เพื่อนในโลกออนไลน์มีนับร้อยพัน แต่คนข้างฉันจริงๆ กลับไม่มี! ปรากฏการณ์ ‘ไม่มีเพื่อน’ กำลังเป็นวิกฤตระดับโลกที่สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญ
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำ การสื่อสารและเชื่อมต่อถึงกันง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ใครจะคาดคิดว่ากลับมีผู้คนจำนวนมากทั่วโลก
ต้องเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้เพื่อน และขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ทั้งๆ ที่ในโลกออนไลน์ พวกเขาอาจมีเพื่อนหรือผู้ติดตามนับร้อยนับพัน แต่ในโลกความเป็นจริงกลับแทบไม่มีใครที่ไว้ใจพอจะเปิดใจคุยด้วย
ปรากฏการณ์ ‘ไม่มีเพื่อน’ ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ขยายวงกว้างในผู้คนแทบทุกเพศทุกวัย จนองค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า ความโดดเดี่ยวกำลังกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากที่สุดในศตวรรษที่ 21
จากการสำรวจของ YouGov ในปี 2019 พบสถิติน่าตกใจว่า 22% ของชาวอเมริกันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเพื่อนสนิท และ 27% รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง ในสหราชอาณาจักร สถานการณ์ก็ไม่ต่างกันมากนัก โดยมีรายงานว่า 1 ใน 5 ของชาวอังกฤษมักรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นประจำ
สะท้อนให้เห็นว่าความโดดเดี่ยวไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางประเทศ แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญ และจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้เพื่อนมีหลายประการ เช่น การใช้เวลาอยู่กับสื่อโซเชียลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริง การแข่งขันในสังคมที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงและสร้างมิตรภาพ รวมถึงการอพยพย้ายถิ่นฐานบ่อยครั้งจนขาดรากฐานทางสังคม
ผลกระทบของการขาดเพื่อนและความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจอย่างมาก งานวิจัยของ Holt-Lunstad และคณะ พบว่า ความโดดเดี่ยวเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 26% เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน และมากกว่าความเสี่ยงจากโรคอ้วน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นของ Hawkley และ Cacioppo ที่พบว่าความโดดเดี่ยวเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล รวมถึงการนอนไม่หลับ
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ หลายประเทศได้ออกนโยบายเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ในชุมชนและลดความโดดเดี่ยว เช่น รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงความโดดเดี่ยว (Minister of Loneliness) ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อหาทางเยียวยาปัญหานี้
การสร้างพื้นที่สาธารณะและจัดกิจกรรมในชุมชนก็เป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนได้พบปะและผูกมิตรกันมากขึ้น นอกจากนี้ สำหรับปัจเจกบุคคล การหาสิ่งที่สนใจร่วมกันผ่านงานอดิเรกหรือกิจกรรมอาสาก็เป็นวิธีที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้เจอเพื่อนใหม่ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ความโดดเดี่ยวและการไม่มีเพื่อนกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมยุคใหม่ เราจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของมิตรภาพและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น เพื่อสุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและใจ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสนใจและร่วมมือกันแก้ไข เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และมีความสุขอย่างแท้จริง
ที่มา : THE STANDARD WEALTH
โซเชียลแน่น แต่เหงาจริง! ‘ไม่มีเพื่อน’
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำ การสื่อสารและเชื่อมต่อถึงกันง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ใครจะคาดคิดว่ากลับมีผู้คนจำนวนมากทั่วโลกต้องเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้เพื่อน และขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ทั้งๆ ที่ในโลกออนไลน์ พวกเขาอาจมีเพื่อนหรือผู้ติดตามนับร้อยนับพัน แต่ในโลกความเป็นจริงกลับแทบไม่มีใครที่ไว้ใจพอจะเปิดใจคุยด้วย
ปรากฏการณ์ ‘ไม่มีเพื่อน’ ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ขยายวงกว้างในผู้คนแทบทุกเพศทุกวัย จนองค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า ความโดดเดี่ยวกำลังกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากที่สุดในศตวรรษที่ 21
สะท้อนให้เห็นว่าความโดดเดี่ยวไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางประเทศ แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญ และจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้เพื่อนมีหลายประการ เช่น การใช้เวลาอยู่กับสื่อโซเชียลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริง การแข่งขันในสังคมที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงและสร้างมิตรภาพ รวมถึงการอพยพย้ายถิ่นฐานบ่อยครั้งจนขาดรากฐานทางสังคม
ผลกระทบของการขาดเพื่อนและความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจอย่างมาก งานวิจัยของ Holt-Lunstad และคณะ พบว่า ความโดดเดี่ยวเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 26% เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน และมากกว่าความเสี่ยงจากโรคอ้วน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นของ Hawkley และ Cacioppo ที่พบว่าความโดดเดี่ยวเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล รวมถึงการนอนไม่หลับ
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ หลายประเทศได้ออกนโยบายเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ในชุมชนและลดความโดดเดี่ยว เช่น รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงความโดดเดี่ยว (Minister of Loneliness) ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อหาทางเยียวยาปัญหานี้
การสร้างพื้นที่สาธารณะและจัดกิจกรรมในชุมชนก็เป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนได้พบปะและผูกมิตรกันมากขึ้น นอกจากนี้ สำหรับปัจเจกบุคคล การหาสิ่งที่สนใจร่วมกันผ่านงานอดิเรกหรือกิจกรรมอาสาก็เป็นวิธีที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้เจอเพื่อนใหม่ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ความโดดเดี่ยวและการไม่มีเพื่อนกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมยุคใหม่ เราจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของมิตรภาพและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น เพื่อสุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและใจ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสนใจและร่วมมือกันแก้ไข เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และมีความสุขอย่างแท้จริง
ที่มา : THE STANDARD WEALTH