ความมุ่งหมาย: เนื่อหาในกระทู้นี้สำหรับเยาวชนมุสลิมและมุสลิมผู้ที่มีทัศนคติที่ดีในการหาความรู้ทางศาสนาอิสลาม
........................................................................................
การกระทำหรือพลังที่กระตุ้นความสนใจ, ความสุขหรือความชอบ ของผู้หนึ่งผู้ใดหรือสาธารณชนที่มีอยู่ในตัวบุคคลหรือสิ่งของ เราเรียกการกระทำหรือพลังนี้ว่า "กฏแห่งการดึงดูดใจ" (หรือ Law of attraction)
ในมุมมองของศาสนาอิสลาม
ภวังค์จิต (subconsciousness = concerning the part of the mind of which one is not fully aware but which influences one's actions and feelings)
ภวังค์จิต มีความสัมพันธ์กับกฏแห่งแรงดึงดูดใจ ปรัชญาที่ชี้ให้เห็นว่าความคิดเชิงบวกนำผลลัพธ์เชิงบวกมาสู่ชีวิตของบุคคลในขณะที่ความคิดเชิงลบนำผลลัพธ์เชิงลบมาสู่บุคคล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ความคิดเชิงบวกจะดึงดูดความสำเร็จและความสุขมากกว่าความคิดเชิงลบ
กฎแห่งแรงดึงดูดใจเป็นแนวคิดที่บอกว่าความคิดเชิงบวกจะนำผลลัพธ์เชิงบวกมาสู่ชีวิตของบุคคล ในขณะที่ความคิดเชิงลบจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงลบ ของบุคคล
กฎแห่งแรงดึงดูดใจนั้นตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่าความคิดเป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงาน และพลังงานเชิงบวกจะดึงดูดความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต รวมถึงสุขภาพ การเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล.
ในปัจจุบันกฏแห่งการดึงดูด เป็นที่สนใจในสังคมเพราะสื่อต่างๆให้ความสนใจในทฤษฎีนี้อย่างกว้างขวาง แต่มันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนสมมติฐานดังกล่าว ด้วยเหตุนี้โดยทั่วๆไปจึงกล่าวได้ว่ามันเป็นเพียงวิทยาศาสตร์เทียม
โดยทั่วๆไปศาสนาอิสลามสนับสนุนให้มุสลิมมีความคิดในทางบวกเสมอ และฝากความหว้งอย่างมากไว้กับพระมหากรุณาของพระเจ้า, และไม่สนับสนุนให้มุสลิมมีความคิดในแง่ลบ, มีฮาดีษ บทหนึ่งกล่าวไว้ว่า "จงเป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและนึกหวังแต่สิ่งดีๆแล้วคุณก็จะได้สิ่งที่คุณหวังไว้ تفاءلوا بالخير تجدوه." ศาสนาอิสลามสอนไว่ว่าการมีความหวังด้วยทัศนคติที่ดีจะเปิดประตูไปสู่ความสำเร็จ
กฏแห่งการดึงดูดจะต้องเกี่ยวโยงกับความคิดในทางบวกอันเนื่องมาจากความมีอยู่จริงของพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พระองต์ผู้ซึ่งทรงด้วยพระมหากรูณาและเมตตาอย่างสูงสุด จะไม่มีสิ่งใดดีๆเกิดขึ้น นอกจากมาจากพระเจ้าเท่านั้น มีฮาดีษอีกบทหนึ่งกล่าวว่า พระเจ้าจะทรงประทานแต่สิ้งที่ดี แก่ผู้ศรัทธาที่มีความนึกคิดแต่สิ่งที่ดี แต่ถ้าคุณคิดแต่ในสิ่งที่เลวก็จะได้แต่สิ่งที่เลว إن الله عند ظن عبده المؤمن، إن خيرا فخير ، وإن شرّا فشرّ
มุสลิมไม่จำเป็นที่จะต้องไปร้องขอความสำเร็จจากเจว็ดหรือผู้คนอื่นใดภายนอกศาสนาอิสลาม นอกจากพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น สิ่งที่ควรที่จะต้องทำคือศึกษาหาความรู้จากอัลกุรอาน แหล่งวิชาเพียงแหล่งเดียวที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลามและจากฮาดีษที่อยู่ภายในบริบทของอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดที่แท้จริงเท่านั้น
"ภวังค์จิต" และ "กฏแห่งความดึงดูดความสนใจ" ในศาสนาอิสลาม
........................................................................................
ในมุมมองของศาสนาอิสลาม ภวังค์จิต (subconsciousness = concerning the part of the mind of which one is not fully aware but which influences one's actions and feelings)
ภวังค์จิต มีความสัมพันธ์กับกฏแห่งแรงดึงดูดใจ ปรัชญาที่ชี้ให้เห็นว่าความคิดเชิงบวกนำผลลัพธ์เชิงบวกมาสู่ชีวิตของบุคคลในขณะที่ความคิดเชิงลบนำผลลัพธ์เชิงลบมาสู่บุคคล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ความคิดเชิงบวกจะดึงดูดความสำเร็จและความสุขมากกว่าความคิดเชิงลบ
กฎแห่งแรงดึงดูดใจเป็นแนวคิดที่บอกว่าความคิดเชิงบวกจะนำผลลัพธ์เชิงบวกมาสู่ชีวิตของบุคคล ในขณะที่ความคิดเชิงลบจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงลบ ของบุคคล กฎแห่งแรงดึงดูดใจนั้นตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่าความคิดเป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงาน และพลังงานเชิงบวกจะดึงดูดความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต รวมถึงสุขภาพ การเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล.
ในปัจจุบันกฏแห่งการดึงดูด เป็นที่สนใจในสังคมเพราะสื่อต่างๆให้ความสนใจในทฤษฎีนี้อย่างกว้างขวาง แต่มันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนสมมติฐานดังกล่าว ด้วยเหตุนี้โดยทั่วๆไปจึงกล่าวได้ว่ามันเป็นเพียงวิทยาศาสตร์เทียม
โดยทั่วๆไปศาสนาอิสลามสนับสนุนให้มุสลิมมีความคิดในทางบวกเสมอ และฝากความหว้งอย่างมากไว้กับพระมหากรุณาของพระเจ้า, และไม่สนับสนุนให้มุสลิมมีความคิดในแง่ลบ, มีฮาดีษ บทหนึ่งกล่าวไว้ว่า "จงเป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและนึกหวังแต่สิ่งดีๆแล้วคุณก็จะได้สิ่งที่คุณหวังไว้ تفاءلوا بالخير تجدوه." ศาสนาอิสลามสอนไว่ว่าการมีความหวังด้วยทัศนคติที่ดีจะเปิดประตูไปสู่ความสำเร็จ
กฏแห่งการดึงดูดจะต้องเกี่ยวโยงกับความคิดในทางบวกอันเนื่องมาจากความมีอยู่จริงของพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พระองต์ผู้ซึ่งทรงด้วยพระมหากรูณาและเมตตาอย่างสูงสุด จะไม่มีสิ่งใดดีๆเกิดขึ้น นอกจากมาจากพระเจ้าเท่านั้น มีฮาดีษอีกบทหนึ่งกล่าวว่า พระเจ้าจะทรงประทานแต่สิ้งที่ดี แก่ผู้ศรัทธาที่มีความนึกคิดแต่สิ่งที่ดี แต่ถ้าคุณคิดแต่ในสิ่งที่เลวก็จะได้แต่สิ่งที่เลว إن الله عند ظن عبده المؤمن، إن خيرا فخير ، وإن شرّا فشرّ
มุสลิมไม่จำเป็นที่จะต้องไปร้องขอความสำเร็จจากเจว็ดหรือผู้คนอื่นใดภายนอกศาสนาอิสลาม นอกจากพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น สิ่งที่ควรที่จะต้องทำคือศึกษาหาความรู้จากอัลกุรอาน แหล่งวิชาเพียงแหล่งเดียวที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลามและจากฮาดีษที่อยู่ภายในบริบทของอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดที่แท้จริงเท่านั้น