ณ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี...เมื่อฝนมา...เมื่อฟ้าใส...กับนกทุ่ง นกนา นกน้ำ และนกอพยพ

เข้าสู่ต้นเดือนสิงหาคมแล้ว....นี่ก็น่าจะเป็นช่วงของการเข้าฤดูฝนแบบเต็มๆตัวกันเสียทีนะครับ....


สำหรับนักดูนกและช่างภาพนกทั้งหลาย ช่วงเวลาจากนี้ไปจนถึงราวเดือนตุลาคม เราคงต้องหาหมายตามท้องนาและริมชายทุ่งใกล้ๆบ้านไปดูนกและหานกถ่ายเล่นกันไปก่อน เพื่อรอนกอพยพทัพใหญ่จากทางเหนือกลับมาเยือนในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว (ของบ้านเค้า) แล้วค่อยกลับไปเข้าป่ากัน


สำหรับช่างภาพนกมือสมัครเล่นอย่างผม ท้องนาและชายทุ่งของ "ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี" ยังคงเป็นหมายดีที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดครับ

....วันนี้จะพาไปขับรถชมทุ่งชมนาและดูนกด้วยกันอีกสักที


สำหรับกระทู้นี้เป็นเรื่องราวและภาพถ่ายที่เก็บรวบรวมมาตั้งแต่เมื่อราวกลางเดือนมิถุนายนปีนี้เอง (พศ.2567)....ซึ่งวันนั้นก็เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ที่ขับรถเข้ามาดูนกที่นี่


....พอขับรถผ่านประตูของศูนย์วิจัยข้าวฯเข้าไปด้านใน ได้พบกับสิ่งก่อสร้างใหม่ๆที่ยังไม่เคยเห็นเมื่อครั้งที่มาคราวก่อน ยังสงสัยกับตัวเองเหมือนกันครับ ว่าเราห่างเหินจากหมายดูนกใกล้บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศแห่งนี้ไปนานขนาดไหนกันเนี่ย?


นอกจากสภาพด้านในของศูนย์วิจัยฯที่เปลี่ยนไปจากตัวอาคารบางแห่งที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ทุ่งนา ป่าธูปฤาษี หรือดงกกสามเหลี่ยมริมชายทุ่งที่เป็นหมายดูนกหลักๆเป็นประจำของเรา ยังคงมีสภาพอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำท่าเหมือนเดิม 


โดยหมายตามทุ่งนาจะเปลี่ยนไปตามวงรอบของการไถ หว่าน แล้วแต่จังหวะเวลาของการปลูกข้าวเพื่องานวิจัย


ถ้าเราขับรถวนไปวนมาตามแปลงนาต่างๆรอบศูนย์วิจัยข้าวฯในช่วงนี้ นกตัวหลักๆที่เรามีโอกาสพบก็คงเป็นบรรดานกน้ำและนกทุ่งต่างๆ เช่น นกปากห่าง, นกอีล้ำ, นกยางกรอกพันธุ์ชวา


นกหลายๆชนิดอย่างพวกนกโป่งวิดและนกตีนเทียนก็เริ่มจับคู่และทำรังกันแล้ว


บางชนิดเลี้ยงดูจนลูกโตแล้วก็มี


นกบางชนิดซึ่งเป็นนกต่างถิ่นที่หลุดมาจากกรงเลี้ยงเมื่อหลายปีที่ผ่านมาอย่างนกกระจอกชวาก็เริ่มขยับขยายพื้นที่อาศัย และสามารถปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ได้ในบ้านเรา ซึ่งในปัจจุบันนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามแปลงนาของศูนย์วิจัยข้าวแห่งนี้


พักหลังมานี่เห็นมีนักดูนกและช่างภาพนกเข้ามาที่นี่กันเยอะขึ้นกว่าหลายปีก่อนมาก 
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ในบางสัปดาห์เคยลองนับๆรถที่เข้ามาถ่ายนกดูเล่นๆ บางครั้งนับได้พร้อมๆกันเกิน 20-30 คันทีเดียวนะครับ


ถนนในศูนย์วิจัยฯส่วนใหญ่แล้วเป็นพื้นดิน ในช่วงฤดูฝนแบบนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังกันมากหน่อย เพราะบางจุดมีน้ำขังจนกลายเป็นโคลน และถนนบางจุดก็ชำรุดเป็นหลุมลึก ถ้ามัวแต่ขับรถมองแต่นกไม่มองทางก็มีสิทธิ์ลื่นไถลลงไปติดในหลุมเหล่านี้ได้นะครับ


ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนของปีนี้เป็นต้นมา ผมมักใช้เวลาในวันหยุดขับรถเข้าไปดูนกในศูนย์วิจัยข้าวแห่งนี้บ่อยครั้ง 
โดยช่วงเวลาที่เข้าไปก็มักจะเป็นช่วงเช้าตรู่ของวัน เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 6 โมงเช้าไปจนถึง 9 โมงเช้า พอแดดเริ่มร้อนก็กลับบ้านพักผ่อน....ถ้าวันไหนขยันหน่อยก็อาจจะมีการออกรอบในช่วงเย็นอีกรอบนึงในราวๆบ่าย 2 ไปจนกระทั่งหมดแสงของวัน


หรือถ้าวันไหนแดดไม่ร้อนมาก ช่วงบ่ายๆก็เอาไบลด์ไปกางนั่งเล่นรับลม....แต่ถ้าร้อนจัดๆก็ขึ้นรถเปิดแอร์เย็นๆขับวนไปวนมาหานกถ่ายไปรอบๆทุ่ง


จากที่ขับรถวนๆดูตามทุ่งนารอบศูนย์วิจัยข้าวฯช่วงนี้ เริ่มเห็นนกชายเลนอพยพหลายชนิดเดินทางมาแวะพักกันบ้างแล้ว
คาดว่าในเร็ววันข้างหน้านี้จะพากันมาอีกเยอะแยะ


สำหรับผมกับอารมณ์ของการเข้าไปถ่ายนกที่ศูนย์วิจัยข้าวฯ เดี๋ยวนี้มันเหมือนการเข้าไปพักผ่อนซะมากกว่าแล้วครับ
แค่ได้ขับรถออกไปเจอ ไปทักทาย พูดคุยสัพเพเหระกับพี่ๆเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์...


มีนกให้ถ่ายก็ถ่าย ไม่มีนกให้ถ่ายก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย...ตกเย็นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน...
แค่นี้ก็มีความสุขไปได้อีกวันละครับ


ฤดูฝนเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ผมคงมีโอกาสเข้าไปถ่ายนกที่นี่อีกหลายรอบแน่ๆ...แล้วจะหาภาพนกมาฝากอีกละกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่