วันก่อนดูข่าว เจ้าของกัลฟ์ กับ เจ้าของเพื่อไทย ไปตีกอล์ฟที่เขาใหญ่
สงสัยเจ้าของกัลฟ์รวยมาจากไหน เข้าทางใคร ก็เลยไปหาประวัติจากหนังสือพิมพ์
แล้วค้นไปเจอ การประท้วงโรงไฟฟ้าหินกรูดของกรีนพีช และค่าปรับหลายหมื่นล้านบาท
จนกลายมาเป็นโรงไฟฟ้าสระบุรี นำไปสู่ค่า FT ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าก็ต้องจ่าย
นอกเรื่องแล้ว จริงๆแล้วสงสัยว่า การประท้วงควรมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระมั้ย?
เพราะเรียนมาว่าการประท้วงไม่ใช่สงคราม แต่การประท้วงคือ
กิจกรรมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่มีความรับผิดชอบแบบผู้เจริญแล้ว ไม่ใช่ม๊อบของคนบ้าที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
อย่างน้อยจึงควรมีความรับผิดชอบ โดยกำหนดให้
1.การประกันภัยบุคคลที่ 3 วงเงิน 1ล้านบาท คู่กรณีไม่ว่าใครผิดถูก ให้รับผิดชอบร่วมกัน ไม่งั้นประท้วงเสร็จลอยตัวหมด ชาวบ้านน้ำตาตกใน เสียค่าโง่ฟรี
อย่างเช่น ผู้ประท้วง ทำแผงกั้นหรือร่มล้ำเข้ามาในถนน จนคนขับรถไม่ทันสังเกต หรือหลบเลี่ยงได้ทัน รถเป็นรอยหรือยุบจะทำยังไง หรือ
ได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากประทัด ปืนปากกา ร่ม ไม้ หรืออาวุธใดๆ ไม่ว่าจากใครหรือมือที่สาม
คู่กรณี คือรัฐ และผู้ประท้วง ควรให้รับผิดชอบร่วมกันทำประกันอุบัติเหตุไว้ก่อน แล้วประกันก็มาชดใช้ให้บุคคลที่3
ถ้าไม่ยอมจ่ายก็เก็บเป็นภาษีคุ้มครองบุคคลที่3 จากการประท้วง โดยให้ระดมทุน คนละบาทหรือร้อยบาท ขึ้นอยู่กับว่ามีผู้ชุมนุมกี่คน
2.ประท้วงไม่ว่าเพราะอะไร ประท้วงที่ไหน ต้องเคารพสิทธิผู้อื่น ไม่มีอภิสิทธิ์ แม้จะมีคนชื่อ อภิสิทธิ์ มาประท้วงก็ไม่ได้
ก่อนประท้วงต้องยื่นแผนจัดการสิ่งแวดล้อม(EIA)ก่อน ดิน น้ำ ลม ไฟ เสียง ควันอาหาร ขยะ ของเสีย จะทำลายธรรมชาติในบริเวณที่ประท้วงมั้ย
เพราะถ้าประท้วงเป็นเดือน ก็จะสะสมเป็นของเสีย เป็นพิษภัยแก่แม่น้ำลำคลอง ทะเลหรือชุมชนโดยรอบได้
ขยะ ของเสียของใครก็ขนกลับไปทิ้งบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งบ้านคนอื่น รับผืดชอบกันหน่อย โตๆกันแล้ว
3.การประท้วงต้องยื่นขออนุมัติจากชุมชนรอบข้างว่าจะไม่ทำลาย วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี
การเดินทาง หรืออาชีพของผู้คนในชุมชนนั้นก่อน และต้องไม่ขัดขวาง ก่อกวนการประกอบพิธีทางศาสนาใดๆ
เช่นมีเสียงประกอบพิธีละหมาด หรือบวชพระ ทอดกฐิน ผ้าป่า จากในชุมชน หรือ
มีการแห่ขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ก็ต้องงดใช้เสียงประท้วงก่อน
นี่คือความรับผิดชอบของผู้เจริญแล้ว เป็นบทเรียนที่เรียนด้วยชีวิตก่อนจะเป็นประเทศอันศิวิไล
ผมคิดว่า ผู้มาประท้วงคงไม่ใช่เด็กเกรียน หรือ มนุษย์ป้าที่คุยกันไม่รู้เรื่องได้แต่ร้องครวญครางว่า
ฉันจะเอา ฉันต้องได้ ไม่งั้นจะงอแงดีดดิ้นสามวันสามคืน
อาเมน อมิตาพุทธ
ศาสนาไหนหว่า เหมาหมดเลย 555
ปล. มีเพลงเพราะๆเอามาฝาก
ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน
ได้ปลา ทุก วัน รักกันก็ปันกันไป
หาปลามานมนาน หาปลามาบานตะไท
จนแม้ ใครใคร รู้น้ำใจไมตรีปรีดา
แต่แล้ว วันหนึ่ง เคราะห์มองขึงขทึงมา
สองคน ถึงครา แย่งหัวปลาหางปลากันเกรียว
ตาอินกะตานา โศกาอาวรณ์จริงเจียว
ตาอยู่มา เดี๋ยวเดียว คว้าพุงเพรียวเพรียวไปกิน
https://kpi.ac.th/media/pdf/M10_297.pdf
ลองอ่าน หน้า 19 ที่ว่า "“วันหนึ่งชาวบ้านได้ทราบข้อเท็จจริงจากนักการเมืองในพื้นที่"
เหมือนเรื่องโรงงานแทนทาลัม เริ่มจากนักการเมืองในพื้นที่ แต่เรื่องการนำเข้าขยะกากแคดเมียมกลับเงียบหาย ทำไม
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี การประท้วงควรมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระมั้ย? เพราะว่าการประท้วงไม่ใช่สงคราม
สงสัยเจ้าของกัลฟ์รวยมาจากไหน เข้าทางใคร ก็เลยไปหาประวัติจากหนังสือพิมพ์
แล้วค้นไปเจอ การประท้วงโรงไฟฟ้าหินกรูดของกรีนพีช และค่าปรับหลายหมื่นล้านบาท
จนกลายมาเป็นโรงไฟฟ้าสระบุรี นำไปสู่ค่า FT ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าก็ต้องจ่าย
นอกเรื่องแล้ว จริงๆแล้วสงสัยว่า การประท้วงควรมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระมั้ย?
เพราะเรียนมาว่าการประท้วงไม่ใช่สงคราม แต่การประท้วงคือ
กิจกรรมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่มีความรับผิดชอบแบบผู้เจริญแล้ว ไม่ใช่ม๊อบของคนบ้าที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
อย่างน้อยจึงควรมีความรับผิดชอบ โดยกำหนดให้
1.การประกันภัยบุคคลที่ 3 วงเงิน 1ล้านบาท คู่กรณีไม่ว่าใครผิดถูก ให้รับผิดชอบร่วมกัน ไม่งั้นประท้วงเสร็จลอยตัวหมด ชาวบ้านน้ำตาตกใน เสียค่าโง่ฟรี
อย่างเช่น ผู้ประท้วง ทำแผงกั้นหรือร่มล้ำเข้ามาในถนน จนคนขับรถไม่ทันสังเกต หรือหลบเลี่ยงได้ทัน รถเป็นรอยหรือยุบจะทำยังไง หรือ
ได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากประทัด ปืนปากกา ร่ม ไม้ หรืออาวุธใดๆ ไม่ว่าจากใครหรือมือที่สาม
คู่กรณี คือรัฐ และผู้ประท้วง ควรให้รับผิดชอบร่วมกันทำประกันอุบัติเหตุไว้ก่อน แล้วประกันก็มาชดใช้ให้บุคคลที่3
ถ้าไม่ยอมจ่ายก็เก็บเป็นภาษีคุ้มครองบุคคลที่3 จากการประท้วง โดยให้ระดมทุน คนละบาทหรือร้อยบาท ขึ้นอยู่กับว่ามีผู้ชุมนุมกี่คน
2.ประท้วงไม่ว่าเพราะอะไร ประท้วงที่ไหน ต้องเคารพสิทธิผู้อื่น ไม่มีอภิสิทธิ์ แม้จะมีคนชื่อ อภิสิทธิ์ มาประท้วงก็ไม่ได้
ก่อนประท้วงต้องยื่นแผนจัดการสิ่งแวดล้อม(EIA)ก่อน ดิน น้ำ ลม ไฟ เสียง ควันอาหาร ขยะ ของเสีย จะทำลายธรรมชาติในบริเวณที่ประท้วงมั้ย
เพราะถ้าประท้วงเป็นเดือน ก็จะสะสมเป็นของเสีย เป็นพิษภัยแก่แม่น้ำลำคลอง ทะเลหรือชุมชนโดยรอบได้
ขยะ ของเสียของใครก็ขนกลับไปทิ้งบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งบ้านคนอื่น รับผืดชอบกันหน่อย โตๆกันแล้ว
3.การประท้วงต้องยื่นขออนุมัติจากชุมชนรอบข้างว่าจะไม่ทำลาย วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี
การเดินทาง หรืออาชีพของผู้คนในชุมชนนั้นก่อน และต้องไม่ขัดขวาง ก่อกวนการประกอบพิธีทางศาสนาใดๆ
เช่นมีเสียงประกอบพิธีละหมาด หรือบวชพระ ทอดกฐิน ผ้าป่า จากในชุมชน หรือ
มีการแห่ขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ก็ต้องงดใช้เสียงประท้วงก่อน
นี่คือความรับผิดชอบของผู้เจริญแล้ว เป็นบทเรียนที่เรียนด้วยชีวิตก่อนจะเป็นประเทศอันศิวิไล
ผมคิดว่า ผู้มาประท้วงคงไม่ใช่เด็กเกรียน หรือ มนุษย์ป้าที่คุยกันไม่รู้เรื่องได้แต่ร้องครวญครางว่า
ฉันจะเอา ฉันต้องได้ ไม่งั้นจะงอแงดีดดิ้นสามวันสามคืน
อาเมน อมิตาพุทธ
ศาสนาไหนหว่า เหมาหมดเลย 555
ปล. มีเพลงเพราะๆเอามาฝาก
ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน
ได้ปลา ทุก วัน รักกันก็ปันกันไป
หาปลามานมนาน หาปลามาบานตะไท
จนแม้ ใครใคร รู้น้ำใจไมตรีปรีดา
แต่แล้ว วันหนึ่ง เคราะห์มองขึงขทึงมา
สองคน ถึงครา แย่งหัวปลาหางปลากันเกรียว
ตาอินกะตานา โศกาอาวรณ์จริงเจียว
ตาอยู่มา เดี๋ยวเดียว คว้าพุงเพรียวเพรียวไปกิน
https://kpi.ac.th/media/pdf/M10_297.pdf
ลองอ่าน หน้า 19 ที่ว่า "“วันหนึ่งชาวบ้านได้ทราบข้อเท็จจริงจากนักการเมืองในพื้นที่"
เหมือนเรื่องโรงงานแทนทาลัม เริ่มจากนักการเมืองในพื้นที่ แต่เรื่องการนำเข้าขยะกากแคดเมียมกลับเงียบหาย ทำไม