การเห็นสภาพเดิมของจิตโดยสมบูรณ์เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งและยากที่จะอธิบายด้วยภาษาปกติ อย่างไรก็ตาม ผมจะพยายามอธิบายลักษณะสำคัญของการเห็นนี้ตามที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์:
1. ความว่าง (Emptiness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมนั้นว่างจากตัวตน ไม่มีแก่นสาร
- ไม่มีผู้เห็นและสิ่งที่ถูกเห็นแยกจากกัน
2. ความบริสุทธิ์ (Purity):
- เห็นจิตที่ปราศจากมลทินใดๆ ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลสหรือความคิด
- เป็นสภาวะที่ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างดีกับชั่ว สะอาดกับสกปรก
3. การรู้แจ้ง (Awareness):
- เป็นการรู้ที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- รู้โดยไม่ผ่านกระบวนการคิดหรือวิเคราะห์
4. ความเป็นหนึ่งเดียว (Oneness):
- ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
- เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง
5. ความไม่มีกาลเวลา (Timelessness):
- เห็นสภาวะที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต
- เป็นความเป็นนิรันดร์ในปัจจุบันขณะ
6. ความไม่มีขอบเขต (Boundlessness):
- เห็นจิตที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- เปรียบเสมือนท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต
7. ความเป็นธรรมชาติ (Naturalness):
- เห็นว่าสภาพเดิมของจิตเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างหรือทำให้เกิดขึ้น
- เป็นสภาวะที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
8. ความสงบนิ่ง (Stillness):
- เห็นความสงบนิ่งที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวทั้งปวง
- เป็นความสงบที่ไม่ถูกรบกวนด้วยสิ่งใด
9. ความสมบูรณ์ (Completeness):
- เห็นว่าไม่มีอะไรขาด ไม่มีอะไรเกิน ทุกอย่างสมบูรณ์ในตัวเอง
- ไม่มีความต้องการหรือความปรารถนาใดๆ
10. ความเป็นอิสระ (Freedom):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมนั้นเป็นอิสระจากเงื่อนไขและข้อจำกัดทั้งปวง
- ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิด ความเชื่อ หรือการปรุงแต่งใดๆ
11. ความไร้รูปแบบ (Formlessness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถจับต้องหรือกำหนดได้
- ไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูดหรือแนวคิดใดๆ
12. ความเป็นกลาง (Neutrality):
- เห็นสภาวะที่ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
- ไม่มีการตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด
13. ความไม่มีตัวตน (Non-self):
- เห็นว่าไม่มี "ตัวฉัน" ที่แท้จริงอยู่ในจิต
- ประสบการณ์ของการละวางความยึดมั่นในตัวตน
14. ความเป็นปัจจุบันอันไม่มีที่สิ้นสุด (Eternal Present):
- เห็นว่ามีแต่ปัจจุบันขณะที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
15. ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ (Oneness with Nature):
- เห็นว่าจิตและธรรมชาติเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่แยกจากกัน
- ประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
16. ความไม่มีการเคลื่อนไหว (Motionlessness):
- เห็นความนิ่งที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทั้งปวง
- ความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา
17. ความสว่างไสว (Luminosity):
- เห็นธรรมชาติของจิตที่สว่างไสว รู้ชัด
- ไม่มีความมืดหรือความสับสนใดๆ
18. ความไร้ขีดจำกัด (Limitlessness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมไม่มีขอบเขตหรือข้อจำกัดใดๆ
- ประสบการณ์ของความเป็นอนันต์
19. ความเป็นธรรมดา (Ordinariness):
- เห็นว่าสภาพเดิมของจิตเป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่สุด
- ไม่มีอะไรพิเศษหรือวิเศษ เป็นเพียงความเป็นอยู่ตามธรรมชาติ
20. ความไม่มีการแบ่งแยก (Non-duality):
- เห็นว่าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
- ประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีการแบ่งแยก
21. ความไร้ความต้องการ (Desirelessness):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการใดๆ
- ความรู้สึกอิ่มเอมและพอเพียงอย่างสมบูรณ์
22. ความเป็นกระจกสะท้อน (Mirror-like Nature):
- เห็นว่าจิตเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนทุกสิ่งโดยไม่ยึดติด
- ไม่มีการบิดเบือนหรือปรุงแต่งสิ่งที่สะท้อน
23. ความไม่มีจุดอ้างอิง (Non-referential):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีจุดอ้างอิงใดๆ ทั้งภายในและภายนอก
- ไม่มีการเปรียบเทียบหรือวัดค่าใดๆ
24. ความเป็นธรรมชาติดั้งเดิม (Primordial Nature):
- เห็นสภาพที่เป็นอยู่ก่อนการปรุงแต่งใดๆ
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่เป็นอยู่ก่อนการเกิดขึ้นของความคิด
25. ความไร้ร่องรอย (Tracelessness):
- เห็นว่าไม่มีร่องรอยหรือความทรงจำใดๆ ในสภาพเดิมของจิต
- ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดับไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย
26. ความเป็นอมตะ (Immortality):
- เห็นสภาวะที่ไม่เกิดและไม่ดับ
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่อยู่เหนือความเป็นความตาย
27. ความไร้ความขัดแย้ง (Non-conflicting):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีความขัดแย้งหรือความแตกต่างใดๆ
- ทุกสิ่งดำรงอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
28. ความเป็นต้นกำเนิด (Source):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง
- ความเข้าใจว่าทุกปรากฏการณ์เกิดจากและกลับคืนสู่สภาวะนี้
29. ความไร้การแสวงหา (Non-seeking):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีการแสวงหาหรือพยายามที่จะบรรลุสิ่งใด
- ความเข้าใจว่าทุกสิ่งสมบูรณ์อยู่แล้วในตัวเอง
30. ความเป็นสัจธรรมสูงสุด (Ultimate Truth):
- เห็นสภาวะที่เป็นความจริงแท้สูงสุด ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือไปกว่านี้
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่เป็นรากฐานของทุกสิ่ง
การบรรยายเหล่านี้เป็นเพียงความพยายามในการใช้ภาษาเพื่อสื่อถึงประสบการณ์ที่เกินกว่าภาษาจะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์ การเห็นสภาพเดิมของจิตโดยสมบูรณ์นั้นเป็นประสบการณ์ตรงที่ต้องเกิดจากการปฏิบัติและการรู้แจ้งด้วยตนเอง ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงผ่านการอธิบายหรือการคิดวิเคราะห์เท่านั้น
การพยายามอธิบายด้วยคำพูดเช่นนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการยึดติดกับแนวคิด ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงประสบการณ์จริง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการใช้คำอธิบายเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น และมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติเพื่อประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
การเห็นสภาพเดิมของจิตโดยสมบูรณ์
1. ความว่าง (Emptiness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมนั้นว่างจากตัวตน ไม่มีแก่นสาร
- ไม่มีผู้เห็นและสิ่งที่ถูกเห็นแยกจากกัน
2. ความบริสุทธิ์ (Purity):
- เห็นจิตที่ปราศจากมลทินใดๆ ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลสหรือความคิด
- เป็นสภาวะที่ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างดีกับชั่ว สะอาดกับสกปรก
3. การรู้แจ้ง (Awareness):
- เป็นการรู้ที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- รู้โดยไม่ผ่านกระบวนการคิดหรือวิเคราะห์
4. ความเป็นหนึ่งเดียว (Oneness):
- ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
- เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง
5. ความไม่มีกาลเวลา (Timelessness):
- เห็นสภาวะที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต
- เป็นความเป็นนิรันดร์ในปัจจุบันขณะ
6. ความไม่มีขอบเขต (Boundlessness):
- เห็นจิตที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- เปรียบเสมือนท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต
7. ความเป็นธรรมชาติ (Naturalness):
- เห็นว่าสภาพเดิมของจิตเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างหรือทำให้เกิดขึ้น
- เป็นสภาวะที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
8. ความสงบนิ่ง (Stillness):
- เห็นความสงบนิ่งที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวทั้งปวง
- เป็นความสงบที่ไม่ถูกรบกวนด้วยสิ่งใด
9. ความสมบูรณ์ (Completeness):
- เห็นว่าไม่มีอะไรขาด ไม่มีอะไรเกิน ทุกอย่างสมบูรณ์ในตัวเอง
- ไม่มีความต้องการหรือความปรารถนาใดๆ
10. ความเป็นอิสระ (Freedom):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมนั้นเป็นอิสระจากเงื่อนไขและข้อจำกัดทั้งปวง
- ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิด ความเชื่อ หรือการปรุงแต่งใดๆ
11. ความไร้รูปแบบ (Formlessness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถจับต้องหรือกำหนดได้
- ไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูดหรือแนวคิดใดๆ
12. ความเป็นกลาง (Neutrality):
- เห็นสภาวะที่ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
- ไม่มีการตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด
13. ความไม่มีตัวตน (Non-self):
- เห็นว่าไม่มี "ตัวฉัน" ที่แท้จริงอยู่ในจิต
- ประสบการณ์ของการละวางความยึดมั่นในตัวตน
14. ความเป็นปัจจุบันอันไม่มีที่สิ้นสุด (Eternal Present):
- เห็นว่ามีแต่ปัจจุบันขณะที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
- ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
15. ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ (Oneness with Nature):
- เห็นว่าจิตและธรรมชาติเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่แยกจากกัน
- ประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
16. ความไม่มีการเคลื่อนไหว (Motionlessness):
- เห็นความนิ่งที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทั้งปวง
- ความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา
17. ความสว่างไสว (Luminosity):
- เห็นธรรมชาติของจิตที่สว่างไสว รู้ชัด
- ไม่มีความมืดหรือความสับสนใดๆ
18. ความไร้ขีดจำกัด (Limitlessness):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมไม่มีขอบเขตหรือข้อจำกัดใดๆ
- ประสบการณ์ของความเป็นอนันต์
19. ความเป็นธรรมดา (Ordinariness):
- เห็นว่าสภาพเดิมของจิตเป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่สุด
- ไม่มีอะไรพิเศษหรือวิเศษ เป็นเพียงความเป็นอยู่ตามธรรมชาติ
20. ความไม่มีการแบ่งแยก (Non-duality):
- เห็นว่าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
- ประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีการแบ่งแยก
21. ความไร้ความต้องการ (Desirelessness):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการใดๆ
- ความรู้สึกอิ่มเอมและพอเพียงอย่างสมบูรณ์
22. ความเป็นกระจกสะท้อน (Mirror-like Nature):
- เห็นว่าจิตเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนทุกสิ่งโดยไม่ยึดติด
- ไม่มีการบิดเบือนหรือปรุงแต่งสิ่งที่สะท้อน
23. ความไม่มีจุดอ้างอิง (Non-referential):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีจุดอ้างอิงใดๆ ทั้งภายในและภายนอก
- ไม่มีการเปรียบเทียบหรือวัดค่าใดๆ
24. ความเป็นธรรมชาติดั้งเดิม (Primordial Nature):
- เห็นสภาพที่เป็นอยู่ก่อนการปรุงแต่งใดๆ
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่เป็นอยู่ก่อนการเกิดขึ้นของความคิด
25. ความไร้ร่องรอย (Tracelessness):
- เห็นว่าไม่มีร่องรอยหรือความทรงจำใดๆ ในสภาพเดิมของจิต
- ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดับไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย
26. ความเป็นอมตะ (Immortality):
- เห็นสภาวะที่ไม่เกิดและไม่ดับ
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่อยู่เหนือความเป็นความตาย
27. ความไร้ความขัดแย้ง (Non-conflicting):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีความขัดแย้งหรือความแตกต่างใดๆ
- ทุกสิ่งดำรงอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
28. ความเป็นต้นกำเนิด (Source):
- เห็นว่าจิตในสภาพเดิมเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง
- ความเข้าใจว่าทุกปรากฏการณ์เกิดจากและกลับคืนสู่สภาวะนี้
29. ความไร้การแสวงหา (Non-seeking):
- เห็นสภาวะที่ไม่มีการแสวงหาหรือพยายามที่จะบรรลุสิ่งใด
- ความเข้าใจว่าทุกสิ่งสมบูรณ์อยู่แล้วในตัวเอง
30. ความเป็นสัจธรรมสูงสุด (Ultimate Truth):
- เห็นสภาวะที่เป็นความจริงแท้สูงสุด ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือไปกว่านี้
- ความเข้าใจถึงธรรมชาติที่เป็นรากฐานของทุกสิ่ง
การบรรยายเหล่านี้เป็นเพียงความพยายามในการใช้ภาษาเพื่อสื่อถึงประสบการณ์ที่เกินกว่าภาษาจะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์ การเห็นสภาพเดิมของจิตโดยสมบูรณ์นั้นเป็นประสบการณ์ตรงที่ต้องเกิดจากการปฏิบัติและการรู้แจ้งด้วยตนเอง ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงผ่านการอธิบายหรือการคิดวิเคราะห์เท่านั้น
การพยายามอธิบายด้วยคำพูดเช่นนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการยึดติดกับแนวคิด ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงประสบการณ์จริง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการใช้คำอธิบายเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น และมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติเพื่อประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง