เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ และในชีวิตประจำวันกับชีวิตการทำงานเราตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราตัดสินใจไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษคือ รู้สึกหมดไฟในการทำงาน อยากเปลี่ยนงาน อยากทำงานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ อยากอัพเกรดตัวเอง ทั้งที่เราอายุ 30+ แล้ว
เราจึงไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ British Council คอร์ส My class แบ่งเป็นเลเวลๆ แต่ละเลเวลเรียน 20 ครั้ง ตอนนี้เราเรียนได้ 4 ครั้ง และเราจะมาเล่าความรู้สึกของตัวเอง แค่ความรู้สึกของเราเท่านั้น ไม่ได้เป็นการตัดสินว่าเรียนที่นี่ดีหรือไม่ดี ความจริงก่อนหน้านี้เราก็เคยเรียนภาษาอังกฤษจากที่อื่นมาหลายที่ แต่เราก็ยังไม่เก่งซะที เพราะเรียนแล้วก็ไม่เคยได้เอามาใช้จริง แต่ที่ไปเรียนครั้งนี้ เพราะคิดว่าคราวนี้คงได้เอามาใช้ซะที และ British Council ก็เป็นสถาบันที่ใครๆก็บอกว่าดี เรายังไม่เคยเจอใครที่เรียนที่นี่แล้วบอกว่าไม่ดี และค่าเรียนก็แพงมาก เราจึงเชื่อว่าเรียนที่นี่แล้วดี
ก่อนเรียนที่นี่ต้องทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษก่อน เราไปทดสอบแล้วได้คะแนนอยู่ในระดับกึ่ง Pre-intermediate กับ Intermediate จนท.ที่ทดสอบเราแนะนำให้ลง Intermediate แต่เราเลือกลง Pre-intermediate ซึ่งมีความง่ายกว่า (ซึ่งก็คิดว่าเลือกถูกแล้ว) ข้อดีของการเรียนที่นี่คือสามารถเลือกวัน/เวลาเรียนเองได้ เข้าไปจองเองในเว็บสถาบัน (เราเลือกเรียนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์) และเนื้อหาการเรียนแต่ละครั้งจะกำหนดหัวข้อการสนทนาไว้ พอเรียนครั้งต่อไปก็เป็นหัวข้ออื่นแล้ว ส่วนข้อเสียคือ เลเวลนึงให้เวลาเรียน 3 เดือน สำหรับเราถือว่าให้เวลาน้อย สำหรับการเรียน 20 ครั้ง
เรื่องบรรยากาศการเรียน สาขาที่เราเรียน มีคนเรียนไม่เยอะ ประมาณ 5-6 คน และเพื่อนร่วมห้องก็ไม่ค่อยซ้ำหน้ากัน ครูที่สอนเป็นชาวต่างชาติเจ้าของภาษา ก็จะสอนเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่เรียนครั้งนั้น แล้วก็มีถามคำถามนักเรียนบ้าง มีสอนแกรมม่าบ้างแต่ไม่เน้น เน้นการฟังและพูด ครูก็พูดไป ซึ่งเราฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก หูเราไม่ค่อยคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่ง จึงเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะพูดโต้ตอบกับครูได้ เพราะขนาดฟังยังไม่ค่อยเข้าใจ แล้วจะให้พูดอะไรได้ แต่ 2 ครั้งแรกที่ไปเรียน เราพยายามจะพูดสื่อสารกับครู แต่เราก็พูดได้แค่เป็นคำๆ หรือประโยคสั้นๆ ไม่สามารถพูดได้ยาวๆ และหลายครั้งที่เราต้องขอให้ครูพูดซ้ำ เพราะฟังครั้งเดียวเราไม่เข้าใจ ส่วนผู้เรียนคนอื่นๆค่อนข้างเงียบ แต่ทักษะภาษาพวกเขาคงดีกว่าเรา เพราะเวลาครูถามคำถาม พวกเขาจะตอบกันได้ ส่วนเราตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ยิ่งตอนครูเปิดเทปบทสนทนาให้ฟัง เราฟังแทบไม่ทัน แต่พอเรียนครั้งต่อๆไป เราก็ไม่ค่อยพูดโต้ตอบครูแล้ว ยกเว้นตอนครูถาม เพราะความรู้สึกแอคทีฟมันลดลง
หลังจากเรียนไปได้ 4 ครั้ง ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกขี้เกียจเรียนแล้ว ทั้งขี้เกียจเดินทาง (เราเดินไปเรียนที่สถาบัน ใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที) และอาจเพราะรู้สึกเครียดจากการทำงานวันจันทร์-ศุกร์ด้วย ทำให้วันเสาร์-อาทิตย์ เราไม่อยากจะทำอะไรอีก แต่เราก็จะไปเรียนให้ครบคอร์ส แล้วไม่เรียนต่ออีก (มันแพง อยากเก็บเงินไว้ใช้ทำอย่างอื่นมากกว่า) ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าพอจบคอร์สแล้วเราจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นแค่ไหน แต่คิดว่าคงไม่ได้เก่งขึ้นมากนักหรอก เพราะปกติเราใช้แต่ภาษาไทย เวลาเจอบทความภาษาอังกฤษก็ใช้แต่กูเกิลทรานสเลท และเราก็แทบไม่เสพพวกสื่อต่างประเทศเลย มีเล่นเกมที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษด้วย แต่เราก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง (ส่วนใหญ่ไม่อ่าน กดข้าม)
เราคิดว่าสิ่งสำคัญของการเรียนอะไรก็ตามให้เกิดประโยชน์ คือต้องมีใจรัก ภาษาอังกฤษก็ด้วย ซึ่งเราคงมีใจรักไม่มากพอ จึงรู้สึกเบื่อง่ายและไม่ค่อยขวนขวายเพิ่มเอง และภาษาเป็นเรื่องของทักษะ จะเก่งได้ต้องอาศัยการใช้งานจริง ซึ่งเราก็ไม่มีตรงนี้อีก ส่วนเรื่องความรู้สึกอยากเปลี่ยนงานของเรา ตอนนี้มันก็น้อยลงไปแล้ว เพราะงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ค่อนข้างมั่นคงแล้ว ถึงจะมีปัญหานู่นนี่นั่น แต่ไม่ได้แปลว่าถ้าเราเปลี่ยนงานแล้วจะไม่มีปัญหาเดิมๆอีก อายุเราก็ค่อนข้างเยอะแล้ว จะเปลี่ยนงานมันก็ค่อนข้างเสี่ยง โอกาสที่จะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ค่อนข้างริบหรี่ คิดว่าคงไม่ได้ไปหรอก ต้องใช้เงินมาก เราไม่ได้ร่ำรวย และถ้าได้ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตกับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมและภาษาไหวหรือเปล่า อยู่ประเทศไทยก็ไม่ได้ลำบากอะไร
แต่เราจะไม่บอกหรอกว่าเรียนที่ British Council ดีหรือไม่ดี เพราะถ้าที่นี่ยังไม่ดีอีก เราก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีที่ไหนดีกว่า ใครอยากลองเรียน เราก็แนะนำให้ลอง แต่อยากบอกว่าเรียนแค่ในห้องเรียนไม่พอหรอก ต้องขยันแสวงหาเองนอกห้องเรียนด้วย จริงๆต้องขวนขวายเองเยอะเลย ซึ่งในคอร์สเรียนจะมีบทเรียนให้ทบทวนในเว็บไซต์อยู่แล้ว (มันก็คือบทเรียนที่ครูสอนในห้องนั่นแหละ) สำหรับคนที่มีความชอบความรักในภาษาอังกฤษคงไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ส่วนคนที่อยากเรียนเพราะมีเป้าหมาย ขอให้ยึดมั่นในเป้าหมายของตัวเองอย่างแรงกล้า อย่าเป็นแบบเราที่เดี๋ยวก็ไฟลุก เดี๋ยวก็ไฟมอด ขอจบการเล่าเพียงเท่านี้
ความรู้สึกจากการเรียนภาษาอังกฤษที่ British Council
เราจึงไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ British Council คอร์ส My class แบ่งเป็นเลเวลๆ แต่ละเลเวลเรียน 20 ครั้ง ตอนนี้เราเรียนได้ 4 ครั้ง และเราจะมาเล่าความรู้สึกของตัวเอง แค่ความรู้สึกของเราเท่านั้น ไม่ได้เป็นการตัดสินว่าเรียนที่นี่ดีหรือไม่ดี ความจริงก่อนหน้านี้เราก็เคยเรียนภาษาอังกฤษจากที่อื่นมาหลายที่ แต่เราก็ยังไม่เก่งซะที เพราะเรียนแล้วก็ไม่เคยได้เอามาใช้จริง แต่ที่ไปเรียนครั้งนี้ เพราะคิดว่าคราวนี้คงได้เอามาใช้ซะที และ British Council ก็เป็นสถาบันที่ใครๆก็บอกว่าดี เรายังไม่เคยเจอใครที่เรียนที่นี่แล้วบอกว่าไม่ดี และค่าเรียนก็แพงมาก เราจึงเชื่อว่าเรียนที่นี่แล้วดี
ก่อนเรียนที่นี่ต้องทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษก่อน เราไปทดสอบแล้วได้คะแนนอยู่ในระดับกึ่ง Pre-intermediate กับ Intermediate จนท.ที่ทดสอบเราแนะนำให้ลง Intermediate แต่เราเลือกลง Pre-intermediate ซึ่งมีความง่ายกว่า (ซึ่งก็คิดว่าเลือกถูกแล้ว) ข้อดีของการเรียนที่นี่คือสามารถเลือกวัน/เวลาเรียนเองได้ เข้าไปจองเองในเว็บสถาบัน (เราเลือกเรียนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์) และเนื้อหาการเรียนแต่ละครั้งจะกำหนดหัวข้อการสนทนาไว้ พอเรียนครั้งต่อไปก็เป็นหัวข้ออื่นแล้ว ส่วนข้อเสียคือ เลเวลนึงให้เวลาเรียน 3 เดือน สำหรับเราถือว่าให้เวลาน้อย สำหรับการเรียน 20 ครั้ง
เรื่องบรรยากาศการเรียน สาขาที่เราเรียน มีคนเรียนไม่เยอะ ประมาณ 5-6 คน และเพื่อนร่วมห้องก็ไม่ค่อยซ้ำหน้ากัน ครูที่สอนเป็นชาวต่างชาติเจ้าของภาษา ก็จะสอนเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่เรียนครั้งนั้น แล้วก็มีถามคำถามนักเรียนบ้าง มีสอนแกรมม่าบ้างแต่ไม่เน้น เน้นการฟังและพูด ครูก็พูดไป ซึ่งเราฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก หูเราไม่ค่อยคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่ง จึงเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะพูดโต้ตอบกับครูได้ เพราะขนาดฟังยังไม่ค่อยเข้าใจ แล้วจะให้พูดอะไรได้ แต่ 2 ครั้งแรกที่ไปเรียน เราพยายามจะพูดสื่อสารกับครู แต่เราก็พูดได้แค่เป็นคำๆ หรือประโยคสั้นๆ ไม่สามารถพูดได้ยาวๆ และหลายครั้งที่เราต้องขอให้ครูพูดซ้ำ เพราะฟังครั้งเดียวเราไม่เข้าใจ ส่วนผู้เรียนคนอื่นๆค่อนข้างเงียบ แต่ทักษะภาษาพวกเขาคงดีกว่าเรา เพราะเวลาครูถามคำถาม พวกเขาจะตอบกันได้ ส่วนเราตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ยิ่งตอนครูเปิดเทปบทสนทนาให้ฟัง เราฟังแทบไม่ทัน แต่พอเรียนครั้งต่อๆไป เราก็ไม่ค่อยพูดโต้ตอบครูแล้ว ยกเว้นตอนครูถาม เพราะความรู้สึกแอคทีฟมันลดลง
หลังจากเรียนไปได้ 4 ครั้ง ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกขี้เกียจเรียนแล้ว ทั้งขี้เกียจเดินทาง (เราเดินไปเรียนที่สถาบัน ใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที) และอาจเพราะรู้สึกเครียดจากการทำงานวันจันทร์-ศุกร์ด้วย ทำให้วันเสาร์-อาทิตย์ เราไม่อยากจะทำอะไรอีก แต่เราก็จะไปเรียนให้ครบคอร์ส แล้วไม่เรียนต่ออีก (มันแพง อยากเก็บเงินไว้ใช้ทำอย่างอื่นมากกว่า) ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าพอจบคอร์สแล้วเราจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นแค่ไหน แต่คิดว่าคงไม่ได้เก่งขึ้นมากนักหรอก เพราะปกติเราใช้แต่ภาษาไทย เวลาเจอบทความภาษาอังกฤษก็ใช้แต่กูเกิลทรานสเลท และเราก็แทบไม่เสพพวกสื่อต่างประเทศเลย มีเล่นเกมที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษด้วย แต่เราก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง (ส่วนใหญ่ไม่อ่าน กดข้าม)
เราคิดว่าสิ่งสำคัญของการเรียนอะไรก็ตามให้เกิดประโยชน์ คือต้องมีใจรัก ภาษาอังกฤษก็ด้วย ซึ่งเราคงมีใจรักไม่มากพอ จึงรู้สึกเบื่อง่ายและไม่ค่อยขวนขวายเพิ่มเอง และภาษาเป็นเรื่องของทักษะ จะเก่งได้ต้องอาศัยการใช้งานจริง ซึ่งเราก็ไม่มีตรงนี้อีก ส่วนเรื่องความรู้สึกอยากเปลี่ยนงานของเรา ตอนนี้มันก็น้อยลงไปแล้ว เพราะงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ค่อนข้างมั่นคงแล้ว ถึงจะมีปัญหานู่นนี่นั่น แต่ไม่ได้แปลว่าถ้าเราเปลี่ยนงานแล้วจะไม่มีปัญหาเดิมๆอีก อายุเราก็ค่อนข้างเยอะแล้ว จะเปลี่ยนงานมันก็ค่อนข้างเสี่ยง โอกาสที่จะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ค่อนข้างริบหรี่ คิดว่าคงไม่ได้ไปหรอก ต้องใช้เงินมาก เราไม่ได้ร่ำรวย และถ้าได้ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตกับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมและภาษาไหวหรือเปล่า อยู่ประเทศไทยก็ไม่ได้ลำบากอะไร
แต่เราจะไม่บอกหรอกว่าเรียนที่ British Council ดีหรือไม่ดี เพราะถ้าที่นี่ยังไม่ดีอีก เราก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีที่ไหนดีกว่า ใครอยากลองเรียน เราก็แนะนำให้ลอง แต่อยากบอกว่าเรียนแค่ในห้องเรียนไม่พอหรอก ต้องขยันแสวงหาเองนอกห้องเรียนด้วย จริงๆต้องขวนขวายเองเยอะเลย ซึ่งในคอร์สเรียนจะมีบทเรียนให้ทบทวนในเว็บไซต์อยู่แล้ว (มันก็คือบทเรียนที่ครูสอนในห้องนั่นแหละ) สำหรับคนที่มีความชอบความรักในภาษาอังกฤษคงไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ส่วนคนที่อยากเรียนเพราะมีเป้าหมาย ขอให้ยึดมั่นในเป้าหมายของตัวเองอย่างแรงกล้า อย่าเป็นแบบเราที่เดี๋ยวก็ไฟลุก เดี๋ยวก็ไฟมอด ขอจบการเล่าเพียงเท่านี้