พาชมน้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls) - June 2024

พาพันชอบสวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานแวะเอาทริปแคนาดาปี 2024 มาฝากค่ะ แต่คงจะตัดมาเป็นช่วงๆ นะคะ   พาพันชอบ

          ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปแคนาดาค่ะ จุดหมายหลักจะเป็น Lake Moraine แต่ไหนๆ ก็ไปแคนาดาแล้วเราก็ขอพ่วงน้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls) ด้วย เราเคยไปดูที่ฝั่งอเมริกา ถึงแม้น้ำตกจะอยู่ฝั่งอเมริกาแต่ฝั่งที่จะเห็นน้ำตกได้สวยกลับเป็นฝั่งแคนาดา(ตอนนั้นได้ยินว่าแบบนั้น) แต่ตอนนั้นเราไม่มีวีซ่าแคนาดาก็เลยได้แต่มองวิวทิวทัศน์ที่อยู่ในมุมจำกัดทางฝั่งอเมริกา ตอนนั้นเราก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของน้ำตกและก็คิดว่าสักวันจะต้องไปดูที่ฝั่งแคนาดาให้ได้ แล้วพอเราทำ Passport เล่มใหม่ที่มีอายุ 10 ปีได้ สิ่งแรกหลังจากได้ Passport มาคือไปทำวีซ่าแคนาดาไว้ เพราะวีซ่าแคนาดาจะให้เท่าอายุ Passport ที่เหลืออยู่ 
 
          เราพักใน Toronto หนึ่งคืน เดินชมเมือง Toronto หนึ่งวันก่อนที่จะนั่งรถบัสไปเมือง Niagara Falls ฝั่งแคนาดา ที่บอกแบบนี้เพราะฝั่งอเมริกาก็มีเมืองชื่อเดียวกันนี้ด้วยเหมือนกัน น้ำตกไนแองการ่ามีตำนานเล่าขานอยู่มากมาย รวมถึงหลายผู้คนที่ต้องการท้าทายธรรมชาติที่มาจบชีวิตที่น้ำตกนี้ มีหลายเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้  แต่ในมุมของความยิ่งใหญ่และความสวยงามเชื่อว่าแค่ลองมาเห็นด้วยตาก็สามารถพิสูจน์ด้วยตัวของมันเอง

          วันแรกที่เรามาถึงเราตั้งใจจะตรงดิ่งไปที่พัก แต่เพราะทางขึ้นที่พักอย่างไงก็ต้องเดินผ่านน้ำตกเราก็แอบเดินเฉียดไปขอชมความงามซักหน่อย โดยหารู้ไหมว่ากำลังจะโดนโรงแรมที่จองไว้เท หลังจากแก้ปัญหาโดยการ Walking และจองโรงแรมใกล้เคียง ทำให้รู้ว่า Agoda มีโควต้าห้องพักของตัวเอง เพราะทางโรงแรมแจ้งว่าห้องเต็มแล้ว แต่เราสามารถจองผ่าน Agoda ได้ สุดท้ายได้นอนที่ Marriott Niagara Fallsview เราเลือกห้องที่ถูกที่สุดเพราะเดี๋ยวอีกวันเราจองที่พักที่จะเห็นวิวน้ำตกไว้ คืนนี้นอนที่นี่แก้ปัญหาไปก่อน กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อบเราไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน เลยไปหามุมเพื่อดูพลุที่จะจุดทุกวัน (วันและเวลาต้องเข้าไปเช็คในเว็บไซต์ของแต่ละวัน) โรงแรมบอกว่าเราดูที่ดาดฟ้าโรงแรมก็ได้ แต่เค้าก็ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะจุดที่มุมไหนกลัวต้นไม้จะบัง ทางที่ดีไปที่น้ำตกดีกว่า สุดท้ายเดินไปที่กลางๆ ระหว่างน้ำตกอเมริกากับน้ำตกเกือกมา ได้ดูพลุแต่ไม่ใกล้มากและก็ไม่ได้อลังการเหมือนเทศกาลพลุนานาชาติขนาดนั้น 

           เนื่องจากเรายังปรับเวลาได้ไม่ดีนัก เราก็ตื่นตั้งแต่ยังไม่ตี 5 เปิดหน้าต่างดูฟ้า พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย แต่เริ่มเห็นแสงเรื่องๆ ที่ขอบฟ้าแล้ว พอตีห้าก็เปิดดูฟ้าอีกโอ้วแสงเริ่มส้มมากขึ้นที่ขอบฟ้า ที่นี้เด้งตัวอย่างไว ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่น้ำตกดีกว่า ใส่เสื้อผ้าหยิบอุปกรณ์ เสื้อคลุม กล้อง ขนมนิดหน่อยแล้วออกเดินทาง 

          พอเดินออกจากโรงแรมก็นึกขึ้นได้ว่ากระเช้ายังไม่เปิดนี่นา ต้องหาทางเดินลงไปที่น้ำตก ก็ตัดสินใจเดินไปทางซ้ายคิดว่ามันต้องมีทางเดินลงได้ซิเพราะเมื่อวานคนส่วนใหญ่เดินมาจากทางนั้น แต่ด้วยเวลานั้นไม่มีคนเลย มีแต่เราเดินดุยๆ รีบเดินเพราะกลัวทั้งคนและกลัวพระอาทิตย์จะขึ้นซะก่อน (แอบบ่นตัวเองว่า ตื่นตั้งนานมัวเอ้อละเหยอยู่ ที่นี้ละวิ่งหูตั้งเลย) สรุปว่าทางลงไม่ได้ใกล้อย่างที่คิด ต้องเดินไปไกลเกือบถึงน้ำตกอเมริกา (American Falls) แต่ยังโชคดีที่ไปถึงแล้วพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า เลยได้แสงส้มๆ ยามเช้ามาคุ้มค่าเหนื่อย


 
          หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว เราก็ค่อยๆ เดินเอื่อยเฉื่อยกลับไปยัง Horseshoes Falls (น้ำตกไนแองการ่าประกอบด้วย 3น้ำตก ได้แก่ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) น้ำตกอเมริกา (American Falls) และ น้ำตก Bridal Veil Falls) และระหว่างเดินไปก็เริ่มมีคนมาเดินถ่ายรูป พาน้องหมามาเดินออกกำลังกาย เราก็ค่อยๆ เดินเลาะน้ำตกกลับไปขึ้นกระเช้ากลับโรงแรม ยิ่งเดินเข้าใกล้น้ำตกเกือกม้ายิ่งมีละอองน้ำกระเด็นเข้ามา ทำให้เห็นถึงความทรงพลังของปริมาณน้ำที่ตกลงมาและทำให้เกิดละอองน้ำที่เหมือนควันลอยสูงอยู่ในอากาศ เค้าว่ากันว่าสามารถเห็นละอองน้ำในอากาศได้จากที่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร ความเร็วของน้ำตกลงไปประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีข้อมูลว่าน้ำตกขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ ด้วยความแรงของน้ำที่ไหลลงมา

          เราเดินผ่านจุดที่มีละอองน้ำแต่เปียกมะลอกมะแล่กเหมือนฝนตก สภาพเสื้อคลุมยูนิโคล่ที่คิดว่าสะท้อนน้ำ ตอนนี้แนบชิดเหมือนยอมแพ้สะท้อนน้ำไม่ไหวจริงๆ เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เพราะอย่างไงต้องรอเจ็ดโมงเช้าให้กระเช้าเปิดเลยได้หลายมุมมา รู้สึกแบบดีงาม เป็นการเริ่มต้นทริปได้ประทับใจ เมื่อเสียอะไรไปก็ต้องได้อะไรมาแทน เราเชื่อแบบนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่