แอป 'ทางรัฐ' ล่ม คนแห่ดาวน์โหลด-ยืนยันตัวตน ก่อนลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท พรุ่งนี้.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777863789
แอปพลิเคชั่น ‘ทางรัฐ’ ล่ม หลังคนแห่ดาวน์โหลด-ยืนยันตัวตน ก่อนลงทะเบียน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท พรุ่งนี้ พบระบบขัดข้อง หน้าจอขึ้น “
ขออภัย ขณะนี้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตน กรุณาลองใหม่”
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ รัฐบาล โดยกระทรวงดีอี และกระทรวงการคลัง จะเปิดช่องทางให้ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “
ทางรัฐ” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอป “
ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน
แต่จากการตรวจสอบล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนไม่สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันทางรัฐ ได้ ทั้งระบบล็อกอิน สมัครสมาชิก ยืนยันตัวตน โดยระบบแสดงความขัดข้องรหัส 504 แสดงถึงปัญหาการเซิร์ฟเวอร์ซึ่ง คาดว่าเกิดจากมีผู้เข้าใช้งานแอปจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ก่อนเริ่มลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น.
เพราะเมื่อกดแอปพลิเคชันทางรัฐ แล้วเมื่อกรอกข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชนเสร็จแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงขั้นตอนการ “
กดยืนยันตัวตน” ไม่สามารถยืนยันตัวตนไม่ได้ โดยมีข้อความระบุบนหน้าจอว่า “
ขออภัย ขณะนี้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตน กรุณาลองใหม่”
‘ไทยสร้างไทย’ เสนอไม่นิรโทษฯ แต่ให้ยื่นขออภัยระหว่างคดี ไม่แก้ม.112 แต่แก้ ป.วิ.อาญา ไม่ให้ใช้แกล้ง
https://prachatai.com/journal/2024/07/110129
‘พรรคไทยสร้างไทย’ เสนอแก้ปัญหาคดี ม.112 ด้วยการเปิดให้ผู้ถูกกล่าวหาขออภัยโทษระหว่างคดียังอยู่ในการพิจารณา และให้ปรับแก้ไข ป.วิ.อาญา ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบคดีป้องกันใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง แต่ไม่ควรนิรโทษกรรม
30 ก.ค.2567 แฟนเพจพรรคไทยสร้างไทยโพสต์การแถลงข่าวจุดยืนเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดย โดยมี
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ดร.
โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค
ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และ
ชัชวาล แพทยยาไทยเลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าว
โภคิน กล่าวว่า กรณีการพิจารณาร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าทางพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรมคดี 112 เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาท อาฆาต มาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังขัดกับรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครหมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ ซึ่งความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ เมื่อยอมความไม่ได้จึงเกิดกระบวนการกล่าวโทษโดยผู้ใดก็ได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่อาจเกิดการกลั่นแกล้งได้
พรรคไทยสร้างไทย จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ควรปรับแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ป.วิ.อาญา) โดยให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ขึ้นมา 1 ชุด ทำหน้าที่ตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น ป้องกันการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง นอกจากนี้ในระหว่างที่มีการดำเนินคดีผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา สามารถทำเรื่องกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ ใช้พระราชอํานาจพิจารณาพระราชทานอภัยได้ ซึ่งหลักการนี้เพิ่มเติมมาจาก การขอพระราชทานอภัยโทษ ที่รวมทุกคดีรวมถึงคดีที่ถูกฟ้องด้วยมาตรา 112 ด้วย
สุดารัตน์ ย้ำว่าพรรค มีจุดยืนชัดเจน ในการยึดมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยากเห็นความสามัคคีปรองดอง หันหน้าเข้าหากัน อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายยึดมั่นตามแนวทางล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะพระราชดำรัสเรื่องคุณธรรม 4 ประการ ซึ่งจะเป็นหลัก ทำให้คนหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ
สำหรับการแก้ไขพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จะต้องแก้ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ แก้ด้วยสติและปัญญา ไม่ใช่แก้ด้วยความรักหรือความเกลียดความชัง วันนี้ประชาชนธรรมดายังมีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้นพระมหากษัตริย์จะต้องมีสิทธิไม่ด้อยไปกว่าประชาชน เราจึงมีจุดยืนในการรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ดำรงอยู่อย่างวัฒนาสถาพรตลอดไป
ด้าน
ชวลิต ย้ำว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอรายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรในคราวประชุมเมื่อ 13 ส.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบที่จะไม่นิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
จึงเห็นว่าหลักการดังกล่าวไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะทุกพรรคการเมืองที่ให้ความเห็นชอบในขณะนั้นก็อยู่ในสภาชุดนี้ทุกพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามนับจาก 13 ส.ค.63 ถึงปัจจุบันมีข้อมูลจากภายใน กมธ.ว่า มีคดีความผิดตามมาตรา 112 เกิดขึ้น จำนวน 303 คดี ซึ่งใน 303 คดีดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน
พรรคไทยสร้างไทยตระหนักถึงปัญหาของประเทศที่กำลังประสบอยู่ คือ การสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษากฎหมายบ้านเมืองซึ่งเป็นหลักการสำคัญ ดังนั้น การเสนอทางออกต่อปัญหามาตรา 112 จึงใช้หลักปกป้องสถาบัน ขณะเดียวกันก็น้อมนำคุณธรรม "
อภัย" มาใช้ในการแก้ปัญหากับผู้ที่สำนึกในการกระทำจะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และจะไม่กระทำซ้ำ
ส่วน
ชัชวาล มองว่าการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องสำคัญ ต้องนำไปพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ยกร่างแล้ว และเตรียมที่จะนำเข้าไป พูดคุยในสภาต่อไป
เงินบาททำสถิติ! แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง แตะระดับ 35.72 บาท
https://www.dailynews.co.th/news/3703289/
ค่าเงินบาทวันนี้ 31 ก.ค. แตะระดับ 35.72 บาทต่อดอลลาร์ ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง ตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยน จับตาประชุม BOJ ญี่ปุ่น และ Fed สหรัฐ
วันที่ 31 ก.ค. น.ส.
กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 35.72 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง (นับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. 2567) ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.76-35.78 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.99 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (ณ 10.50 น. ตามเวลาไทย ยังไม่มีการประกาศผลการประชุม BOJ ออกมา) ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และ Sentiment ของเงินดอลลาร์ ที่อ่อนแอและขาดปัจจัยหนุนในช่วงก่อนผลการประชุมเฟดในคืนนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.60-36.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม BOJ และ Fed ตัวเลข PMI เดือน ก.ค. ของจีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค. จาก ADP และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน มิ.ย.
JJNY : แอป 'ทางรัฐ' ล่ม│‘ทสท.’เสนอไม่นิรโทษฯ แต่แก้ไม่ให้ใช้แกล้ง│บาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง│กรีซหวั่นกาฬโรคในสัตว์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777863789
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ รัฐบาล โดยกระทรวงดีอี และกระทรวงการคลัง จะเปิดช่องทางให้ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอป “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน
แต่จากการตรวจสอบล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนไม่สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันทางรัฐ ได้ ทั้งระบบล็อกอิน สมัครสมาชิก ยืนยันตัวตน โดยระบบแสดงความขัดข้องรหัส 504 แสดงถึงปัญหาการเซิร์ฟเวอร์ซึ่ง คาดว่าเกิดจากมีผู้เข้าใช้งานแอปจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ก่อนเริ่มลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น.
เพราะเมื่อกดแอปพลิเคชันทางรัฐ แล้วเมื่อกรอกข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชนเสร็จแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงขั้นตอนการ “กดยืนยันตัวตน” ไม่สามารถยืนยันตัวตนไม่ได้ โดยมีข้อความระบุบนหน้าจอว่า “ขออภัย ขณะนี้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตน กรุณาลองใหม่”
‘ไทยสร้างไทย’ เสนอไม่นิรโทษฯ แต่ให้ยื่นขออภัยระหว่างคดี ไม่แก้ม.112 แต่แก้ ป.วิ.อาญา ไม่ให้ใช้แกล้ง
https://prachatai.com/journal/2024/07/110129
‘พรรคไทยสร้างไทย’ เสนอแก้ปัญหาคดี ม.112 ด้วยการเปิดให้ผู้ถูกกล่าวหาขออภัยโทษระหว่างคดียังอยู่ในการพิจารณา และให้ปรับแก้ไข ป.วิ.อาญา ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบคดีป้องกันใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง แต่ไม่ควรนิรโทษกรรม
30 ก.ค.2567 แฟนเพจพรรคไทยสร้างไทยโพสต์การแถลงข่าวจุดยืนเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดย โดยมีสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และชัชวาล แพทยยาไทยเลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าว
โภคิน กล่าวว่า กรณีการพิจารณาร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าทางพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรมคดี 112 เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาท อาฆาต มาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังขัดกับรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครหมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ ซึ่งความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ เมื่อยอมความไม่ได้จึงเกิดกระบวนการกล่าวโทษโดยผู้ใดก็ได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่อาจเกิดการกลั่นแกล้งได้
พรรคไทยสร้างไทย จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ควรปรับแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ป.วิ.อาญา) โดยให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ขึ้นมา 1 ชุด ทำหน้าที่ตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น ป้องกันการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง นอกจากนี้ในระหว่างที่มีการดำเนินคดีผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา สามารถทำเรื่องกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ ใช้พระราชอํานาจพิจารณาพระราชทานอภัยได้ ซึ่งหลักการนี้เพิ่มเติมมาจาก การขอพระราชทานอภัยโทษ ที่รวมทุกคดีรวมถึงคดีที่ถูกฟ้องด้วยมาตรา 112 ด้วย
สุดารัตน์ ย้ำว่าพรรค มีจุดยืนชัดเจน ในการยึดมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยากเห็นความสามัคคีปรองดอง หันหน้าเข้าหากัน อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายยึดมั่นตามแนวทางล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะพระราชดำรัสเรื่องคุณธรรม 4 ประการ ซึ่งจะเป็นหลัก ทำให้คนหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ
สำหรับการแก้ไขพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จะต้องแก้ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ แก้ด้วยสติและปัญญา ไม่ใช่แก้ด้วยความรักหรือความเกลียดความชัง วันนี้ประชาชนธรรมดายังมีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้นพระมหากษัตริย์จะต้องมีสิทธิไม่ด้อยไปกว่าประชาชน เราจึงมีจุดยืนในการรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ดำรงอยู่อย่างวัฒนาสถาพรตลอดไป
ด้านชวลิต ย้ำว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอรายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรในคราวประชุมเมื่อ 13 ส.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบที่จะไม่นิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
จึงเห็นว่าหลักการดังกล่าวไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะทุกพรรคการเมืองที่ให้ความเห็นชอบในขณะนั้นก็อยู่ในสภาชุดนี้ทุกพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามนับจาก 13 ส.ค.63 ถึงปัจจุบันมีข้อมูลจากภายใน กมธ.ว่า มีคดีความผิดตามมาตรา 112 เกิดขึ้น จำนวน 303 คดี ซึ่งใน 303 คดีดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน
พรรคไทยสร้างไทยตระหนักถึงปัญหาของประเทศที่กำลังประสบอยู่ คือ การสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษากฎหมายบ้านเมืองซึ่งเป็นหลักการสำคัญ ดังนั้น การเสนอทางออกต่อปัญหามาตรา 112 จึงใช้หลักปกป้องสถาบัน ขณะเดียวกันก็น้อมนำคุณธรรม "อภัย" มาใช้ในการแก้ปัญหากับผู้ที่สำนึกในการกระทำจะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และจะไม่กระทำซ้ำ
ส่วนชัชวาล มองว่าการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องสำคัญ ต้องนำไปพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ยกร่างแล้ว และเตรียมที่จะนำเข้าไป พูดคุยในสภาต่อไป
เงินบาททำสถิติ! แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง แตะระดับ 35.72 บาท
https://www.dailynews.co.th/news/3703289/
ค่าเงินบาทวันนี้ 31 ก.ค. แตะระดับ 35.72 บาทต่อดอลลาร์ ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง ตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยน จับตาประชุม BOJ ญี่ปุ่น และ Fed สหรัฐ
วันที่ 31 ก.ค. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 35.72 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง (นับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. 2567) ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.76-35.78 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.99 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (ณ 10.50 น. ตามเวลาไทย ยังไม่มีการประกาศผลการประชุม BOJ ออกมา) ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และ Sentiment ของเงินดอลลาร์ ที่อ่อนแอและขาดปัจจัยหนุนในช่วงก่อนผลการประชุมเฟดในคืนนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.60-36.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม BOJ และ Fed ตัวเลข PMI เดือน ก.ค. ของจีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค. จาก ADP และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน มิ.ย.