รายงานความคืบอยู่กับที่ อังคาร ที่ 6 ส.ค. 2567 (แอ่วอีสานกลาง ขอนแจ่น อุดร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด (1)) 🤍

กระทู้สนทนา
ป้าแถวบ้าน มีเป้าหมายว่าจะไปเก็บจังหวัดทางภาคอีสาน แต่ก็พลาดไป ทั้งทุ่งดอกกระเจียว ชัยภูมิ และงานแห่เทียน อุบลฯ

ไปชัยภูมินี่ ป้าแกต่อรองราคากับหลายคนมาก แต่ไม่ได้จริง ๆ สักที เพราะงบน้อยนี่แหละ

ออกจากสนามบินเชียงใหม่ ไปสาย คิวยาวมาก นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ฉันฟังภาษาอังกฤษไม่ออกเลย จากนานาชาติ เลยรู้สึกอยากได้ภาษาอังกฤษในระดับที่ฟังฝรั่งด่ารู้เรื่อง ใช้ในสถานการณ์จริงได้

ไปถึงขอนแก่น จะประหยัดค่าแท็กซี เรียก GRAB ปรากฏว่าสุดท้ายก็ต้องใช้บริการแท็กซี ที่เขาเวียนมาอยู่ดี ตอนเดินลากกระเป๋าออกมาเพื่อหาจุดรับ GRAB มีคนขอนแก่น แวะรับ ชวนขึ้นรถ ฉันกับแม่เลยไปลงใกล้ ๆ มาถึงก็ประทับใจกับน้ำใจของชาวขอนแจ่นเลย ถ่ายรูปป้ายทะเบียนมาด้วย

ไปถึงที่พัก ก็นั่งรถไปเที่ยว ตลาดต้นตาล แต่มันเป็นวันพฤหัส เลยยังไม่มีการแสดงจัดเต็มมากนัก แล้วก็ไปบึงแก่นนครตอนหัวค่ำ

ไปอีสานคราวนี้ ฉันปักหมุด GRAB ผิดหลายครั้ง รบกวนคนขับมาก นอกจากสายตาไม่ดี แล้วยังลน และใช้ GRAB ไม่เป็น

กลับมานอน เช้าก็ขึ้นรถไปอุดร ผ่านสถานที่ในตำนานหลายอำเภอ เช่น ลำน้ำพอง ไหลนองรินหลั่ง หรือเขาสวนกวาง ไก่ย่าง ของอุดรนี่จำไม่ได้ว่าผ่านที่ไหนบ้าง ก็ไปพักใกล้ ๆ บขส. (และเซนทรัล ด้วย สะดวกมาก)

ถามเจ้าของโรงแรมถึงสถานที่เที่ยว ใกล้ ๆ หรืออยู่ในตัวอำเภอเมือง เจ้าของโรงแรมก็กางแผนที่ ชี้ แนะนำให้ เลยเลือกไปหนองประจักษ์ ไปถ่ายรูปกับเป็ดเหลืองก่อน และมีพิพิธภัณฑ์หลวงประจักษ์ศิลปาคม อยู่ติดกันด้วย

ไปถึง เห็นนกพิราบบินเป็นฝูง ฉันกับป้าแถวบ้าน เลยอยากได้รูปตอนนกบิน ฉันก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าไล่นก กลัวชาวบ้านแถวนั้นเขาจะมองว่ารังแกสัตว์ ส่วนป้าแถวบ้าน พยายามไล่เหีบนก แต่นกเชื่องมาก คุ้นเคยกับคนมาก ไม่ยอมบินเป็นฝูงสักที

จากนั้นก็เดินไปที่ ททท. ใกล้ ๆ เห็นป้ายว่าอุดรจะมีคล้าย ๆ อุทยานราชพฤกษ์ งานพืชสวนโลก ของจังหวัดอุดรเอง + หนองคาย + บึงกาฬ ป้าแถวบ้านแกอยากนั่งรถชมเมือง แต่ถาม 2 จุด เห็นเขาว่าเหลือแต่โครงแล้ว สมัยนี้ไม่มี

เดินไปใกล้ ๆ ก็เป็นศาลากลาง สถานที่ราชการ ศาลหลักเมือง และแนว ๆ ศาลเจ้าจีนขนาดย่อม เห็นเขาบอกว่าเป็นสถานที่จำลองของศาลปู่ย่า อีกที หาร้านสำหรับนั่งกินข้าว จากนั้นเรียก GRAB เพื่อจะไปยังพิพิธภัณฑ์

ปรากฏว่าพอไปถึง เป็นช่วงเวลาเขาพักเที่ยงพอดี เลยรอ ฉันก็ไปทะเลาะกับป้าแถวบ้านรุนแรง ตอนซื้อเสื้อที่ระลึก และตอนกำลังเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ เรียกว่าถ้าเปิดไพ่ทาโรต์ The Tower หัวตั้ง คงขึ้น

เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ ถึงความเป็นมา ความยิ่งใหญ่ของเมืองอุดร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ว่าเคยมีช่วงทศวรรษที่สูญหายด้วย เนื่องจากสหรัฐอเมริกาถอนฐานทัพ หรือกำเนิดเมืองอุดร มาจากกลุ่มชาวจีนอพยพ

ฉันเห็นหม้อบ้านเชียงขนาดใหญ่ อยู่ลิบ ๆ เลยถ่ายรูป จนป้าแถวบ้านสังเกตว่า มีสะพาน ก็ อ้าว! นี่มันหนองประจักษ์เมื่อตะกี้นี่นา เลยทั้งฮา ทั้งเสียเซลฟ์ เสียดายค่า GRAB เพราะลืมแวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์ก่อน

จากนั้นก็จะเรียก GRAB ไปศาลปู่ย่า ปรากฏว่าฉันปักหมุดผิด คนขับเลยไป จนโทรคุยกัน จนป้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพอเพียง ที่ฉันใช้เป็นแลนด์มาร์ค ต้องยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ช่วยโทรคุยกับคนขับ GRAB ให้

พอไปถึงศาล คนขับก็แนะนำหลายอย่างเลย รวมทั้งทางกลับไปยังที่พัก ว่าเดินลัด UD Town ได้ เลยแวะศาลปู่ย่า ก่อน จริง ๆ ก็คือศาลกงม่า แหละ พูดถึงวัฒนธรรมของคนจีน ความกตัญญู (24 กตัญญู) และลัทธิขงจื่อ ตระกูลแซ่ต่าง ๆ ที่พัฒนาอุดรขึ้นมา ทั้งจีนแคะ จีนแต้จิ๋ว (มีแซ่เธอด้วยนะ) ฉันกับแม่ก็เที่ยวอย่างคนงบน้อย ไม่ได้อุดหนุนอะไรเขามากนัก หยอดตู้บริจาคแทน นิด ๆ หน่อย ๆ

เดินข้ามทางรถไฟ ผ่าน UD Town แล้วก็เรียก 3 ล้อเครื่อง ไปส่งเซนทรัล เพื่อจองตั๋วรถไปร้อยเอ็ด พูดถึง 3 ล้อ เครื่อง ก็มีน้ำใจงามกันหลายจังหวัดเลย ฉันกับป้าแถวบ้านสังเกตว่า คนขับสามล้อ มักจะเป็นชายชรา ส่วนคนขับ GRAB มักจะเป็นหญิงวัยกลางคน

พอกลับถึงที่พัก ถึงได้ทราบข่าวร้ายจากในโทรทัศน์ ว่ามีเด็กผู้หญิงถูกรถไฟชน ที่อุดรพอดี ข้ามทางรถไฟที่ไม่เป็นทางการ ฉันเป็นสายมูเตลู ก็เอาแล้ว ฉันกับป้าแถวบ้านเป็นตัวซวยรึเปล่าเนี่ย มาถึงก็มีคนมาเสียชีวิตใกล้ ๆ และตอนอยู่ที่พัก ป้าแถวบ้านก็เล่าข่าวจากในมือถือให้ฟัง อย่างเช่น ข่าวเครื่องบินตกที่สมุทร... (จำไม่ได้) ฝ้าเพดานสนามบินเชียงใหม่ หล่นโดนนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ หรือนักร้องชรา ความทรงจำในวัยเยาว์ของฉัน ก็มาเสียชีวิตกัน 2 - 3 ท่าน (ไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์นะ)

UD Town นี่ ป้าแถวบ้านแกจดมา ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ฉันใช้ Google Maps เลยเกือบไม่ได้แวะเข้าไปเดินข้างในละ แต่ยี่ห้อ ราคา ฉันเลยบอกกับป้าแถวบ้านว่า ไม่ต้องแวะกินหรอก ค่อยมากินที่เชียงใหม่ (ประหยัดงบไว้ก่อน) ก็ซื้อจากร้านโลคอลไปกิน

ป้าแถวบ้านแกสรุปว่า ประทับใจเมืองอุดร แล้วให้ฟีลคล้ายเมืองน่าน คือสถานที่ท่องเที่ยว รวมกลุ่มกันอยู่ในเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ ป้าแกแอบอยากไปภูพระบาท เมืองมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี เหมือนกันนะ

พอวันรุ่งขึ้น จากอุดร ผ่านขอนแก่น มหาสารคาม ไปลงที่ร้อยเอ็ด ตอนจะข้ามถนน ก็ได้รับน้ำใจจากคนอุดรธานี จอดรถให้ฉันกับป้าแถวบ้านเดินข้ามถนน

จังหวัดมหาสารคาม ฉันไม่ได้แวะ แค่นั่งรถผ่าน ก็ตื่นเต้นกับลำน้ำชี ถ่ายรูป ผ่านมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ตื่นเต้นอีก ก็ถ่ายรูป (เห็นเขาเรียก ม.ใหม่ ก็ไม่ทราบว่าเป็นวิทยาเขตใหม่ หรือหมายถึง มข. เป็น ม.ภาค) ตอนผ่านมหาสารคาม เขาก็จัดแนว ๆ คูเมือง คูคลองส่งน้ำ ได้สวยงามมาก ไม่รู้ว่าจ้างใครให้ออกแบบ พวกเสาไฟ รูปปั้นพญานาค ฯลฯ และสารคามกับร้อยเอ็ด นี่ ร้านรวงของหมอ ของสายวิทย์สุขภาพ เยอะมาก อยู่ติด ๆๆๆ กันไป เรียกว่าเป็นเมืองหมอกันทั้ง 2 จังหวัด ไม่แปลกใจเลย ที่จังหวัดร้อยเอ็ดสอบติดแพทย์กันมาก

ถึงร้อยเอ็ด ก็หาที่พัก แล้วไปหอโหวด แต่ไม่ได้ไปถ่ายกับป้ายโรงเรียน ที่มีนักเรียนสอบติดแพทย์กันเยอะ ๆ นะ ตอนจะมาถึง บขส. ผ่านโรงเรียนที่ชื่อคล้าย ๆ ของกรุงเทพฯ แต่เป็นวิทยาเขตร้อยเอ็ด ใช่โรงเรียนเทพศิรินทร์ รึเปล่า ก็จำไม่ได้ละ ก็ไม่ได้ถ่ายรูป พอไปถึงหอโหวด ก็ไปหาอะไรกินใกล้ ๆ ก่อน ได้พวกข้าวจี่ แล้วก็ไปกินร้านก๋วยเตี๋ยวจังโก้ เป็นน้ำใสแบบที่ฉันชอบ น้ำซุปไม่หวานมาก

จากนั้นขึ้นหอโหวดไปถ่ายรูป กับแวะซื้อของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เสื้อมาอีกผืน ป้าแถวบ้านซื้อให้ กับเขาแถมพวงกุญแจโหวดน้อย มาให้อันนึง ป้าแถวบ้านจะขอ 2 อัน บอกมีหลาน แต่เขาไม่ให้ 55

หอโหวด รู้สึกจะเจอกรุป ทัวร์ จากชาวจังหวัดสมุทร... (จำไม่ได้) กันด้วยแหละ เขาก็เลือกเที่ยวจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แวะเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด เที่ยวหอโหวดกัน

ลงมา ก็แวะถ่ายรูปกับป้าย บึงพลาญชัย ไว้สาปูชนียสถาน ปูชนียบุคคล แถว ๆ นั้น หน่อยนึง จากนั้นกลับไปซื้อของกินที่ตลาด รู้สึกจะชื่อตลาดทุ่งเจริญ นะ ถ้าจำไม่ผิด ของกินเยอะแยะ หลากหลายมาก ฉันกับป้าแถวบ้านว้าวมาก ได้หม่ำมาด้วย เรียกว่า ได้กินหม่ำครั้งแรกในชีวิต ก็ที่จังหวัดร้อยเอ็ด นี่แหละ

ตอนเช้าก็นั่งรถไปขอนแก่น ลุงคนขับ 3 ล้อเครื่อง ป้าแถวบ้านบอกเขาว่า ข้าวเหนียวเปล่า ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่ได้กิน ลุงจะเอามั้ย เขาก็รับ ตอนมาส่งถึงท่ารถ บขส. เขาก็ลดค่ารถให้ 5 บาท ก็ประทับใจกันไป

พอไปถึงขอนแก่น จะไปพักที่เดิม แถวโรง'บาลศรีฯ ปรากฏว่าคนเต็มเลย ที่พักเกือบเต็ม เห็นว่าเด็ก ๆ มาสอบโควต้า มข. กัน จริง ๆ เห็นเด็กแต่งชุดนักเรียนกัน ทั้ง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เลย ทุกจังหวัดที่ไป ไม่รู้เขามีสอบอะไรกันบ้าง มีคนบอก แต่ฟังไม่ทัน

เลยไปเที่ยววัดหนองแวง พระอารามหลวง ก่อน อ้อ! พูดถึงหอโหวด ภาพมุมสูงของเมืองร้อยเอ็ด เหมือนจะเป็นแอ่งลงมา วิวจะเห็นถนนรอบ ๆ มีลักษณะเป็นเนินเฉียงขึ้นไป ที่วัดหนองแวง ป้าแถวบ้านแกเป็นครูเก่า ที่ดุมาก ก็ไปทำเด็ก ๆ ตกใจ และรู้สึกกลัว 55

ก่อนขึ้นไปชมวิวเมืองขอนแจ่น วิวบึงแก่นนคร ก็ไปซื้อไอติม ฝากกระเป๋าไว้กับร้าน และได้ถ่ายรูปกับดอกกระเจียวของจริง สมใจ ก็ที่วัดนี่แหละ จากนั้นก็แวะกินก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านหัวลำโพง แล้วก็ไปหาที่พักใกล้ ๆ ตอนจะเดินไปหาที่พัก มีคนขอนแก่น เขาจอดรถถาม จะช่วยไปส่งด้วย เห็นคนแก่ลากกระเป๋ากัน 2 คน แม่ลูก กระมัง 55 ก็เลยประทับใจในน้ำจิตน้ำใจของเขาอีกแหละ

หลังจากถึงที่พักแล้ว ก็นั่ง 3 ล้อเครื่อง ไปยังงาน อีสาน แฟร์ เหลือวันสุดท้าย เพราะความไม่ได้เสิร์ชถึงสถานที่ก่อน ปรากฏว่าต้องย้อนกลับไปยัง มข. อีกรอบ เขาจัดที่หอประชุมกาญจนาภิเษก (สถานที่ใช้ทำพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร?) ก็ให้ฟีลคล้าย ๆ งาน Expo ที่ศูนย์จัดแสดงสินค้า ของเชียงใหม่ แล้วเห็นบางเจ้า ก็บอกว่ามาจากเชียงใหม่ ลำปาง อะไรด้วย

มีบุค แฟร์ ด้วย เห็นแล้วอยากได้หลายเล่ม หนังสือเก่า มือสอง แค่ประมาณ 20 บาท เอง ป้าแถวบ้านแกอยากได้พวกเสื้อผ้า หรือซื้อให้ฉัน ก็ได้กางเกงขาสั้นมาตัวนึง ป้าแกบอกว่า มันเบากว่ายีนส์ เวลาไปเที่ยวไหนจะได้สะดวก เห็นหลายคนเขาใส่กัน (อันนั้นเขาเรียก ขา 3 ส่วน กระมัง)

หลังจากกลับที่พัก ฉันก็ไม่ได้ออกไปไหน นอนดูทีวีอย่างเดียว ป้าแถวบ้านแกอยากไปเดินเลียบบึงแก่นนคร ก็บอกว่าอย่าเพิ่งรีบอาบน้ำ พอตอนเย็นจริง ๆ ปรากฏว่าป้าแถวบ้านแกหลับเพลินไปหน่อย หลับ ๆ ตื่น ๆ เลยไม่ได้ออกไป ก็ดูพวกกีฬาโอลิมปิค วอลเลย์ อะไรไป ตอนเช้า ป้าแถวบ้านแกก็ได้ไปเดิน แล้วซื้ออาหารเช้ามาด้วย ตอนกลับก็ประทับใจกับที่พักมาก แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม แล้วไปสนามบิน

ไปถึง ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก ก็รอไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นคนมารอรับการเช็คอิน ปรากฏว่าป้าแถวบ้านเลยไปถามคนที่เขากำลังทำอยู่ที่ตู้เช็คอินอัตโนมัติก่อน เลยได้ตั๋วเช็คอินมา

ตอนรอข้างนอก ฉันก็แอบเหล่ผู้ชายไปเรื่อยเปื่อย หล่อมาก แต่มากะภรรเมียบ้าง อะไรทำนองนิ แต่ให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่คนนึง (ทริปนี้ปิ๊งประมาณ 3 - 6 คนได้ แต่ pay attention จริง ๆ มี 2 - 3 คน)

พอได้ตั๋ว แล้วเข้าไปได้แล้ว ฉันกับป้าแถวบ้าน ก็ไปนั่งรอผิด Gate เพราะฉันไปอ่าน Zone เป็น Gate แล้วป้าแถวบ้านเอะใจ เอาตั๋วมาดูอีกรอบ พอรู้ว่านั่งผิด ก็รีบย้ายกระเป๋า แล้วเดินผ่านผู้ชายที่ฉันแอบปิ๊งในตอนแรกไง เห็นเขาหัวเราะด้วยอะ ฉันจากที่อายอยู่แล้ว ก็แทบจะแทรกสนามบินหนี 55

ก่อนบินกลับ ก็ซื้อแหนมเนือง ยี่ห้อที่คิดว่าโลคอล (แต่ก็ได้รับคัดเลือก ให้มาอยู่ในสนามบิน) เอามากินเป็นมื้อเย็นกันด้วย ก็สบายใจ ได้อุดหนุนยี่ห้อท้องถิ่น

ตอนกลับ ขึ้นแอร์ เอเชีย เหมือนเดิม แล้วสจวต คือหล่อ สเป็กฉันมว้าาาากกก ตอนเขาสาธิตการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต ฉันก็ทำเป็นมองการสาธิต แต่จริง ๆ คือแอบแทะโลมด้วยสายตา

ก็จบการเดินทางท่องเที่ยวในรอบนี้ ประมาณนี้แหละ ถ้านึกอะไรได้ จะมีต่อในกระทู้ถัด ๆ ไป นะ

หากไม่ได้เอ่ยถึงท่านใดไป แล้วมาอ่านเจอ ก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอบพระคุณมาก ๆ สำหรับน้ำจิตน้ำใจ จากชาวอีสาน และชาวต่างจังหวัด ที่เข้าไปอยู่แถวนั้น และมีดวงให้ได้ประสบพบเจอกัน ขอบพระคุณทุกมือที่หยิบยื่นความช่วยเหลือ ให้แก่เดี๊ยนและแม่ ในตลอดทริปเที่ยวอีสานกลาง ในคราวนี้ _/|\_

ส่วนเธอ ฉันงี้เกร็งเหมือนกันนะ เวลาเจอคน ฉันระแวงว่าน่าจะมีคนที่เขารู้ว่าฉันกำลังคบกับเธออยู่ไง ทุกคำพูด การกระทำ ของฉันกับป้าแถวบ้าน เหมือนกำลังแบกหน้าตา แบกภาพลักษณ์ แบกเครดิตของเธอเอาไว้ด้วย ถ้าฉันทำเสียหายไป ก็ขออภัยนะ 55

ป.ล. วันนี้งานไม่เดินเลย คืบอยู่กับที่ กระดึ๊บ ๆ ฝันดีนาาา

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่