“พิธา”โดดเด่นกว่า “เศรษฐา” แต่ประชาชนชื่นชอบลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต
https://www.dailynews.co.th/news/3711337/
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจเรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2567”ชี้ “พิธา”โดดเด่นกว่า “เศรษฐา”แต่ประชาชนชื่นชอบการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ขณะคะแนนการแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาล ได้คะแนนต่ำสุด
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “
ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2567” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,318 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-30 กรกฎาคม 2567
พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกรกฎาคม 2567 เฉลี่ย 4.59 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ได้ 4.33 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.35 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน) ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.09 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน)
นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาท โดดเด่นประจำเดือน คือ
เศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 52.13 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 58.93 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ การเปิดให้ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ร้อยละ 46.42 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 55.09 สุดท้ายสิ่งที่กังวลเมื่อมีการเริ่มลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต คือ กังวลเรื่องระบบของแอป เช่น การใช้งาน ความปลอดภัย ระบบล่ม ร้อยละ 36.57
นางสาว
พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลการสำรวจคะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายน สะท้อนถึงการทำงานของรัฐบาลที่ดูดีขึ้นในสายตาประชาชน อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาความยากจนยังคงเป็นประเด็นที่ได้คะแนนต่ำสุด แม้จะมีคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน แสดงถึงความท้าทาย ที่รัฐบาลยังต้องเผชิญ ขณะที่ผลงานโดดเด่นของรัฐบาลคือความชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการเปิดให้ลงทะเบียน แต่ประชาชนยังกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสถียรของแอปพลิเคชัน รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นใจต่อไป ด้านฝ่ายค้านได้คะแนนสูงขึ้นจากการตามติดการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเรื่องปลาหมอคางดำที่กระทบกับชีวิตเกษตรกรเป็นวงกว้าง
“ศิริกัญญา” ปัดตอบ รับไม้ต่อนั่งหัวหน้าพรรค
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_755324/
“ศิริกัญญา” ปัดตอบ รับไม้ต่อนั่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป เตรียมแผนรับมือ 7 สิงหา แต่ยังเชื่อว่าก้าวไกลไม่โดนยุบ
นางสาว
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีกระแสข่าว ว่านำของพรรคก้าวไกล ไปติดต่อกับพรรคถิ่นกาขาว เพื่อเป็นแนวทางรองรับ หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ว่า
เราต้องมีการเตรียมการ แต่เรายังคิดว่า วันที่7สิงหาคมนี้ ยังมีความหวัง ว่าคำตัดสินจะเป็นคุณกับพรรคก้าวไกล และไม่ทำให้พรรคถูกยุบ อย่างไรก็ตามอาจจะมีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ไม่ใช่คุยแค่พรรคเดียวอาจจะคุยหลายพรรคก็ได้
ส่วนกรณีที่มีชื่อนางสาว
ศิริกัญญา เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นางสาว
ศิริกัญญา กล่าวว่า รายชื่อที่ออกมายังไม่มีความแน่นอน หากวันนี้มีใครไปถามสส.หรือสมาชิกพรรคเราก็แสดงความพร้อมเต็มที่ หากต้องมารับบทบาทหน้าที่ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แบบที่เราไม่อยากให้เป็น ขอให้สื่อมวลชน รอวันที่7สิงหาคมนี้ย้ำว่าเรายังมีความหวังพรรคจะไม่ถูกยุบ
เมื่อถามย้ำว่า หากคนในพรรคสนับสนุนก็พร้อมที่จะถือธงนำคนต่อไปใช่หรือไม่ นางสาว
ศิริกัญญา กล่าวว่า ขอให้รอหลังวันที่ 7 สิงหาคม
กลุ่มผู้ค้ารายย่อยเมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต บอกยุ่งยากเกินไป ชี้สุดท้ายคนได้ประโยชน์คือผู้ค้ารายใหญ่
https://www.matichon.co.th/region/news_4714201
กลุ่มผู้ค้ารายย่อยเมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต บอกยุ่งยากเกินไป ชี้สุดท้ายคนได้ประโยชน์คือผู้ค้ารายใหญ่ ชี้รบ.แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ทำประเทศชาติมีภาระหนี้ผูกพัน
ภายหลังจากที่รัฐบาลเปิดลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า มีกลุ่มชาวบ้านรากหญ้าพ่อค้าแม่ขายต่างพากันบ่นยับผ่านเสียงสะท้อนไปถึงรัฐบาล ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งความยุ่งยากการติดตั้งแอพพ์ การนำเงินไปใช้ยังไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือชาวบ้านได้ใช้หมุนเวียนใช้จ่ายลดภาระค่าครองชีพได้ โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ที่มีอาชีพค้าขายไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายซื้อสิ่งของตามตลาดร้านค้าชุมชนเล็กๆ มาขายต่อยอดประกอบอาชีพได้ รวมทั้งลดภาระค่าใช้ใช้จ่ายในครอบครัวทั้งค่าน้ำ ค้าไฟได้ และจะกลายเป็นการอัดเงินเพื่อลงมาช่วยกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ได้มากกว่าที่จะถึงมือชาวบ้านในกลุ่มต่างๆที่มีในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง และอยากให้รัฐบาลรีบทบทวนถ้าจะให้ควรเป็นเงินสดให้ลงมาโดยตรงเลยจะดีกว่า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ จ.ชัยภูมิ บรรยากาศต่อความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ต่อการแจกเงินติจิทัล 10,000 บาท มีชาวบ้าน กลุ่มชาวรากหญ้าในย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ ออกมาให้ความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อประชาชนในการการลงทะเบียนรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในครั้งนี้ต่างก็ได้พบกับกลุ่มพ่อค้า แม่ขาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มวัยกลางคน-ผู้สูงอายุ ต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องการสมัครเข้าโครงการรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท กันไปทั่วย่านตลาดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ
โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน และอยากสะท้อนฝากไปถึงรัฐบาลในครั้งนี้ด้วยว่า ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งเรื่องความยุ่งยากในการสมัคร ตั้งแต่ใช้โทรศัพท์ที่มีราคาสูงและลทะเบียนยาก เพราะส่วนมากพ่อค้าแม่ค้าที่นี่มีแต่ผู้สูงอายุทำไม่เป็น และโทรศัพท์ก็เป็นรุ่นเก่าไม่รองรับระบบ แอพพลิเคชั่นที่เป็นรุ่นใหม่ จึงไม่สามารถสมัครได้ รวมทั้งอีกหลายคนต่างบอกว่า กว่าจะสมัครผ่านได้ยุ่งยากมาก ซึ่งได้แต่หวังว่าจะได้เงิน 10,000 บาท มาถึงมือประชาชนจริงๆ ไม่ถูกเบี้ยวหายไปอีกหลังรอมานานเกือบปีแล้ว ซึ่งบางคนคิดว่ารอมานานเกินไปไม่มั่นใจเลย จนปัจจุบันแทบไม่อยากได้แล้ว เพราะก็ยังไม่รู้ว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่
นาย
ชัยวัฒน์ พรมเมืองเก่า พ่อค้าหมูปิ้งในตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ บอกว่า โครงการนี้ดีไหม ตอนแรกก็ว่าดี แต่ตนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะหาเงินมาให้แก่พี่น้องประชาชนได้แล้วในขณะนี้ รวมทั้งในส่วนรูปแบบการสมัครนั้นค่อนข้างยากมาก เพราะพ่อค้าแม่ค้าแถวนี้ส่วนมากจะเป็นคนสูงอายุโทรศัพท์ก็ไม่ทันสมัยยังไม่สามารถรองรับเข้าไปสมัครแอพพ์ในโครงการนี้ได้ และจะให้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ก็ไม่ไหวมีภาระรายจ่าย อีก รวมทั้งที่จะให้คนที่ไม่มีโทรศัพท์ก็ต้องใช้บัตรประชาชนไปลงทะเบียน ก็คงไม่รอแล้ว ในครั้งนี้ก็ตัดสินใจจะไม่สมัครโครงการนี้แล้ว เพราะทั้งเรื่องเงินที่จะนำมาใช้จ่ายแก้ปัญหาให้กับประชาชนชาวรากหญ้าก็ยังไม่ตรงจุดอย่างแท้จริงได้ นำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ไปซื้อของร้านค้าในชุมชนที่ไม่ไม่สามารถรองรับเงินติจิทัลก็ไม่ได้ ก็ต้องได้แต่นำไปใช้จ่ายแต่กับร้านค้าผู้ประกอบรายใหญ่ที่จะได้เท่านั้น
จึงอยากวอนรัฐบาลช่วยแก้ไขแก้ปัญหาเรื่องเงินติจิทัลในครั้งนี้ให้ตรงจุดก่อนจะดีกว่า เพื่อให้เงินงบประมาณของชาติจำนวนมากที่คนทั้งประเทศจะมีภาระหนี้สินผูกพันตามมาอีกจำนวนมากด้วย รัฐบาลควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้เงินติจิทัลถึงมือประชาชนทั่วไปที่แท้จริงโดยตรงที่ชัดเจนมากกว่านี้จะดีกว่า
ด้าน นาง
ทองทิพย์ ปัญนิรัติสัย (ใส่แว่นเสื้อสีส้ม)แม่ค้าขายผักชาว จ.ชัยภูมิ และรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ อีกจำนวนมาก ต่างฝากเสียงสะท้อนไปถึงรัฐบาลในครั้งนี้ด้วยอีกเป็นจำนวนมากว่า ยังไม่ได้สมัครขอรับเงินติจิทัลในครั้งนี้ เพราะโครงการนี้ยังไม่มีความชัดเจน นำงบประมาณประเทศจำนวนมากมาใช้ยังแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยตรงยังไม่ตรงจุด
ซึ่งการนำเงินไปใช้อย่างการนำไปซื้อของใช้ สิ่งของที่จะต้องนำมาประกอบอาชีพค้าขายก็ยาก จะนำไปซื้อผักซื้อปลาซื้อของสดในตลาดก็ไม่ได้ ที่ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ลงทะเบียนร้านค้าได้ จึงอยากให้ โครงการเงินดิจิทัลหากจะใช้ ควรแก้ปัญหาที่ชัดเจนมากกว่านี้ด้วย ในการนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ หรือให้เป็นเงินโดยตรงมามาใช้จ่ายได้เลยจะดีกว่า ที่จะต้องผ่านไปในระบบกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่จะได้มากกว่า และจะทำให้ประเทศชาติเป็นหนี้ตามมาอีกจำนวนมาก ครั้งนี้ก็จะไม่ขอลงทะเบียนรับเงินหากยังเป็นระบบการใช้เงินแบบนี้อยู่ไม่ขอรับเงินติจิทัลครั้งนี้เลยดีกว่า ที่จะส่งผลเสียทำให้ประเทศเงินภาษีประชาชนทุกคนต้องเสียไป ในการนำมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนในครั้งนี้ยังไม่ตรงจุด ไม่ขอรับเลยดีกว่า
JJNY : “พิธา”โดดเด่น แต่ปชชน.ชอบดิจิทัลวอลเล็ต│“ศิริกัญญา”ปัดตอบ รับไม้ต่อ│รายย่อยเมินร่วมดิจิทัล│อากาศญี่ปุ่นร้อนจัด
https://www.dailynews.co.th/news/3711337/
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจเรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2567”ชี้ “พิธา”โดดเด่นกว่า “เศรษฐา”แต่ประชาชนชื่นชอบการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ขณะคะแนนการแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาล ได้คะแนนต่ำสุด
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2567” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,318 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-30 กรกฎาคม 2567
พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกรกฎาคม 2567 เฉลี่ย 4.59 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ได้ 4.33 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.35 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน) ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.09 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน)
นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาท โดดเด่นประจำเดือน คือ เศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 52.13 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 58.93 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ การเปิดให้ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ร้อยละ 46.42 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 55.09 สุดท้ายสิ่งที่กังวลเมื่อมีการเริ่มลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต คือ กังวลเรื่องระบบของแอป เช่น การใช้งาน ความปลอดภัย ระบบล่ม ร้อยละ 36.57
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลการสำรวจคะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายน สะท้อนถึงการทำงานของรัฐบาลที่ดูดีขึ้นในสายตาประชาชน อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาความยากจนยังคงเป็นประเด็นที่ได้คะแนนต่ำสุด แม้จะมีคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน แสดงถึงความท้าทาย ที่รัฐบาลยังต้องเผชิญ ขณะที่ผลงานโดดเด่นของรัฐบาลคือความชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการเปิดให้ลงทะเบียน แต่ประชาชนยังกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสถียรของแอปพลิเคชัน รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นใจต่อไป ด้านฝ่ายค้านได้คะแนนสูงขึ้นจากการตามติดการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเรื่องปลาหมอคางดำที่กระทบกับชีวิตเกษตรกรเป็นวงกว้าง
“ศิริกัญญา” ปัดตอบ รับไม้ต่อนั่งหัวหน้าพรรค
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_755324/
“ศิริกัญญา” ปัดตอบ รับไม้ต่อนั่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป เตรียมแผนรับมือ 7 สิงหา แต่ยังเชื่อว่าก้าวไกลไม่โดนยุบ
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีกระแสข่าว ว่านำของพรรคก้าวไกล ไปติดต่อกับพรรคถิ่นกาขาว เพื่อเป็นแนวทางรองรับ หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ว่า
เราต้องมีการเตรียมการ แต่เรายังคิดว่า วันที่7สิงหาคมนี้ ยังมีความหวัง ว่าคำตัดสินจะเป็นคุณกับพรรคก้าวไกล และไม่ทำให้พรรคถูกยุบ อย่างไรก็ตามอาจจะมีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ไม่ใช่คุยแค่พรรคเดียวอาจจะคุยหลายพรรคก็ได้
ส่วนกรณีที่มีชื่อนางสาวศิริกัญญา เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า รายชื่อที่ออกมายังไม่มีความแน่นอน หากวันนี้มีใครไปถามสส.หรือสมาชิกพรรคเราก็แสดงความพร้อมเต็มที่ หากต้องมารับบทบาทหน้าที่ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แบบที่เราไม่อยากให้เป็น ขอให้สื่อมวลชน รอวันที่7สิงหาคมนี้ย้ำว่าเรายังมีความหวังพรรคจะไม่ถูกยุบ
เมื่อถามย้ำว่า หากคนในพรรคสนับสนุนก็พร้อมที่จะถือธงนำคนต่อไปใช่หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ขอให้รอหลังวันที่ 7 สิงหาคม
กลุ่มผู้ค้ารายย่อยเมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต บอกยุ่งยากเกินไป ชี้สุดท้ายคนได้ประโยชน์คือผู้ค้ารายใหญ่
https://www.matichon.co.th/region/news_4714201
กลุ่มผู้ค้ารายย่อยเมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต บอกยุ่งยากเกินไป ชี้สุดท้ายคนได้ประโยชน์คือผู้ค้ารายใหญ่ ชี้รบ.แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ทำประเทศชาติมีภาระหนี้ผูกพัน
ภายหลังจากที่รัฐบาลเปิดลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า มีกลุ่มชาวบ้านรากหญ้าพ่อค้าแม่ขายต่างพากันบ่นยับผ่านเสียงสะท้อนไปถึงรัฐบาล ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งความยุ่งยากการติดตั้งแอพพ์ การนำเงินไปใช้ยังไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือชาวบ้านได้ใช้หมุนเวียนใช้จ่ายลดภาระค่าครองชีพได้ โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ที่มีอาชีพค้าขายไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายซื้อสิ่งของตามตลาดร้านค้าชุมชนเล็กๆ มาขายต่อยอดประกอบอาชีพได้ รวมทั้งลดภาระค่าใช้ใช้จ่ายในครอบครัวทั้งค่าน้ำ ค้าไฟได้ และจะกลายเป็นการอัดเงินเพื่อลงมาช่วยกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ได้มากกว่าที่จะถึงมือชาวบ้านในกลุ่มต่างๆที่มีในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง และอยากให้รัฐบาลรีบทบทวนถ้าจะให้ควรเป็นเงินสดให้ลงมาโดยตรงเลยจะดีกว่า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ จ.ชัยภูมิ บรรยากาศต่อความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ต่อการแจกเงินติจิทัล 10,000 บาท มีชาวบ้าน กลุ่มชาวรากหญ้าในย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ ออกมาให้ความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อประชาชนในการการลงทะเบียนรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในครั้งนี้ต่างก็ได้พบกับกลุ่มพ่อค้า แม่ขาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มวัยกลางคน-ผู้สูงอายุ ต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องการสมัครเข้าโครงการรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท กันไปทั่วย่านตลาดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ
โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน และอยากสะท้อนฝากไปถึงรัฐบาลในครั้งนี้ด้วยว่า ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งเรื่องความยุ่งยากในการสมัคร ตั้งแต่ใช้โทรศัพท์ที่มีราคาสูงและลทะเบียนยาก เพราะส่วนมากพ่อค้าแม่ค้าที่นี่มีแต่ผู้สูงอายุทำไม่เป็น และโทรศัพท์ก็เป็นรุ่นเก่าไม่รองรับระบบ แอพพลิเคชั่นที่เป็นรุ่นใหม่ จึงไม่สามารถสมัครได้ รวมทั้งอีกหลายคนต่างบอกว่า กว่าจะสมัครผ่านได้ยุ่งยากมาก ซึ่งได้แต่หวังว่าจะได้เงิน 10,000 บาท มาถึงมือประชาชนจริงๆ ไม่ถูกเบี้ยวหายไปอีกหลังรอมานานเกือบปีแล้ว ซึ่งบางคนคิดว่ารอมานานเกินไปไม่มั่นใจเลย จนปัจจุบันแทบไม่อยากได้แล้ว เพราะก็ยังไม่รู้ว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่
นายชัยวัฒน์ พรมเมืองเก่า พ่อค้าหมูปิ้งในตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ บอกว่า โครงการนี้ดีไหม ตอนแรกก็ว่าดี แต่ตนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะหาเงินมาให้แก่พี่น้องประชาชนได้แล้วในขณะนี้ รวมทั้งในส่วนรูปแบบการสมัครนั้นค่อนข้างยากมาก เพราะพ่อค้าแม่ค้าแถวนี้ส่วนมากจะเป็นคนสูงอายุโทรศัพท์ก็ไม่ทันสมัยยังไม่สามารถรองรับเข้าไปสมัครแอพพ์ในโครงการนี้ได้ และจะให้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ก็ไม่ไหวมีภาระรายจ่าย อีก รวมทั้งที่จะให้คนที่ไม่มีโทรศัพท์ก็ต้องใช้บัตรประชาชนไปลงทะเบียน ก็คงไม่รอแล้ว ในครั้งนี้ก็ตัดสินใจจะไม่สมัครโครงการนี้แล้ว เพราะทั้งเรื่องเงินที่จะนำมาใช้จ่ายแก้ปัญหาให้กับประชาชนชาวรากหญ้าก็ยังไม่ตรงจุดอย่างแท้จริงได้ นำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ไปซื้อของร้านค้าในชุมชนที่ไม่ไม่สามารถรองรับเงินติจิทัลก็ไม่ได้ ก็ต้องได้แต่นำไปใช้จ่ายแต่กับร้านค้าผู้ประกอบรายใหญ่ที่จะได้เท่านั้น
จึงอยากวอนรัฐบาลช่วยแก้ไขแก้ปัญหาเรื่องเงินติจิทัลในครั้งนี้ให้ตรงจุดก่อนจะดีกว่า เพื่อให้เงินงบประมาณของชาติจำนวนมากที่คนทั้งประเทศจะมีภาระหนี้สินผูกพันตามมาอีกจำนวนมากด้วย รัฐบาลควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้เงินติจิทัลถึงมือประชาชนทั่วไปที่แท้จริงโดยตรงที่ชัดเจนมากกว่านี้จะดีกว่า
ด้าน นางทองทิพย์ ปัญนิรัติสัย (ใส่แว่นเสื้อสีส้ม)แม่ค้าขายผักชาว จ.ชัยภูมิ และรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ อีกจำนวนมาก ต่างฝากเสียงสะท้อนไปถึงรัฐบาลในครั้งนี้ด้วยอีกเป็นจำนวนมากว่า ยังไม่ได้สมัครขอรับเงินติจิทัลในครั้งนี้ เพราะโครงการนี้ยังไม่มีความชัดเจน นำงบประมาณประเทศจำนวนมากมาใช้ยังแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยตรงยังไม่ตรงจุด
ซึ่งการนำเงินไปใช้อย่างการนำไปซื้อของใช้ สิ่งของที่จะต้องนำมาประกอบอาชีพค้าขายก็ยาก จะนำไปซื้อผักซื้อปลาซื้อของสดในตลาดก็ไม่ได้ ที่ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ลงทะเบียนร้านค้าได้ จึงอยากให้ โครงการเงินดิจิทัลหากจะใช้ ควรแก้ปัญหาที่ชัดเจนมากกว่านี้ด้วย ในการนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ หรือให้เป็นเงินโดยตรงมามาใช้จ่ายได้เลยจะดีกว่า ที่จะต้องผ่านไปในระบบกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่จะได้มากกว่า และจะทำให้ประเทศชาติเป็นหนี้ตามมาอีกจำนวนมาก ครั้งนี้ก็จะไม่ขอลงทะเบียนรับเงินหากยังเป็นระบบการใช้เงินแบบนี้อยู่ไม่ขอรับเงินติจิทัลครั้งนี้เลยดีกว่า ที่จะส่งผลเสียทำให้ประเทศเงินภาษีประชาชนทุกคนต้องเสียไป ในการนำมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนในครั้งนี้ยังไม่ตรงจุด ไม่ขอรับเลยดีกว่า