ทริปพักใจที่ไต้หวัน นั่งรถไฟรอบเกาะ 14 วัน 8 เมือง ตอนที่ 3 [ฮวาเหลียน-ไทเป]


หายไปนานเลย พักอยู่ที่นครเกาสง เมื่ออาร์ตที่น่าอยู่นานๆ จริงๆ 555+
เรากลับมาแล้ว กลับมาต่อตอนสุดท้าย ไปกันเลย!!!

Day9 [25 Oct 23]
วันนี้ เราต้องนั่งรถไฟ TRA จากเกาสงไปฮวาเหลียน ซึ่งเราได้นั่งฝั่งขวาติดทางเดิน และริมหน้าต่างก็มีผู้หญิงคนนึงนั่งอ่านหนังสืออยู่
ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบดูวิวเวลาเดินทางมากๆ โดยเฉพาะเมื่อที่ไม่เคยมา อย่างครั้งนี้จะได้นั่งรถไฟเรียบทะเลฝั่งไถตงด้วย
ก็อยากจะหยิบมือถือมาถ่ายตลอด แต่ติดคนด้านใน นั่งไปพักนึงจนวิวมันโดนใจ เลยตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย
แล้วคนข้างๆ คงเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวและอยากถ่ายรูป

เค้าก็เลยหลบให้และพูดว่า “ถ้าอยากถ่ายรูปตอนไหนบอกได้เลยนะ เดี๋ยวหลบให้"

และหลังจากนั้น ก็เริ่มมีบทสนทนากันมากขึ้น เริ่มด้วยการถามกันว่า
เป็นคนที่ไหน พอบอกว่าเป็นคนไทยเค้าก็บอกว่ากำลังจะไปเมืองไทยกับเพื่อนๆ เราเลยแนะนำที่กินให้ และก็ส่งโลเคชั่นให้เค้าบุ๊คไว้
เรามาเที่ยวกี่วัน จะไปไหนต่อ สรุปก็ไปลงฮวาเหลียนเหมือนกัน เค้าก็เลยแนะนำร้านอาหารเช้าให้เรา บอกว่ามาทีไรต้องไปกิน
แล้วเรามากี่วัน มาทำอะไร พอเราถามเค้ากลับ ก็รู้ว่าเค้าก็ทำงานแล้วเหมือนกัน มา Work and Travel พอฟังแล้วรู้สึกเท่จัง
จริงๆ ก็มีคุยกันมากกว่านี้แต่ก็ลืมไปหมดแล้ว นานเกิน  และพอถึงสถานีรถไฟ ก็ล่ำลากัน เค้ากับเพื่อนๆ ก็หันมาโบกมือให้ 



บรรยากาศระหว่างทาง วิวทะเล


บรรยากาศระหว่างทาง วิวภูเขา


หลังจากที่มาถึงเราก็เอาของไปเก็บและนั่งรถเมย์มาที่ Starbuck ที่ขึ้นชื่อในเมืองนี้ 


วิวภูเขาอีกแล้ว ชอบจัง


ท้องฟ้าแจ่มใสอยุ่ดีๆ ฝนตกซะงั้น ดีนะตกตอนมาเปลี่ยนรถที่ท่า


หลังจากฝนหยุด ก็นั่งรถมาตลาดกลางคืน Dongdamen Night Market คนก็เยอะนิดหน่อย เดินหาของกินอยู่นาน


สุดท้ายก็ได้กินร้านนี้ เพราะเห็นคนต่อคิวเยอะ น่าจะอร่อย 


ได้ของกินไม่นาน ฝนไม่เป็นใจ ตกอีกแล้ว ทั้งร่มและเสื้อกันฝนไม่มี ตลาดก็ไม่มีร่ม จบเลย เปียกปอน สภาพตอนมาถึงป้ายรถเมย์




Day10 [26 Oct 23] Happy Birthday to me ^_^
วันนี้เรามีแพลนไปเที่ยวที่ทาโระโกะ โดยทริปนี้เราซื้อ Joy Trip จาก KKDAY จะเป็นไงบ้างมาดูกัน

ตอนเช้าตามเวลานัดเราก็ออกมานั่งรอที่ร๊อบบี้โรงแรม และรถก็มารับ เราก็ตื่นเต้นมากว่าคนในทริปมีกี่คน เค้าจะเป็นอย่างไงบ้าง
พอขึ้นรถมา คนขับรถก็ทักทายสองสามประโยค และก็เงียบไปเพราะเค้าพูดได้แต่ภาษาจีน 555 ดีนะบางคำก็ฟังออก
เพื่อนร่วมทางมี 4 คน ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 3 มี 2 คนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ด้วยความที่เราก็ไม่ค่อยเก่ง บางทีก็รู้เรื่อง บางทีก็งง
แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ เค้าคุยกันแล้วกลัวเราไม่รู้เรื่อง พี่ผู้หญิงก็จะคอยแปลให้ฟัง ทุกคนเฟรนลี่มากๆ
ทั้ง 4 คนเป็นคนไต้หวัน บางคนก็มาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน 

มาถึงแล้ว แชะภาพไว้ซะหน่อย







เดินเล่นเหนื่อยๆ แวะมากินข้าวกลางวัน เป็นแบบบุฟเฟ่ มีแค่คนเดียวที่ซื้อแพ็กแบบเรา อีก 3 คนไปกินกันเอง
ที่ประทับใจอีกอย่างคือ พี่ผู้หญิงรู้ว่าเค้าจะไม่ได้อยู่กับเรา แล้วอีกคนพูด eng ไม่ค่อยได้ ก็บอกว่าว่าไปกับรถนะ
ถึงแล้วกินข้าวเสร็จให้เอาจานไปเก็บด้วยนะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน

เท่ากับในโต๊ะใหญ่ๆ นี้ มีเรากับพี่เค้านั่งกันแค่ 2 คน เค้าก็พยามคุยกับเรานะ ด้วย google translate
เค้ามีพี่ชายที่เมืองไทย แต่เค้ายังไม่เคยไปเลย เราก็คุยกันแบบเกรงใจไปมา 55 ตลกดี 


ช่วงบ่ายเรามาเดินเส้นทางเทรล Baiyang ซึ่งใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เพราะพี่แต่ละคนเดินไวมากๆ เดินแทบไม่ทัน
ถ้าใครจะไปน้ำตกในถ้ำนี้แนะนำพกเสื้อกันฝนนะคะ แล้วก็ถ้ามีไฟฉายจะดีมากเลย 

เพราะว่าในถ้ำมืดมาก ทางเดินเล็กๆ เลียบน้ำตก ด้านบนก็มีหินงอกหินย้อยพร้อมแทงหัวเราตลอดเวลา



และทีมเรามีไฟฉาย 1 คน ขาไปก็เดินนำหน้า คนข้างหลังก็ค่อยๆ เลาะกันไป พอไปถึงน้ำตกก็รู้สึกมันตื่นเต้น สวยงามมาก
ในรูปอาจดูธรรมดา แต่พอเราเห็นสิ่งนี้หลังจากผ่านความมืดไปมันดีมากนะ น้ำก็เย็นมากด้วย ชื่นใจสุดๆ
 
ส่วนขากลับก็เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างไปคือ เพื่อนในทีมหายไปคนนึง ด้วยความเราอยู่ข้างหลัง ต้องเดินย้อนกลับไปรับ ชอบความทีมเดียวกัน อิอิ


เอาจริงๆ บางสถานที่ทุกครั้งที่ไปสิ่งที่เห็นก็ต่างไปนะ โดยเฉพาะการดูด้วยตาก็ต่างกับภาพถ่ายมากๆ
สีน้ำสวย ท้องฟ้าสดใน ต้นไม้เขียวขจี ได้อยู่กับธรรมชาติมันดีมาก



และนี่คือโฉมหน้าผู้ร่วมทริปของเรา ดูสนิทกันอย่างกับรู้จักกันมานาน แต่ความจริง รู้จักกันเมื่อเช้า 

เป็นอีกวันที่ประทับใจมาก สนุกสุดๆ เหมือนเป็นเด็กไปเที่ยวที่มีผู้ใหญ่คอยดูแล ทั้งที่อายุเราก็เลข 3 อิอิ
หลังเที่ยวเสร็จรถตู้ก็จะกลับไปส่งเราที่โรงแรม เราก็ไปพักผ่อน ที่น่าเสียดายคือไม่ได้ไปดูทะเลฮวาเหลียนเลยทริปนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่