สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การโดนเหยียดของเราที่อังกฤษ
ก่อนอื่นนะค่ะ เราขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราใช้ชีวิที่อังกฤษมาเป็นเวลา 5 ปีเองค่ะ และสิ่งที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์เราเท่านั้นนะคะ เรื่องนี้เป็น topic ที่ sensitive มากๆในความคิดของเรา เราได้ทำคลิปไว้ด้วยค่ะ สำหรับคนที่อยากฟังมากกว่าอ่าน ตรงมาทางนี้เลยค่ะ
คลิกตรงนี้เลยค่า
ส่วนคนที่ประสงค์จะอ่านมากกว่าเลี้ยวขวามาทางนี้ค่ะมาเริ่มกันเลย
ทุกคนเราขออนุญาตนะคะ เราคิดว่าเหตุณ์การที่เราจะเล่าเป็นการเหยียดนะค่ะ แต่เราอาจจะประเมินผิด ทุกคนลองอ่านดูนะค่ะว่าคิดเหมือนเราไหม
สำหรับเราไม่ว่าจะเป็นการเหยียดหรือ abusive เรามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ย่อมอยากจะเหนือกว่าคนอื่น อยากเป็นที่ยอมรับ มีอำนาจ
เรายอมรับเลยว่าก่อนเราย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เราเป็นคนหนึ่งที่เหยียดคนพม่ามาก่อน (ถ้าใครเป็นคนพม่ามาอ่านบทความนี้นะคะ เราขอโทษ ตอนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ) เฉพาะตอนเราเด็กๆเราไม่เข้าใจ เราไปเรียนพิเศษแล้วต้องนั้งสองแถวที่มีคนพม่าด้วย เราไม่ชอบมากๆ เราชอบพูดกับเพื่อนว่าคนพม่าเหม็น และน่ากลัว เขามาประเทศเราทำไม ตอนนั้นเราไม่ชอบคนพม่ามากๆทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรเราเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนถึงตอนนี้พอเรามาอยู่ต่างประเทศ เรารู้เลยว่า เราก็คือคนพม่าในประเทศอังกฤษดีๆนี่เอง มันทำให้เรารู้สึกผิดกับพฤติกรรมที่เราทำกับคนพม่าบนรถสองแถวมากๆ หรือว่าอันนี้มันเป็นเวรกรรมที่ติดเรามา!! เราถึงโดนอะไรแบบนี้ด้วย นี่และค่ะเรามองว่าการเหยียดหรือการ abusive ว่ามันคือธรรมชาติของมนุษย์ที่มีทุกๆที่ เพราะมนุษย์เราอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าคนอื่น นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มนุษย์เรามีความจองหอง ข่มคนอื่น โดยที่บางทีเขาเองอาจจะไม่รู้ตัว
เหตุการณ์ที่เราจะเล่า เราเพิ่งเจอเมื่อต้นเดือน กค นี่เองค่ะคือ ตอนเราขึ้นรถบัสโดยสารกลับบ้านค่ะ และเราคิดว่าเราโดนคนขับรถบัสข่มขู่ และเลือกกระทำ
นี่คือลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ เรากำลังจะขึ้นรถบัสกลับบ้าน เป็นสายประจำที่เรานั้งมาตลอด 5 ปี แล้วเราไม่เคยเจอคนขับ treat เราแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ เราเจอแต่คนขับใจดี มีสองครั้งที่บัตรเครดิตเรามีปัญหาไม่สามารถจ่ายค่ารถได้ คนขัยพยักหน้าให้เราขึ้นฟรีก็มีค่ะ คือเขาดี และจำเราได้ เพราะเราใช้รถโดยสารประจำเพื่อไปทำงาน หรือเดินทางเข้าเมือง
แต่เมื่อต้นเดือน กค ที่ผ่านมานี้ค่ะ เราเพิ่งสอบข้อเขียนขับรถเสร็จ แล้วตัดสินใจว่าจะ treat ตัวเองโดยการไปซื้อ Chickem nugget กับ frence fries กลับบ้าน เราถือถุง Wendy’s take away ขึ้นรถบัสด้วย ปกติเราซื้อของกินขึ้นลงรถบ่อยมากๆค่ะ คนส่วนใหญาก็ทำ เพราะนี่คือรถโดยสารที่คนนั้งจากเมืองใหญ่เข้าเมืองเล็ก จากเมืองเล็กเข้าเมืองใหญ่ ซึ่งการซื้อกับข้าว ซื้ออาหารขึ้นรถมันเป็นเรื่องธรรมดา
ก่อนเราขึ้นรถคนขับ กับผู้โดยสารผู้หญิงสามคนที่รอคิวก่อนหน้าเราคุยเจี๊ยวจ๊าวสนุกสนานมาก แล้วมีผู้โดยสารผู้ชายวัยกลางคนกับสุนัข 3 ตัว กำลังลงรถ ผช เป็นคนอังกฤษนะค่ะ แล้วผู้โดยสารผู้หญิงสามท่านที่คุยกับคนขับอยู่ เห็นน้องหมาก็ตื่นเต้น ทักทายคุยกับเจ้าของหมาขณะที่ทั้งคนและหมากำลังลงรถค่ะ พอผู้ชายกับแก๊งน้องหมาเดินลับหลังไป คนขับเปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วบอกผู้หญิงสามคนที่เข้าคิวข้างหน้าเราว่า (He is bloody stink.) = (เขาเหม็นชิหาย!) แล้วก็เดินเอาสเปรไปฉีดตรงที่ผู้โดยสารกับหมานั้ง ทุกคนอันนี้คือเรารู้สึกตอนนั้นเลยว่าคนขับรถบัสนี่ descriminate มากๆ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงสามคนข้างหน้าเราขึ้นรถไป หัวเราะสนุกสนาน ถึงตาเราขึ้นรถละค่ะ สีหน้านางยังกับว่าเราเอาทุเรียน หรือสะตอขึ้นรถเลยค่ะ เราไม่ทันได้ซื้อตั๋ว นางมาเลยค่ะ นางว่า นี่เธอเอา take away ขึ้นรถไม่ได้นะ เขาห้ามเอาขึ้นรถ นางต่อว่าเราต่อค่ะว่า ถ้าจะกินบนรถไม่ได้ เพราะเขาห้ามกินอาหารบนรถ เขาพูดออกแนวน้พเสียงตะหวาด ขู่ เราแอบอึ่งและงงว่ากฎนี้มันมาตอนไหนว่ะ เพราะปกติคนทั้งกินทั้งดื่มบนรถนี่หว่าแต่อาหารต้องมีการปิดที่ปลอดภัยไม่หกเรี่ยราด และต้องไม่ส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์รบกวนผู้อื่น เราเลยไม่พูดอะไร แต่เหลือบไปเห็นผู้โดยสารอึกคนกำลังกินโดนัทซึ่งน้ังหลังห้องคนขับเลย เราไม่พูดอะไร แล้วคนขับรถก็ฟาดเราต่อค่ะว่า ถ้าฉันเห็นเธอกินบนรถนะ ฉันจะถามไปด่าถึงที่!! ทุกคนเราโกรธมากตอนนั้น คือ เรารู้อยู้ว่าจริงๆกฎเขาเป็นยังไง และปกติคนกินอาหารบนรถอยู่แล้วโดยเฉพาะตอนเช้า หรือตอนหลังเลิกงาน บ่อยครั้งมากๆที่เราเจอคนเอา curry take away ขึ้นรถ อันนี้กลิ่นมาจริงแต่เราคิดว่ามันไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงขั้นเหม็นหรือไม่สบาย และคนที่เอา curry ขึ้นรถมาเราไม่เคยเห็นคนขับคนไหนจะตำหนิ หรือขู่ว่าเลยค่ะ หลังจากที่เราโดนตะคอกใส่เรียบร้อยแล้วเราขึ้นไปนั้งชั้นบน และ search กฎการพาหาหารขึ้นรถอีกทีเพื่อความชัวร์ เพราะกฎอาจจะอัพเดท คือ กฎยังเหมือนเดิม เราเข้าใจถูกว่าเราเอาขึ้นมาได้ แต่ต้องไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
ขณะที่เรานั้งรถนะค่ะ ก็มีผู้ชายอีกคนนั้งกินกล้วยแล้วทิ้งเปลือกไว้ข้างหน้าเลยค่ะ แล้วผู้ชายคนที่กินกล้วยคือกินอยู่หน้ากล้องวงจรปิดบนรถนะคะ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนขับไม่เห็นจะมาด่าอะไรเลย ไหนว่ากินอาหารบนรถไม่ได้ หรือกล้วยไม่ได้เป็นอาหาร หรือโดนัทไม่ถือเป็นอาหารหรอ อีกทั้งคนที่ขึ้นรถอีกป้ายขึ้นมานั้งที่นั้งข้างหน้าสุดชั้น ซื้อ KFC ขึ้นมาถุงโตกว่าเราเยอะมากๆ แต่กลับไม่โดนตะคอกด่า อะไรเลย รถจอดปุ๊บ ซื้อตั๋วปั๊บ ขึ้นมานั้งสบายใจ
เราไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเรารู้โกรธ หรือแค่ไม่พอใจมากๆ เราไม่โอเคตรงที่เขาใช้น้ำเสียงข่มขู่ และ 'เลือก' ปฎิบัติกับเราไม่เหมือนกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ตอนนั้นนะค่ะเรารู้สึกว่าเราถูกเลือกกระทำมากๆ และเราคิดว่าเพราะเราดูเป็นเอเชียหรือเปล่า ที่คนขับรถต้องมาเบ่งใส่ แต่พอเราเย็นลง มานั้งตั้งสติทบทวนเหตุการณ์ และกลับไปคุยกับพ่อสามีที่บ้านเล่าให้ฟัง พ่อเราก็ไม่พอใจค่ะ เพราะคนขับรถทำไม่ถูกมากๆ พ่อขึ้นลงรถสายนี้มาเป็น 40 ปี และก็บ่อยครั้งเช่นเดียวกันที่ซื้อกับข้าว หรืออาหารโดยสารรถสายนี้ พ่อบอกว่าเขาไม่เคยโดน treat แบบนี้ และคนขับไม่ควรเลือกกระทำ หรือสร้างกฎใหม่ขึ้นมาเพื่อจะใช้กับแค่บางคน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ พ่อเห็นตรงกับเราว่าเราต้อง report เพราะคนขับใช้อำนาจผิดๆ และเราไม่สมควรถูก treat แบบนี้เลยแม้แต่นิด
เราเลยคิดได้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ความผิดเราเลย และไม่ใช่เพราะเราเป็นเอเชีย เพราะขนาดผู้ชายที่จูงน้องหมาลงรถเป็นคนอังกฤษ คนขับรถยังนิสัยไม่ดีกับเขาเลย เรากลับมองว่ามันเป็น เพราะคนขับที่เขาเองที่เขาพยายามจะเบ่ง และพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูมีอำนาจ โดยพยายามเลือกที่จะกด ข่มขู่คนอื่นที่เขาเห็นว่าอาจคนพวกนั้นอาจจะอ่อนแอกว่าเขา แล้วพฤติกรรมแบบนี้อาจจะทำให้เขามีความสุขก็ได้ เพราะเขาอาจจะรู้สึกว่าเขา control คนอื่นได้
ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงค่ะ?
ทุกคนคิดว่าเรายอมไหมคะ?
เราไม่ยอมค่ะ เรารีบกลับมาเขียนอีเมล report พฤติกรรมคนขับเลยค่ะ
แล้วอีกสองสามวันให้หลัง custumer service team เขาตอบกลับมาเลยค่ะ และดีมากๆ
ทีม customer service เปิดกล้องวงจรปิดในรถเพื่อจะหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาจะฟังเราอย่างเดียวไม่ได้ ปรากฎว่าเขาเจอว่า คนขับมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากๆและมันเป็นอย่างที่เราเขียนรายงานไป เขาจัดการคนขับโดยการตักเตือนและอบรมใหม่ค่ะ เพราะเขาบอกว่าคนขับทุกคนต้องมีความเป็นมืออาชีพในเรื่องของการให้บริการผู้โดยสารด้วยความเคารพ และเท่าเทียม ทีม custumer service ได้ขอโทษ และยืนยันว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเราอีก เราสามารถอีเมลไปหาทีมเขาโดยตรงเลย เพราะเขารู้แล้วว่าคนขับคือคนไหน และเขาหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดกับเราอีก
ทุกคนคิดว่ายังไงคะกับเหตุการณ์ที่เราเล่ามา ใครเคยเจอแบบเราบ้าง
สำหรับเรานะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นการเหยียดหรือเป็นเหตุการณ์ abusive ก็ตาม เรามานั้งตั้งสติดู เราก็พบว่าจริงๆแล้วเราทำถูกแล้วค่ะที่เราไม่ไปปะทะกับคนพวกนี้ เราจำเป็นต้องไปต่อสู้กับคนพวกนี้โดยวิธีการที่เดียวกับที่เขาทำกับเรา เราไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงใส่เขา หรือใช้วิธีการกดขี่ ขมเหงเขา เพราะมันจะทำให้ให้จิตเราตกด้วยซ้ำ บนโลกใบนี้มันต้องมีคนพวกนี้ค่ะที่เขาจะทำให้เราให้เสียพลังบวกไปกับพวกเขา เราแค่ต้องตั้งสติใช้ความสุภาพทางภาษาและความเย็นของเราตบหน้าผู้หญิงคนนี้แรงมาก และเราคิดว่าเราทำได้อย่างดีด้วย เราจัดการผู้หญิงคนนี้โดยให้คนอื่นที่เขามีตำแหน่งเหนือกว่าเป็นคนจัดการ และตัดสินเหตุการณ์ด้วยเหตุและผล เรารับมือกับคนขับรถโดยที่เราแค่เขียนอีเมล repoort พฤติกรรมที่ไม่น่ารักของเขาไปกับบริษัทรถที่เขาทำงาน แค่นี้เขาก็ได้รับผลของการกระทำที่เหมาะสม เราคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับสองฝ่าย ทั้งเราและเขา ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนี้ไม่มีสิทธิ treat ผู้โดยสารคนอื่นๆแบบเดียวกับที่เขาทำกับเราอีกต่อไป อย่างน้อยเขาต้องรู้สึกตัว
เรื่องนี้นะคะเราไม่ได้จะมาแชร์กับทุกคนเพราะเราจะบอกว่าคนขาวชอบเหยียดคนเอเชีย เพราะจริงๆแล้วการเหยียดหรือการข่มเหงคนอื่นมันมีหมดไม่ว่าคนขาวเหยียดคนสี คนสีเหยียดคนขาว คนไทยเหยียดพม่า คนพม่าเหยียดไทย คนแต่งตัวดีเหยียดคนแต่งตัวไม่ดี เราอยากให้มองว่าถ้าเหตุการณ์พวกนี้เกิดกับใครก็ได้ ชาติไหนก็ได้ และถ้าใครประสบเหตการณ์แบบนี้ที่อังกฤษนะคะ เราต้องหาวิธีการรายงานคนที่สูงขึ้นไป หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ และให้ความยุติธรรม เพราะเรื่องแบบนี้ที่อังกฤษเขาจัดการจริงๆเลยค่ะ เพราะเขาให้ความสำคัญมากๆในเรื่องความเท่าเทียมในการ treat คนอื่น โดยเฉพาะถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดที่ทำงาน หรือในวงการ custumer service นะคะ
นี่แหละค่ะเรื่องที่เราอยากมาแชร์กับทุกคน คิดว่ายังไงกันบ้างค่ะ ทุกคนคิดว่าเราถูกเหยียดไหม หรือแค่ abusive ครเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ และรับมือยังไงกันบ้าง เราว่าคอมเม้นอาจะมีประโยชน์กับหลายๆคนด้วยถ้ามันมาจากประสบการณ์จริง และมีวิธีรับมือดีๆ
ชีวิตอังกฤษและการถูกเหยียด?
ก่อนอื่นนะค่ะ เราขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราใช้ชีวิที่อังกฤษมาเป็นเวลา 5 ปีเองค่ะ และสิ่งที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์เราเท่านั้นนะคะ เรื่องนี้เป็น topic ที่ sensitive มากๆในความคิดของเรา เราได้ทำคลิปไว้ด้วยค่ะ สำหรับคนที่อยากฟังมากกว่าอ่าน ตรงมาทางนี้เลยค่ะ คลิกตรงนี้เลยค่า
ส่วนคนที่ประสงค์จะอ่านมากกว่าเลี้ยวขวามาทางนี้ค่ะมาเริ่มกันเลย
ทุกคนเราขออนุญาตนะคะ เราคิดว่าเหตุณ์การที่เราจะเล่าเป็นการเหยียดนะค่ะ แต่เราอาจจะประเมินผิด ทุกคนลองอ่านดูนะค่ะว่าคิดเหมือนเราไหม
สำหรับเราไม่ว่าจะเป็นการเหยียดหรือ abusive เรามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ย่อมอยากจะเหนือกว่าคนอื่น อยากเป็นที่ยอมรับ มีอำนาจ
เรายอมรับเลยว่าก่อนเราย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เราเป็นคนหนึ่งที่เหยียดคนพม่ามาก่อน (ถ้าใครเป็นคนพม่ามาอ่านบทความนี้นะคะ เราขอโทษ ตอนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ) เฉพาะตอนเราเด็กๆเราไม่เข้าใจ เราไปเรียนพิเศษแล้วต้องนั้งสองแถวที่มีคนพม่าด้วย เราไม่ชอบมากๆ เราชอบพูดกับเพื่อนว่าคนพม่าเหม็น และน่ากลัว เขามาประเทศเราทำไม ตอนนั้นเราไม่ชอบคนพม่ามากๆทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรเราเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนถึงตอนนี้พอเรามาอยู่ต่างประเทศ เรารู้เลยว่า เราก็คือคนพม่าในประเทศอังกฤษดีๆนี่เอง มันทำให้เรารู้สึกผิดกับพฤติกรรมที่เราทำกับคนพม่าบนรถสองแถวมากๆ หรือว่าอันนี้มันเป็นเวรกรรมที่ติดเรามา!! เราถึงโดนอะไรแบบนี้ด้วย นี่และค่ะเรามองว่าการเหยียดหรือการ abusive ว่ามันคือธรรมชาติของมนุษย์ที่มีทุกๆที่ เพราะมนุษย์เราอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าคนอื่น นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มนุษย์เรามีความจองหอง ข่มคนอื่น โดยที่บางทีเขาเองอาจจะไม่รู้ตัว
เหตุการณ์ที่เราจะเล่า เราเพิ่งเจอเมื่อต้นเดือน กค นี่เองค่ะคือ ตอนเราขึ้นรถบัสโดยสารกลับบ้านค่ะ และเราคิดว่าเราโดนคนขับรถบัสข่มขู่ และเลือกกระทำ
นี่คือลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ เรากำลังจะขึ้นรถบัสกลับบ้าน เป็นสายประจำที่เรานั้งมาตลอด 5 ปี แล้วเราไม่เคยเจอคนขับ treat เราแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ เราเจอแต่คนขับใจดี มีสองครั้งที่บัตรเครดิตเรามีปัญหาไม่สามารถจ่ายค่ารถได้ คนขัยพยักหน้าให้เราขึ้นฟรีก็มีค่ะ คือเขาดี และจำเราได้ เพราะเราใช้รถโดยสารประจำเพื่อไปทำงาน หรือเดินทางเข้าเมือง
แต่เมื่อต้นเดือน กค ที่ผ่านมานี้ค่ะ เราเพิ่งสอบข้อเขียนขับรถเสร็จ แล้วตัดสินใจว่าจะ treat ตัวเองโดยการไปซื้อ Chickem nugget กับ frence fries กลับบ้าน เราถือถุง Wendy’s take away ขึ้นรถบัสด้วย ปกติเราซื้อของกินขึ้นลงรถบ่อยมากๆค่ะ คนส่วนใหญาก็ทำ เพราะนี่คือรถโดยสารที่คนนั้งจากเมืองใหญ่เข้าเมืองเล็ก จากเมืองเล็กเข้าเมืองใหญ่ ซึ่งการซื้อกับข้าว ซื้ออาหารขึ้นรถมันเป็นเรื่องธรรมดา
ก่อนเราขึ้นรถคนขับ กับผู้โดยสารผู้หญิงสามคนที่รอคิวก่อนหน้าเราคุยเจี๊ยวจ๊าวสนุกสนานมาก แล้วมีผู้โดยสารผู้ชายวัยกลางคนกับสุนัข 3 ตัว กำลังลงรถ ผช เป็นคนอังกฤษนะค่ะ แล้วผู้โดยสารผู้หญิงสามท่านที่คุยกับคนขับอยู่ เห็นน้องหมาก็ตื่นเต้น ทักทายคุยกับเจ้าของหมาขณะที่ทั้งคนและหมากำลังลงรถค่ะ พอผู้ชายกับแก๊งน้องหมาเดินลับหลังไป คนขับเปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วบอกผู้หญิงสามคนที่เข้าคิวข้างหน้าเราว่า (He is bloody stink.) = (เขาเหม็นชิหาย!) แล้วก็เดินเอาสเปรไปฉีดตรงที่ผู้โดยสารกับหมานั้ง ทุกคนอันนี้คือเรารู้สึกตอนนั้นเลยว่าคนขับรถบัสนี่ descriminate มากๆ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงสามคนข้างหน้าเราขึ้นรถไป หัวเราะสนุกสนาน ถึงตาเราขึ้นรถละค่ะ สีหน้านางยังกับว่าเราเอาทุเรียน หรือสะตอขึ้นรถเลยค่ะ เราไม่ทันได้ซื้อตั๋ว นางมาเลยค่ะ นางว่า นี่เธอเอา take away ขึ้นรถไม่ได้นะ เขาห้ามเอาขึ้นรถ นางต่อว่าเราต่อค่ะว่า ถ้าจะกินบนรถไม่ได้ เพราะเขาห้ามกินอาหารบนรถ เขาพูดออกแนวน้พเสียงตะหวาด ขู่ เราแอบอึ่งและงงว่ากฎนี้มันมาตอนไหนว่ะ เพราะปกติคนทั้งกินทั้งดื่มบนรถนี่หว่าแต่อาหารต้องมีการปิดที่ปลอดภัยไม่หกเรี่ยราด และต้องไม่ส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์รบกวนผู้อื่น เราเลยไม่พูดอะไร แต่เหลือบไปเห็นผู้โดยสารอึกคนกำลังกินโดนัทซึ่งน้ังหลังห้องคนขับเลย เราไม่พูดอะไร แล้วคนขับรถก็ฟาดเราต่อค่ะว่า ถ้าฉันเห็นเธอกินบนรถนะ ฉันจะถามไปด่าถึงที่!! ทุกคนเราโกรธมากตอนนั้น คือ เรารู้อยู้ว่าจริงๆกฎเขาเป็นยังไง และปกติคนกินอาหารบนรถอยู่แล้วโดยเฉพาะตอนเช้า หรือตอนหลังเลิกงาน บ่อยครั้งมากๆที่เราเจอคนเอา curry take away ขึ้นรถ อันนี้กลิ่นมาจริงแต่เราคิดว่ามันไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงขั้นเหม็นหรือไม่สบาย และคนที่เอา curry ขึ้นรถมาเราไม่เคยเห็นคนขับคนไหนจะตำหนิ หรือขู่ว่าเลยค่ะ หลังจากที่เราโดนตะคอกใส่เรียบร้อยแล้วเราขึ้นไปนั้งชั้นบน และ search กฎการพาหาหารขึ้นรถอีกทีเพื่อความชัวร์ เพราะกฎอาจจะอัพเดท คือ กฎยังเหมือนเดิม เราเข้าใจถูกว่าเราเอาขึ้นมาได้ แต่ต้องไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
ขณะที่เรานั้งรถนะค่ะ ก็มีผู้ชายอีกคนนั้งกินกล้วยแล้วทิ้งเปลือกไว้ข้างหน้าเลยค่ะ แล้วผู้ชายคนที่กินกล้วยคือกินอยู่หน้ากล้องวงจรปิดบนรถนะคะ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนขับไม่เห็นจะมาด่าอะไรเลย ไหนว่ากินอาหารบนรถไม่ได้ หรือกล้วยไม่ได้เป็นอาหาร หรือโดนัทไม่ถือเป็นอาหารหรอ อีกทั้งคนที่ขึ้นรถอีกป้ายขึ้นมานั้งที่นั้งข้างหน้าสุดชั้น ซื้อ KFC ขึ้นมาถุงโตกว่าเราเยอะมากๆ แต่กลับไม่โดนตะคอกด่า อะไรเลย รถจอดปุ๊บ ซื้อตั๋วปั๊บ ขึ้นมานั้งสบายใจ
เราไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเรารู้โกรธ หรือแค่ไม่พอใจมากๆ เราไม่โอเคตรงที่เขาใช้น้ำเสียงข่มขู่ และ 'เลือก' ปฎิบัติกับเราไม่เหมือนกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ตอนนั้นนะค่ะเรารู้สึกว่าเราถูกเลือกกระทำมากๆ และเราคิดว่าเพราะเราดูเป็นเอเชียหรือเปล่า ที่คนขับรถต้องมาเบ่งใส่ แต่พอเราเย็นลง มานั้งตั้งสติทบทวนเหตุการณ์ และกลับไปคุยกับพ่อสามีที่บ้านเล่าให้ฟัง พ่อเราก็ไม่พอใจค่ะ เพราะคนขับรถทำไม่ถูกมากๆ พ่อขึ้นลงรถสายนี้มาเป็น 40 ปี และก็บ่อยครั้งเช่นเดียวกันที่ซื้อกับข้าว หรืออาหารโดยสารรถสายนี้ พ่อบอกว่าเขาไม่เคยโดน treat แบบนี้ และคนขับไม่ควรเลือกกระทำ หรือสร้างกฎใหม่ขึ้นมาเพื่อจะใช้กับแค่บางคน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ พ่อเห็นตรงกับเราว่าเราต้อง report เพราะคนขับใช้อำนาจผิดๆ และเราไม่สมควรถูก treat แบบนี้เลยแม้แต่นิด
เราเลยคิดได้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ความผิดเราเลย และไม่ใช่เพราะเราเป็นเอเชีย เพราะขนาดผู้ชายที่จูงน้องหมาลงรถเป็นคนอังกฤษ คนขับรถยังนิสัยไม่ดีกับเขาเลย เรากลับมองว่ามันเป็น เพราะคนขับที่เขาเองที่เขาพยายามจะเบ่ง และพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูมีอำนาจ โดยพยายามเลือกที่จะกด ข่มขู่คนอื่นที่เขาเห็นว่าอาจคนพวกนั้นอาจจะอ่อนแอกว่าเขา แล้วพฤติกรรมแบบนี้อาจจะทำให้เขามีความสุขก็ได้ เพราะเขาอาจจะรู้สึกว่าเขา control คนอื่นได้
ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงค่ะ?
ทุกคนคิดว่าเรายอมไหมคะ?
เราไม่ยอมค่ะ เรารีบกลับมาเขียนอีเมล report พฤติกรรมคนขับเลยค่ะ
แล้วอีกสองสามวันให้หลัง custumer service team เขาตอบกลับมาเลยค่ะ และดีมากๆ
ทีม customer service เปิดกล้องวงจรปิดในรถเพื่อจะหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาจะฟังเราอย่างเดียวไม่ได้ ปรากฎว่าเขาเจอว่า คนขับมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากๆและมันเป็นอย่างที่เราเขียนรายงานไป เขาจัดการคนขับโดยการตักเตือนและอบรมใหม่ค่ะ เพราะเขาบอกว่าคนขับทุกคนต้องมีความเป็นมืออาชีพในเรื่องของการให้บริการผู้โดยสารด้วยความเคารพ และเท่าเทียม ทีม custumer service ได้ขอโทษ และยืนยันว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเราอีก เราสามารถอีเมลไปหาทีมเขาโดยตรงเลย เพราะเขารู้แล้วว่าคนขับคือคนไหน และเขาหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดกับเราอีก
ทุกคนคิดว่ายังไงคะกับเหตุการณ์ที่เราเล่ามา ใครเคยเจอแบบเราบ้าง
สำหรับเรานะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นการเหยียดหรือเป็นเหตุการณ์ abusive ก็ตาม เรามานั้งตั้งสติดู เราก็พบว่าจริงๆแล้วเราทำถูกแล้วค่ะที่เราไม่ไปปะทะกับคนพวกนี้ เราจำเป็นต้องไปต่อสู้กับคนพวกนี้โดยวิธีการที่เดียวกับที่เขาทำกับเรา เราไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงใส่เขา หรือใช้วิธีการกดขี่ ขมเหงเขา เพราะมันจะทำให้ให้จิตเราตกด้วยซ้ำ บนโลกใบนี้มันต้องมีคนพวกนี้ค่ะที่เขาจะทำให้เราให้เสียพลังบวกไปกับพวกเขา เราแค่ต้องตั้งสติใช้ความสุภาพทางภาษาและความเย็นของเราตบหน้าผู้หญิงคนนี้แรงมาก และเราคิดว่าเราทำได้อย่างดีด้วย เราจัดการผู้หญิงคนนี้โดยให้คนอื่นที่เขามีตำแหน่งเหนือกว่าเป็นคนจัดการ และตัดสินเหตุการณ์ด้วยเหตุและผล เรารับมือกับคนขับรถโดยที่เราแค่เขียนอีเมล repoort พฤติกรรมที่ไม่น่ารักของเขาไปกับบริษัทรถที่เขาทำงาน แค่นี้เขาก็ได้รับผลของการกระทำที่เหมาะสม เราคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับสองฝ่าย ทั้งเราและเขา ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนี้ไม่มีสิทธิ treat ผู้โดยสารคนอื่นๆแบบเดียวกับที่เขาทำกับเราอีกต่อไป อย่างน้อยเขาต้องรู้สึกตัว
เรื่องนี้นะคะเราไม่ได้จะมาแชร์กับทุกคนเพราะเราจะบอกว่าคนขาวชอบเหยียดคนเอเชีย เพราะจริงๆแล้วการเหยียดหรือการข่มเหงคนอื่นมันมีหมดไม่ว่าคนขาวเหยียดคนสี คนสีเหยียดคนขาว คนไทยเหยียดพม่า คนพม่าเหยียดไทย คนแต่งตัวดีเหยียดคนแต่งตัวไม่ดี เราอยากให้มองว่าถ้าเหตุการณ์พวกนี้เกิดกับใครก็ได้ ชาติไหนก็ได้ และถ้าใครประสบเหตการณ์แบบนี้ที่อังกฤษนะคะ เราต้องหาวิธีการรายงานคนที่สูงขึ้นไป หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ และให้ความยุติธรรม เพราะเรื่องแบบนี้ที่อังกฤษเขาจัดการจริงๆเลยค่ะ เพราะเขาให้ความสำคัญมากๆในเรื่องความเท่าเทียมในการ treat คนอื่น โดยเฉพาะถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดที่ทำงาน หรือในวงการ custumer service นะคะ
นี่แหละค่ะเรื่องที่เราอยากมาแชร์กับทุกคน คิดว่ายังไงกันบ้างค่ะ ทุกคนคิดว่าเราถูกเหยียดไหม หรือแค่ abusive ครเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ และรับมือยังไงกันบ้าง เราว่าคอมเม้นอาจะมีประโยชน์กับหลายๆคนด้วยถ้ามันมาจากประสบการณ์จริง และมีวิธีรับมือดีๆ