JJNY : 5in1 อยากได้เงินสด│ก้าวไกลคึกคัก│สถานทูตเชิญ‘พิธา’ไปเอง│‘ณัฐชา’สวน‘ธรรมนัส’│นักเปียโนต่อต้านสงครามตายในเรือนจำ

เสียงพ่อค้า-แม่ค้าตลาดสด เมินร่วมดิจิทัล 1 หมื่น เผยอยากได้เงินสดหวั่นหมุนไม่ทัน
https://www.matichon.co.th/region/news_4721700

เสียงสะท้อน พ่อค้า-แม่ค้า ขอนแก่น ส่วนใหญ่ไม่อยากลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเพราะหลักเกณฑ์การใช้ไม่ครอบคลุมร้านขนาดเล็ก หวั่นข้อมูลหลุดไปถึงแก๊งคอลเซนเตอร์

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม จากการสำรวจความคิดเห็นของพ่อค้าแม่ค้าในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หากรัฐบาลเปิดรับลงทะเบียนร้านค้าภายใต้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากขณะนี้ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐแล้ว โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งจากการสอบถามพบว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ไม่อยากลงทะเบียนเพราะเป็นร้านขนาดเล็กมองว่าไม่ได้ช่วยอะไรในระดับรากหญ้า และยังมีความกังวลเรื่องข้อมูลจะหลุดไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์อีกด้วย 

นายประยูร ลุนพุฒ อายุ 54 ปี พ่อค้าตลาดบางลำภู กล่าวว่า ที่ร้านยืนยันไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพราะว่าอยากขายเป็นเงินสดมากกว่าเพื่อที่จะนำเงินที่ขายได้มาหมุนเวียนซื้อของสดได้ในวันต่อไป อีกทั้งร้านไม่ได้จดทะเบียนการค้า หรือลงทะเบียนใดๆกับภาครัฐ จึงคาดว่าขั้นตอนและการดำเนินงานน่าจะยุ่งยากมาก

จริงๆ ก็ไม่ได้อยากลงทะเบียนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะกลัวว่าจะโดนภาษีย้อนหลังเหมือนโครงการที่ผ่านๆ มา เพราะร้านค้าที่เข้าโครงการรอบที่แล้วก็โดนภาษีไปเยอะ และอีกอย่างที่นี่เป็นตลาดสดพ่อค้าแม่ค้าต้องการเงินสดมากกว่าใช้ทีละ 20-30 บาท ไม่รู้จะลงไปทำไม และรัฐบาลจะจ่ายคืนให้ก็ต้องรอถึง 6 เดือน ร้านจะเอาเงินที่ไหนมาหมุน เพราะถ้าระหว่างนั้นถ้ารับเป็นเงินสดจะมีเงินหมุนทุกวัน จึงมองว่าโครงการนี้ไม่ได้ช่วยกระตุ้นในระดับล่าง เพราะพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องใช้เงินสดต่อยอดมาขายของมากกว่า

ขณะที่ น.ส.อารยานี เนียมประดิษฐ์ นักธุรกิจชาวขอนแก่น กล่าวว่า จากการพูดคุยและสอบถามพ่อค้าแม่ค้า ล้วนบอกว่ารายละเอียดโครงการต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน จะได้เงินแบบไหนก็ไม่เห็นบอกไว้ ขณะที่คนลงทะเบียนใช้สิทธิเองก็ยังงงกันอยู่เลยว่าเมื่อไรจะได้ใช้เงินกันแน่ เพราะเลื่อนตลอดเวลา ทั้งยังคลุมเครือว่าจะใช้แบบไหน ใช้กับใครได้บ้างในส่วนของข้อห้ามและคนที่จะไม่ได้รับกลับระบุไว้ชัดเจน

มุมพ่อค้า แม่ค้า ซึ่งมีความกังวลและกำลังเป็นกระแสข้อมูลต่างๆที่ลงทะเบียนกันเยอะกลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหลไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์เพราะรัฐบาลเองก็ยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้เลยจะให้ชาวบ้านไว้ใจได้อย่างไร เพราะข้อมูลชัดเจนเกินไปทำให้แก๊งเหล่านี้มีข้อมูลเราเยอะขึ้น ฝากรัฐบาลเรื่องนี้ด้วยเพราะยังไม่เห็นจัดการอะไรได้เลย ถึงตอนที่เปิดลงทะเบียนร้านค้าก็จะยังไม่กล้าลงทะเบียนเพราะยังรู้สึกไม่ปลอดภัย และที่พ่อค้าแม่ค้ากลัวอีกอย่างคือกลัวจะโดนภาษีย้อนหลังเหมือนโครงการที่ผ่านๆมา

น.ส.อารยานี กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวคิดว่าโครงการไม่ช่วยอะไรในทางธุรกิจแค่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ของประชาชน เพียงนิดๆหน่อยๆเหมือนหยดน้ำที่หล่นมาในผืนทรายและหายไป แต่ก็ประชาชนไม่มีทางเลือกคงต้องลงใช้งาน ในส่วนของตาสีตาสาให้มาทำออนไลน์ทำไม เพราะแค่หาอยู่หากินธรรมดาเค้าก็คงมองว่าเรื่องเหล่านี้ไม่น่าจำเป็น จึงมองว่าโครงการนี้ไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟางไปเท่านั้น”
 


ก้าวไกล คึกคัก เตรียมสถานที่รับมวลชน วันชี้ชะตายุบพรรค ขึ้นป้ายใหญ่ 'ก้าวไกลไปต่อ'
https://www.matichon.co.th/politics/news_4721693

“ก้าวไกล” คึกคัก เตรียมสถานที่รับมวลชนวันชี้ชะตายุบพรรค ขึ้นป้ายใหญ่ ย้ำชัด “ก้าวไกลไปต่อ” ด้าน “พิธา” โบกมือยิ้มสู้ก่อนขึ้นประชุมกับลูกพรรค
 
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลนัดประชุม ส.ส.พรรค ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคในวันพรุ่งนี้ ​(7 สิงหาคม) โดยบรรยากาศ ส.ส.พรรคต่างทยอยเดินทางมาร่วมประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่แกนนำคนสำคัญของพรรคก็ทยอยเดินทางเข้ามา เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค
 
ขณะที่นายพิธา ลิ้ม​เจริญ​รัตน์​ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษา​หัวหน้า​พรรค​ เดินทางมาถึงเวลา 14.20 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายสื่อมวลชน ก่อนที่จะขึ้นไปเป็นประธานการประชุม ส.ส.ในวันนี้
 
ส่วนเจ้าหน้าที่พรรคเริ่มเข้ามาจัดเตรียมสถานที่พร้อมรับมวลชนที่จะเดินทางมาฟังคำ วินิจฉัยยุบพรรคในวันพรุ่งนี้ และมีการติดป้ายที่มีข้อความ “ก้าวไกลไปต่อ” ขนาดใหญ่บริเวณหน้าที่ทำการพรรค
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้รับรายงานว่า มีสื่อมวลชนลงทะเบียนมาทำข่าวที่พรรคก้าวไกลมากกว่า 80 สำนัก 300 คน และพรรคได้แจ้ง ส.ส.ห้ามนำรถยนต์มาจอด ให้วนส่งเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้พื้นที่รับมวลชน



‘ไอติม’ เผย สถานทูตเชิญ ‘พิธา’ ไปเอง ไม่เกี่ยวเรื่องแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ชี้ ‘ภูมิธรรม’ พูดถูกเป็นเรื่องปกติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4721016

‘ไอติม’ เผย สถานทูตเชิญ ‘พิธา’ ไปเอง ไม่เกี่ยวเรื่องแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ชี้ ‘ภูมิธรรม’ พูดถูกเป็นเรื่องปกติ นักทูต-ฝ่ายการเมือง มีภาพกินข้าวพบปะกัน
 
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีภาพถ่ายร่วมกับทูตต่างประเทศ และมีข้อมูลว่าจะเชิญทูตจำนวน 18 ประเทศมาร่วมฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคนั้น ระบุว่า ขอชี้แจงคำว่า “ดึงทูต 18 ประเทศ” นั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า มี 3 ประเด็นที่ตนมองว่ารัฐบาล โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ไปที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ประการแรก ขอยืนยันว่า การพูดคุย การรับประทานอาหาร ระหว่างเอกอัครราชทูต ตัวแทนสถานทูต กับฝ่ายการเมือง รัฐบาล และฝ่ายค้าน เป็นเรื่องปกติ ส่วนของนายพิธา มีการเชิญจากสถานทูตไป
 
ประการที่สอง หากมองถึงการแสดงออกของตัวแทนสถานทูต ตนก็ยังไม่เห็นข้อความใดที่เข้าข่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเรื่องนี้ นายภูมิธรรมก็ได้แสดงความเห็นคล้ายกัน
 
ส่วนประเด็นสุดท้าย ตนเห็นว่ารัฐบาลก็น่าจะเห็นตรงกัน ว่าท้ายที่สุดโลกที่มีการเชื่อมโยงกันหลายประเทศ มุมมองที่ต่างชาติมองมายังประเทศไทย จะมีผลกระทบต่อการแสวงหาความร่วมมือ ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนระดับสากล และโอกาสของไทยที่จะมีโอกาสในเวทีโลก เช่น การเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ



‘ณัฐชา’สวน ‘ธรรมนัส’เอาอะไรมามั่นปราบ ‘คางดำ’อยู่หมัด
https://www.dailynews.co.th/news/3726745/

'ณัฐชา' สวน 'ธรรมนัส' เอาอะไรมามั่นปราบ 'คางดำ'อยู่หมัด เผยสถานการณ์จริงระบาดกว่าเดิม แนะประกาศให้ชัดจับต้นตอการระบาดมารับผิดชอบ เรียกความเชื่อมั่นประชาชน

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำว่า เอาอยู่สถานการณ์ดีขึ้นโดยเทียบกับกรณีตั๊กแตนปาทังก้าที่คนจับมาทำอาหารจนตอนนี้หลายพื้นที่ชาวบ้านเริ่มบ่นปลาหมอคางดำเริ่มหายากและขอเวลาจัดการหนึ่งเดือน 

โดยนายณัฐชา กล่าวว่า อย่าทำใจดีสู้เสือ เพราะเคยลงพื้นที่ด้วยกันย่อมรู้สถานการณ์ดี แต่เหตุที่แสดงท่าทีเช่นนี้เพราะต้องการเบี่ยงเบนอารมณ์สังคมที่ต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับต้นตอการระบาดครั้งนี้ใช่หรือไม่ สถานการณ์ดีขึ้นจริงหรือไม่ ตนคิดว่าให้เกษตรกรหรือชาวประมงเป็นคนพูดเองจะดีกว่า เพราะท่านเป็นรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ปราบปรามโดยตรง ย่อมไม่แปลกที่จะต้องเห็นอะไรดีขึ้นไปหมด เพียงแต่ท่านไม่รู้สึกเขินบ้างเลยเหรอเพราะสถานการณ์จริงที่พี่น้องประชาชนกำลังเผชิญมันไม่เหมือนกับที่ท่านพูดแน่ๆ ของจริงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ใครบอกหาไม่ได้จะพาไปชี้เป้า ส่วนบ่อกุ้ง บ่อปู ตอนนี้เจ๊งกันหมดแล้ว ข่าวลงทุกวันลงทุนไปหลายแสนจับขึ้นมาในบ่อมีแต่ปลาหมอคางดำ ถามหน่อยใครจะรับผิดชอบความเสียหายให้พวกเขา ตอนนี้มาตรการเยียวยาชัดเจนยังไม่มีแล้วบอกเอาอยู่ได้อย่างไร

ยิ่งท่านบอกขอเวลาหนึ่งเดือน ผมไม่เชื่อครับ เพราะให้เวลามาจะครบปีแล้ว เอาอะไรมามั่น ท่านไม่ต้องไปเทียบกับกรณีปาทังก้า มันคนละบริบทกัน ปลามันอยู่ในน้ำ มันซ่อนในโคลน อมไข่ไปด้วย ท่านมองไม่เห็น รอดไปหนึ่งตัวแพร่พันธุ์ร้อยตัว ตายสิบเกิดแสน ไม่ได้บินเป็นฝูงให้เห็นชัดเหมือนตั๊กแตน จับมาทอดกินหมดฝูงก็หมด ไม่ทันได้วางไข่ แต่นี่มันแพร่พันธุ์ได้ง่ายโดยไม่มีผู้ล่าและกระจายไปตามลำน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ตนจึงอยากขอร้องอย่าให้ข้อมูลแบบใจดีสู้เสือ เพราะถ้าท่านทำได้จริงคงเห็นผลงานตั้งแต่ตนตั้งกระทู้ถามในสภาเมื่อปีก่อนแล้ว ท่านรับคำขึงขัง ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แม้มีการขยับขับเคลื่อนจริง แต่ขนาดตอนนั้นสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเท่าตอนนี้ ปัญหาจำกัดแค่โซนลุ่มน้ำสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง ท่านยังคุมไม่ได้ ตอนนี้เท่าที่เห็นท่านก็ยังคงใช้วิธีการเดิมๆ ที่ไม่ได้ผลมาทำต่อ นอกจากงบที่มากขึ้น อย่างอื่นไม่เปลี่ยน โดยที่สถานการณ์การระบาดขยายตัวกระจายไปทั่วประเทศ วิธีเดิมแต่คาดหวังผลลัพธ์เปลี่ยน ตนไม่เชื่อ

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า หน้าที่ท่านที่ควรทำอย่างจริงจังและขะมักเขม้นในเวลานี้ คือประกาศความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าจะลากตัวต้นตอสาเหตุผู้กระทำความผิดทำลายระบบนิเวศของประเทศไทยและทำลายสิ่งแวดล้อมไปอย่างมหาศาลขนาดนี้มารับผิดชอบให้ได้ ต้องประกาศความมั่นใจไปเลยว่าจับตัวได้แน่ ยิ่งก่อนนี้ท่านตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริง ขีดเส้นไว้ 7 วัน ตอนนี้ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วเรื่องยังเงียบ คณะกรรมการหายจ้อย ทั้งที่มีข้อมูลบ่งชี้เต็มไปหมดว่ามีการนำเข้ามาโดยเอกชนเจ้าเดียว ดีเอ็นเอก็บ่งชี้ต้นตอเดียวกัน  ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้กระจ่างเพื่อหาต้นตอวิกฤติมารับผิดชอบไม่ได้ ก็ยากจะเชื่อว่าท่านจะรับมือเรื่องนี้ได้ การที่ท่านสื่อสารด้วยท่าทีที่บอกว่าเป็นสถานการณ์เล็กๆ รับมือได้ เหมือนท่าทีทั้งหมดของรัฐบาลชุดนี้ที่สื่อสารไปในทางเดียวกัน เป็นเพราะกำลังปกป้องหรือออกรับแทนใครหรือเอกชนรายใดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ช่วยทำความจริงให้กระจ่างตามที่เคยรับปากไว้ด้วย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่