JJNY : ส.ว.พันธุ์ใหม่-อิสระ แจงเหตุวอล์กเอาต์│‘ทนายอั๋น’ร้องกกต.สอยสว.│โอดขนส่งวิกฤต│มะกันเตรียมรับมือเฮอริเคน‘เด็บบี้’

ส.ว.พันธุ์ใหม่-อิสระ แจงเหตุวอล์กเอาต์ รับไม่ได้เป็นตรายางตั้งกมธ. อัดยับปธ. ไม่รอมชอมเลย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4719904
 
 
‘ส.ว.พันธุ์ใหม่-อิสระ’ แจงเหตุไม่ร่วมสังฆกรรม ตั้ง กมธ.สอบประวัติ อสส. ลั่น ไม่ขอเป็นตรายาง บี้ ปธ.ทบทวนท่าที หากยังฝืนทำอาจซ้ำรอยเผด็จการวุฒิสภา อ้าง แค่แสดงสันติวิธี พรุ่งนี้มาทำงานต่อ
 
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา แกนนำ ส.ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ และกลุ่มอิสระ ร่วมกันแถลงภายหลังวอล์กเอาต์จากห้องประชุมวุฒิสภา ระหว่างที่มีการลงคะแนนคัดเลืกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.)

โดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. กล่าวว่า การทำหน้าที่ในสภาของเราต้องหยุดชะงักเนื่องจากประธานในที่ประชุมและเสียงส่วนใหญ่ได้ดำเนินการทางสภาโดยใช้เสียงข้างมากลากไป ทำให้พวกเราซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยทักท้วงทุกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ไม่ลงมติแต่ให้ปรับรูปแบบเป็นการจับสลาก เพื่อให้ทุกสัดส่วนสามารถเข้าไปเป็นกรรมาธิการได้ หรือแม้กระทั่งขอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ แต่เสียงข้างมากก็ไม่ยอม ตนจึงเห็นว่าวิธีการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนที่ประธานจะไม่รอมชอมสมาชิก ปล่อยให้เสียงข้างมากทุบเอาๆ
 
จึงขอวอล์กเอาต์ไม่ร่วมสังฆกรรม เพื่อให้การประชุมวันนี้มีแค่คนที่เป็นเสียงฝ่ายเดียว ดำเนินการคัดเลือกบุคคลองค์กรยุติธรรม และทำให้ประชาชนได้รู้ว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น เป็นรอยด่างของวุฒิสภาชุดนี้ ซึ่งเราได้มีการทักท้วงไว้ แต่ผลการทักท้วงของเราก็ไม่สำเร็จ ตนจะไม่ยอมเป็นตรายางให้กับกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ และได้ขอให้ประธานในที่ประชุมทบทวน แต่ท่านไม่ทบทวน เราจึงมีอาวุธอย่างเดียวคือการไม่ร่วมสังฆกรรม หากจะเดินไปข้างหน้าก็ขอให้ท่านรับเองว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อ
 
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. กล่าวเสริมว่า โดยหลักการการตั้ง กมธ.ชุดนี้ขึ้นจำนวน 15 คน จะต้องมีการจัดสัดส่วนกันว่าตัวแทนของแต่ละกลุ่มจะมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ผลปรากฏว่า กลุ่มที่เขาแพคกันมาเป็นบ้านใหญ่ มีการเสนอทั้งหมด 15 ชื่อเต็มจำนวน โดยไม่แบ่งให้ ส.ว.กลุ่มอิสระ ถือว่าเป็นการรวบรัดตัดตอน มีการดำเนินการโดยไม่สนใจ ส.ว.เสียงข้างน้อย จึงรู้สึกว่านี่ไม่น่าจะเป็นไปตามกลไกระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นไปตามเสียงข้างมากลากไป
 
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. กล่าวว่า วันนี้ทุกคนได้ใช้ความพยายามอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด และพยายามที่จะเสนอทางเลือกให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพราะเห็นว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวุฒิสภา คือการเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ เราเคารพเสียงส่วนใหญ่แต่เสียงส่วนใหญ่ต้องไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ไม่ปิดกั้นโดยการเสนอเป็นแพคเกจมา สุดท้ายจะทำให้คนส่วนหนึ่งมีอำนาจที่จะออกแบบหรือได้มาซึ่งองค์กรอิสระแบบใดก็ได้ ในฐานะเสียงข้างน้อย สิ่งที่ทำได้มากที่สุด คือการไม่อยู่ร่วมในการคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะร่วมวง เพื่อรับรองมติที่ไม่เป็นธรรม
 
เมื่อถามว่า ส.ว.พันธุ์ใหม่ และ ส.ว.ภาคประชาชน ที่ร่วมกันวอล์กเอาต์รวมกันแล้วมีทั้งหมดกี่คน นางอังคณากล่าวว่า หากดูจากเสียงวันนี้น่าจะประมาณ 50 คน ซึ่งไม่ได้อยู่รวมในกลุ่มก้อนใหญ่

เมื่อถามว่า การพิจารณาวาระอื่นในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์คล้ายกับกรณีนี้อีก มองประเด็นนี้อย่างไรบ้าง น.ส.นันทนากล่าวว่า ในอนาคตน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่กลุ่มใหญ่ได้คิดว่าจะอยู่ร่วมกันแล้วจะใช้วิธีการรวบรัดเช่นนี้ ก็จะทำให้ประชาชนรู้สึกได้เลยว่าวุฒิสภาแห่งนี้จะกลับไปเป็นวุฒิสภาเหมือนเดิม จะใช้เสียงข้างมากและไม่สนใจเสียงของประชาชน ตนคิดว่าการแสดงออกเช่นนี้น่าจะทำให้กลุ่มใหญ่ตระหนักได้ว่า การกระทำของเขาจะไม่ถูกยอมรับจากกลุ่ม ส.ว.อิสระ
 
เมื่อถามว่า ในอนาคตข้างหน้าจะนำไปสู่เผด็จการวุฒิสภาหรือไม่ กลุ่ม ส.ว.ที่ร่วมกันลงมาแถลงข่าวกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า ”วันนี้ก็เป็นแล้ว“ และนางอังคณากล่าวต่อว่า ถ้าเขายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถที่จะกลับไปได้ และการวอล์กเอาต์ของเราในวันนี้ก็ต้องขอโทษประชาชนด้วย แต่ในเมื่อเราพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วและการที่เรานั่งอยู่ต่อไม่ได้เกิดประโยชน์ เราจึงใช้วิธีสันติวิธี เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานต่อ.



‘ทนายอั๋น’ร้องกกต.สอยสว.ถือหุ้นสื่อเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ ชี้หลักฐานเป็นหจก.จัดอีเวนต์เบิ้มๆ
https://www.dailynews.co.th/news/3723021/
 
"ทนายอั๋น" ร้อง กกต. สอย สว. ถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติเป็น สว. ชี้หลักฐานเป็น หจก.รับทำสื่อชัดเจน รับงานอีเวนต์ยะลาจัดเบิ้มๆ พร้อมเตรียมยื่นหลักฐานขอ กกต. ฟัน สว. ถือหุ้นสื่อ-นอมินี เชื่อหลุดแน่ แนะ กกต. ดูสารคดีคุก หลังเลือด สว. โกงมโหฬาร
 
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มที่ 16 (ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา) รายหนึ่งที่มีคะแนนลำดับต้นๆ กรณีการถือครองหุ้นสื่อสารมวลชน เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามการเป็น สว. หรือไม่ โดยภัทรพงศ์ กล่าวว่า สว. รายดังกล่าว มีชื่ออยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยเมื่อดูหนังสือบริคณห์สนธิที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ามีการระบุว่าประกอบกิจการสื่อโฆษณา จัดจำหน่ายภาพยนตร์ รวมถึงประกอบกิจการจำหน่ายและผลิตสื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ต่าง ตนจึงมาถาม กกต. ว่า จากหนังสือบริคณห์สนธิของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว คือการถือหุ้นสื่อและกิจการสื่อสารมวลชนใดๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 14 (3) และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 108 ข (1) หรือไม่

นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า สว.รายนี้ถือหุ้นใหญ่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว อีกทั้งเมื่อเดือน เม.ย. ยังได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐจังหวัดยะลาเพื่อจัดอีเวนต์ใหญ่ โดยมีวงเงินจำนวน 2-3 ล้านบาท โดยได้มีการประกาศในระเบียบของราชการ ซึ่งได้ประกาศเป็นการทั่วไปให้บริษัทสื่อสารมวลชนเข้ามาประมูล อยากถามว่า กกต. จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือไม่ เพราะห้างหุ้นส่วนจำกัดของ สว.รายดังกล่าว ประกอบกิจการสื่อชัดเจน เพียงแค่ กกต. ส่งหนังสือไปถามกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือส่งหนังสือไปถามจังหวัดยะลา อีกทั้ง กกต. ไม่จำเป็นต้องเรียก สว. รายดังกล่าวเข้ามาให้ถ้อยคำ เพราะข้อเท็จจริงชัดเจนอยู่แล้ว คุณมีหน้าที่เพียงแค่รวบรวมหลักฐานในการไต่สวน และส่งไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
 
การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่อุบาทว์ และทุจริตครั้งมโหฬารที่สุด ดังนั้นประธาน กกต. กกต.ทุกท่าน และเลขาธิการ กกต. เตรียมตัวไปดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ในคุกว่าเป็นอย่างไรบ้างก็ดี โดยให้ กกต. พิจารณาไม่เกิน 1 เดือนค่อยมาเจอกันใหม่” นายภัทรพงศ์ กล่าว

นายภัทรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ตนเตรียมยื่นให้ กกต. สอบคุณสมบัติ สว. ที่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่ 4-5 คน ในกลุ่ม 16 มีการถือหุ้นในลักษณะที่ผิดกฎหมายอาทิ เป็นนอมินี ซึ่งรวมไปถึง สว. ที่เคยเป็นอดีตคนขับรถให้กับบ้านใหญ่ โดยจะยื่นให้ตรวจสอบหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งมั่นใจว่าตนสามารถสอยได้ นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่าน ตนได้เข้าให้ข้อมูลต่อ กกต. ในคำร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสารของพนักงานสอบสวน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะส่งเรื่องเข้าสู่คณะทำงานไต่สวน ก่อนส่งเรื่องให้กับนายทะเบียนพรรคการเมือง และตนขอพูดโดยไม่มีอคติต่อ พญ.เกศกมล จะไปไม่รอด ต่อให้ กกต. ไม่ทำอะไร สว. ก็มีอำนาจในเรื่องจริยธรรม เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผมจะรอติดตามว่า กกต. จะอุ้ม 200 คน แต่คาดว่า กกต. จะค่อยๆ สอย บวกกับหน่วยงานตรวจสอบทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไม่น่าจะปล่อยผ่านในเรื่องนี้ 
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ สว. มีการแต่งตั้ง คณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ตนจะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ตรวจสอบเรื่องเขากระโดง เพื่อให้ทราบว่าใครเป็นสีน้ำเงิน หรือใครเกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อเขากระโดง งานนี้จะได้รู้กัน



สมาคมขนส่งอีสาน โอดขนส่งวิกฤต ถูกรถบรรทุกจีนแย่งงาน วอนรัฐบาลช่วย
https://www.matichon.co.th/region/news_4719404

สมาคมขนส่งอีสาน โอดขนส่งวิกฤต ถูกรถบรรทุกจีนแย่งงาน วอนรัฐบาลช่วย
 
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายวิชัย สว่างขจร นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ขนส่งสินค้าขณะนี้เป็นช่วงวิกฤตที่สุด ภาพรวมจำนวนสมาชิกประมาณ 700 ราย และมีรถบรรทุกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคัน แต่ขณะนี้รถร่วม 50% ต้องแจ้งขนส่งขอจอดทั้งแบบชั่วคราวและถาวร เพื่อให้ทะเบียนยังคงอยู่และในรอบปีถูกไฟแนนซ์ตามยึดรถ 2-3 พันคัน ผลกระทบมาจากหลายปัจจัย ประกอบด้วยราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น งานจ้างขนส่งลดลง
 
โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ปรากฏไทยเสียเปรียบมาก เนื่องจากผู้ประกอบการชาวจีนได้มาซื้อกิจการขนส่งที่ สปป.ลาว อย่างเต็มรูปแบบโดยผ่านบริษัทนอมินีและใช้กฎ กติกาของรัฐบาล สปป.ลาว ระบุข้อห้ามรถบรรทุกไทยส่งสินค้าได้แค่ด่านพรมแดนเท่านั้น ให้เราทิ้งหางพ่วงสินค้าไว้ รถบรรทุกจีนจะมาขนส่งกันเอง แต่รถบรรทุกจากต่างประเทศส่วนใหญ่ขนผลไม้ เหล็กเส้น ปุ๋ยและสินค้าอุปโภค บริโภคฯ สามารถแล่นเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้อย่างเสรีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก
 
ผลกระทบงานจ้างลดน้อยลงจึงเกิดการดัมพ์ราคาค่าขนส่งระหว่างผู้ประกอบการไทยด้วยกัน ทุนจีนมหาศาลรวมทั้งมีสินค้าเยอะ จึงมีอำนาจต่อรองกดราคาจนแทบไม่เหลือกำไร รถหากไม่วิ่งจอดนิ่งก็มีแต่รอโดนไฟแนนซ์ยึด ผู้ประกอบการไทยที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินต้องยอมรับงาน เพื่อหารายได้เลี้ยงลูกน้องและองค์กรรวมทั้งส่งค่างวดที่ขอปรับโครงสร้างหนี้ หลายรายส่งต้นส่งดอกมาเกินครึ่ง แต่ไม่มีงาน รถถูกตามยึดจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ฝากถึงรัฐบาลหันมาทบทวนสัญญาการค้าอาเซียนและให้ความสำคัญกับปัญหาต่างชาติเข้ามาเปิดคลังสินค้าแบบเต็มรูปแบบ ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการขนส่ง มิเช่นนั้นการขนส่งสินค้าซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงให้ทุกภาคส่วนของประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า จะทยอยล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่