เสร็จๆ โดยไม่พูดคุยกันเลยก็มี ฟังว่าต้องทำไรแล้วต่างคนต่างทำ หรืองานที่เน้นคุยกันก็มี แต่อย่าลืมนี่มันสังคมปัจจุบัน มันหลวมลงมากกว่าเดิมแล้ว ไม่ได้เครียดขนาดเมื่อก่อน ถึงจะมีคนฆตตอยู่ แต่ส่วนใหญ่มาจากความเครียดสะสมของการที่ตัวเองต้องย้ายที่ทำงานใหม่ หรือไม่ชินกับสถานที่ที่อยู่ ซึ่งเป็นในหมู่ของนักเรียนหรือพนักงานบริษัทส่วนใหญ่ ที่เรียกนี่ว่า ป่วยเดือน5 5月病 อยากรู้ละเอียดหาข้อมูลเพิ่มดูเอาครับ
6.การรังแกกันในโรงเรียน จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นเคยติดท็อป1 ของการรังแกภายในโรงเรียนแต่อย่าลืมว่าที่ไทยเองก็เคยติดอันดับ2 ของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนเช่นกัน
7.คนไทยที่เห็นคนอื่นอยากไปอยู่ญี่ปุ่นชอบยกเอาด้านไม่ดีมาพูดเช่นคำยอดฮิตคือ น่าเทียวแต่ไม่น่าอยู่ ที่นั่นขี้รังแก คนกำแพงสูง คนไม่จริงใจ บลาๆ ซึ่งคนพูดส่วนใหญ่ไม่เคยมาเหยยบ ญี่ปุ่น นอกจากนี้ที่ไทยไม่มีเหรอครับคนแบบนั้น สุดท้ายมันก็อยู่ที่คนหรือเปล่าทำไมไม่เลือกเอาด้านดีมาพูดไม่เข้าใจจริงๆ พูดด้านไม่ดีแล้วจะทำให้ประเทศตัวเองดูดีขึ้นหรือเปล่า ผมคิดว่าไม่นะครับ
สรุป เหรียญมีสองด้านเสมอ คนที่จะตัดสินว่าดีไม่ดีอยู่ที่คุณ ประสบการณ์จากทั้งตัวเอง หรือฟังคนอื่นหรืออะไรก็ตามนำมันมาใช้ตัดสินได้ แต่อย่าไปตัดสินแทนคนอื่นสิครับ เขาจะไปอยู่ญี่ปุ่นก็เรื่องของเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่เขาไปเขาอาจจะเหมาะกว่าตอนอยู่ไทยสำหรับเขาก็ได้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่ได้แย่ มันไม่ต่างกับไทยหรอกครับ แค่เพราะมันไม่ใช่บ้านเกิด มันเลยรู้สึกอยู่ยากกว่าเพราะเราไม่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแม่ ไม่ได้มีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมแบบตอนอยู่ไทย พ่อแม่ไม่ได้มานั่งทำอาหารล้อมวงกินกัน แต่จริงๆ แล้วมันก็คือประเทศนึง คนก็มีหลากหลาย ไม่ใช่ทุกคนจะกำแพงสูง คนเฮฮ่า ใจดี เหมือนคนไทยก็มีมากมาย คนหัวร้อนแบบคนไทยก็มี แต่มีสิ่งนึงที่ไทยไม่ค่อยมีคือ กฏ ที่นี่รถทุกคันพร้อมหยุดเมื่อไฟแดง ทุกคนพร้อมทิ้งขยะในที่ๆควรทิ้ง
ตอนผมมอต้นผมก็คิดแบบนี้นะชอบไปเม้นปั่นคนที่บอกอยากมาอยู่ญี่ปุ่นเพราะดูอนิเมะมางี้ ว่าไปทำไมญี่ปุ่นไม่ดีคนฆตตเยอะบลาๆ แต่พอโตขึ้นผมได้มาอยู่เองเลยเปลี่ยนความคิด อยากให้ลองมาครับจะทั้งเทียวหรืออะไรก็ตาม ไม่ได้อยากให้อคติกัน ถ้าเปรียบคือตอนนี้ทุกคนคือชสาวมาเลที่คิดว่าชาวเอลเดีย(ญี่ปุ่น) คือประเทศไม่ดีอะครับ แต่พอได้ลองไปสัมผัสเอลเดียจริงๆ ก็จะมีความรู้สึกเปลี่ยนไปแน่นอน (อันนี้อยากเบียวครับ)
ทำไมคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นชอบมองญี่ปุ่นในแง่ลบครับ?
มันยากเพราะคุณปรับตัวไม่ได้ หรือภาษาไม่แข็งแรงหรือเพราะHomesick อยู่กับพ่อแม่ ทำอะไรให้จนชิน มาลองฟังจากมุมมองของผู้เขียนที่จบมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นและปัจจุบันทำงานในบริษัทที่ญี่ปุ่น มาดูกันที่ละข้อจากคนอยู่จริงๆ
1ญี่ปุ่นค่าครองชีพแพง=? ส่วนตัวอันนี้เห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมด ถ้าหากมุมมองของคนนำเงินที่ทำงานมาจากไทยเพื่อมาใช้เที่ยวที่ญี่ปุ่น จะแพงก็ไม่แปลกเช่นข้าวจานละ160 บาท /1 มื้อ แต่ที่ไทยป้าหน้าบ้าน50-60/1 มื้อ น้ำเปล่าญี่ปุ่น 20/1 ขวด น้ำเปล่าไทย10/1ขวด แต่หากคนที่ทำงานญี่ปุ่น ((แบบบริษัทจริงและรับเรทเงินเดือนเท่าคนญี่ปุ่น ไม่ใช่คนที่มาจากบริษัทหางานที่ไทยอาชีพเกษตรกร หรือโรงงาน หรือผีน้อย และไม่ได้นำเงินกลับไทยในช่วงที่เรทเงินตก)) ถูกกว่าไทยแน่นอน เพราะถึงค่าครองชีพสูงแต่รายได้ก็สูง ถ้านับเป็นรายชั่วโมงขั้นต่ำมากๆ ในโตเกียวคือ280 บาท เราสามารถกินข้าว 100-200+ ได้ โดยการทำแค่ 1 ชม แต่ที่ไทยรายได้ขั้นต่ำคือ44 ข้าวปัจจุบันตกจานละ50-70 ซึ่งการทำแค่ 1 ชั่วโมงไม่เพียงพอต่อข้าว 1 มื้อในปัจจุบัน 280 น้ำเปล่าขวดละ20 ซื้อได้24 ขวด ไทยซื้อได้ 4 ขวด ถึงราคาจะถูกแต่ค่าแรงก็ถูกมากๆ เช่นกัน แล้วยิ่งถ้าอยู่ญี่ปุ่นแล้วทำข้าวกินเองจะยิ่งถูกมากไปอีก ไม่ได้อยู่ยากอย่างที่คิด แต่ที่เขาบ่นกันคือเรื่องกฏระเบียบที่ไม่เหมาะกับคนไทยบางส่วนเท่าไหร่ นอกจากนี้ไม่ใช่แค่อาหารแต่ทั้ง เสื้อผ้า ขนม เครื่องสำอาง ครีม โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้มากมาย ถูกกว่าไทยค่อนข้างเยอะ
เช่นคิทแคทอันนี้ชอบมาก ถุงละประมาณ60กว่าบาท 10ชิ้น อันแบบเดียวกันในไทยประมาณ199 บาท และครีมชนิดเดียวกันที่ญี่ปุ่น200 ที่ไทย400
2 ค่าภาษีบ้านแพง อันนี้เรื่องจริงและเห็นด้วยถึงแม้บ้านจะราคาถูกแต่ค่าซ่อมและภาษีก็แพงมาก เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เคยแพ้สงครามและเป็นหนี้เยอะมากๆ รัฐบาลเลยต้องเก็บภาษีเยอะมากเพื่อนำไปใช้หนี้ และห้องเช่าที่ญี่ปุ่นและไทยในราคาเท่ากันคือ 16,000 บาท ที่ไทยจะได้ห้องใหญ่และหรูกว่า เพราะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างเล็กจึงต้องทำพื้นที่อย่างประหยัด
2.5 ภาษีหักนั่นนี่จากเงินเดือน ถือว่าหักหลายอย่างเลย แต่ก็เหลือใช้มากเหมือนกัน ขอยกตัวอย่างคร่าวๆ ได้4แสนเยน หักไปประมาณ6หมื่นกว่า เหลือจริง3แสนกว่าเยน เช่าบ้านอีกประมาณ8หมื่นเยน ก็ยังเหลือ ไม่ำำด้หักเว่อแบบมี4 แสนเยนหักไปเหลือใช้1แสนกว่า ที่คนไทยส่วนใหญ่บ่น เพราะคิดว่าค่าแรงส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากๆ ประมาณ 160,000-200,000 พอหัก และรวมค่าบ้านก็ยิ่งต่ำสุดๆ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำของคนญี่ปุ่นเสียอีก (ขั้นต่ำของคนญี่ปุ่น250,000+) แล้วยิ่งเรทเงินช่วงนี้ไม่คุ้มส่งกลับไทยเท่าไหร่ด้วย แต่รู้สึกเรทกำลังค่อยๆขึ้น)
3 ภัยธรรชาติ อันนี้เลี่ยงไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่าภัยจากธรรมชาติ อันนี้เป็นอีกหนึ่งข้อที่เห็นด้วยว่าที่นี่ภัยเยอะจริงไม่ว่าจะแผ่นดินไหวหรือสึนามิ
4.อันนี้เรื่องที่เจอบ่อยมากในพันทิปที่ชอบพูดถึงผู้หญิงญี่ปุ่นในแง่ร้ายและบอกเทียบหญิงไทยไม่ติด =?
อันนี้คิดว่าแล้วแต่ความชอบคน
ในโพสที่เกี่ยวกับผู้หญิงญี่ปุ่นที่ไรจะพบเจอ คอมเม้นต์ประมาณว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นขาใหญ่ตัวเตี้ย ไม่ตรงปก อย่าดูแต่AV ฟันไม่สวย ผิวเหลือง ไปเดินไม่เจอสวนๆสักคน บลาๆ อันนี้คืออคติหรือเปล่าครับหรือไปมาในสมัยญี่ปุ่นพึ่งเปิดประเทศครับ ??
มาๆๆๆ ลองมาดูใหม่ ถ้าไม่สวย ไม่น่ารักจริง ตามผลสำรวจญี่ปุ่นคงไม่ติดอันดับ 2 สาวสวยที่สุดในเอเชียหรอกครับ รองจากเกาหลี คือไปเดินเจอ30คนก็สวยปาไปแล้ว28-29คน คือคนที่นี่แต่งหน้าแต่งตัวกันเก่งมาก แต่หน้าตั้งแต่ประถม แล้วยิ่งอากาศดี ผิวพรรณดีมากๆ ผมเคยไปทั้งรัสเซีย ฝรั่งเศส คนที่นั่นขาวแบบฝาดๆทแต่ผู้หญิงญี่ปุ่นขาวแบบดี ขาวเนียน เป็นข้อได้เปรียบมากๆ ฉะนั้นขอนี้ไม่เห็นด้วยมากๆ ถึงจะบอกแล้วแต่เสปคคน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าสาวญี่ปุ่นดูดีติดอันดับท็อปของเอเชีย
5.สังคมในการทำงาน ขอไม่บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่เอาจากที่เจอที่ญี่ปุ่น ทุกคนจะจริงจังและเป็นขั้นตอนมากกว่าไทย คนที่นี่ไม่ค่อยชอบทำวิธีลัดขั้นตอนหรือเอาแต่ความคิดตัวเอง ทุกคนจะไปพร้อมกัน ไม่มีใครลัด ไม่มีใครอยากโดดเด่น ทุกคนจะทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้เสร็จๆ โดยไม่พูดคุยกันเลยก็มี ฟังว่าต้องทำไรแล้วต่างคนต่างทำ หรืองานที่เน้นคุยกันก็มี แต่อย่าลืมนี่มันสังคมปัจจุบัน มันหลวมลงมากกว่าเดิมแล้ว ไม่ได้เครียดขนาดเมื่อก่อน ถึงจะมีคนฆตตอยู่ แต่ส่วนใหญ่มาจากความเครียดสะสมของการที่ตัวเองต้องย้ายที่ทำงานใหม่ หรือไม่ชินกับสถานที่ที่อยู่ ซึ่งเป็นในหมู่ของนักเรียนหรือพนักงานบริษัทส่วนใหญ่ ที่เรียกนี่ว่า ป่วยเดือน5 5月病 อยากรู้ละเอียดหาข้อมูลเพิ่มดูเอาครับ
6.การรังแกกันในโรงเรียน จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นเคยติดท็อป1 ของการรังแกภายในโรงเรียนแต่อย่าลืมว่าที่ไทยเองก็เคยติดอันดับ2 ของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนเช่นกัน
7.คนไทยที่เห็นคนอื่นอยากไปอยู่ญี่ปุ่นชอบยกเอาด้านไม่ดีมาพูดเช่นคำยอดฮิตคือ น่าเทียวแต่ไม่น่าอยู่ ที่นั่นขี้รังแก คนกำแพงสูง คนไม่จริงใจ บลาๆ ซึ่งคนพูดส่วนใหญ่ไม่เคยมาเหยยบ ญี่ปุ่น นอกจากนี้ที่ไทยไม่มีเหรอครับคนแบบนั้น สุดท้ายมันก็อยู่ที่คนหรือเปล่าทำไมไม่เลือกเอาด้านดีมาพูดไม่เข้าใจจริงๆ พูดด้านไม่ดีแล้วจะทำให้ประเทศตัวเองดูดีขึ้นหรือเปล่า ผมคิดว่าไม่นะครับ
สรุป เหรียญมีสองด้านเสมอ คนที่จะตัดสินว่าดีไม่ดีอยู่ที่คุณ ประสบการณ์จากทั้งตัวเอง หรือฟังคนอื่นหรืออะไรก็ตามนำมันมาใช้ตัดสินได้ แต่อย่าไปตัดสินแทนคนอื่นสิครับ เขาจะไปอยู่ญี่ปุ่นก็เรื่องของเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่เขาไปเขาอาจจะเหมาะกว่าตอนอยู่ไทยสำหรับเขาก็ได้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่ได้แย่ มันไม่ต่างกับไทยหรอกครับ แค่เพราะมันไม่ใช่บ้านเกิด มันเลยรู้สึกอยู่ยากกว่าเพราะเราไม่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแม่ ไม่ได้มีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมแบบตอนอยู่ไทย พ่อแม่ไม่ได้มานั่งทำอาหารล้อมวงกินกัน แต่จริงๆ แล้วมันก็คือประเทศนึง คนก็มีหลากหลาย ไม่ใช่ทุกคนจะกำแพงสูง คนเฮฮ่า ใจดี เหมือนคนไทยก็มีมากมาย คนหัวร้อนแบบคนไทยก็มี แต่มีสิ่งนึงที่ไทยไม่ค่อยมีคือ กฏ ที่นี่รถทุกคันพร้อมหยุดเมื่อไฟแดง ทุกคนพร้อมทิ้งขยะในที่ๆควรทิ้ง
ตอนผมมอต้นผมก็คิดแบบนี้นะชอบไปเม้นปั่นคนที่บอกอยากมาอยู่ญี่ปุ่นเพราะดูอนิเมะมางี้ ว่าไปทำไมญี่ปุ่นไม่ดีคนฆตตเยอะบลาๆ แต่พอโตขึ้นผมได้มาอยู่เองเลยเปลี่ยนความคิด อยากให้ลองมาครับจะทั้งเทียวหรืออะไรก็ตาม ไม่ได้อยากให้อคติกัน ถ้าเปรียบคือตอนนี้ทุกคนคือชสาวมาเลที่คิดว่าชาวเอลเดีย(ญี่ปุ่น) คือประเทศไม่ดีอะครับ แต่พอได้ลองไปสัมผัสเอลเดียจริงๆ ก็จะมีความรู้สึกเปลี่ยนไปแน่นอน (อันนี้อยากเบียวครับ)