ชีวิตในวัยเด็กได้อยู่ อยุธยา7ปี ในสังคมแบบเมืองบ้านเช่า ได้รู้จักคนหลายๆคนจากที่มาเช่าบ้านใกล้ๆที่มาแล้วไป ในช่วงตอนวัยเด็กพ่อเป็นคนเลี้ยงดูซะส่วนใหญ่ แม่ต้องไปทำงาน ตอนวันหยุดพ่อจะพาเข้าไปเล่นในป่าเล็กๆหลังหอพักบ่อยๆ พร้มกับคู่หูที่เป็นญาติกันอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีการเอามาม่าไปกินในป่า เอาเถาวัลย์ทำเป็นชิงช้า แล้วโห่นเล่นเหมือนทาร์ซาน เล่นน้ำคลองในป่าที่เป็นน้ำสีแดงๆ เหมือนจะเป็นใบไม่ย่อย รากไม้เน่าน้ำเลยเป็นสีแดงพร้อมกลิ่นเหม็นไม่รู้ว่าเล่นน้ำเน่าแบบนั้นไปได้ไง บ้างทีพ่อก็พาใช้เกลือแทนยาสีฟัน ทั้งที่เราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินขนาดนั้น
เวลาเงินออกก็มีพาเข้าห้างไปเที่ยวบ้าง แต่ไม่เท่าเข้าป่าที่บ่อยกว่า
ขี่เวฟ100ไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วขี่รถเล่น ตามด้วยการไปจอดนั่งดูเสาไฟที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา แล้ว วิ่งแข่งกันกับพี่ เป็นชีวิตที่สุขสันน่าโหยหา ไม่ว่าจะตอนไหนก็อยากกลับไป
พอมีเงินพอตัว ก็กลับมาบ้านอยู่ศรีสะเกษ ช่วงแรกๆมีงานที่รู้ๆคือถอนมันสัปปะหลัง ที่ทำบ่อยๆ เจ็บมือแต่ก็สนุก ตามภาษาเด็กประถม เวลาที่คนอื่นชมว่าขยันเลยบ้าย่อทำไป หวังทำให้ได้เร็วกว่าคนอื่นๆเพราะอยากชนะ
ฟ้ามืดก็นัดกันกับคนรู้จักไปจักเขียด พร้อมไฟฉายหม้อแบตติดหัว ทุกครั้งที่มองไปที่พื้นดินจะมี แมงมุม ตะขาบ แมงป่อง ทำให้ไม่กล้าเดินเพราะกลัวโดนต่อยเขา ต้องเดินอย่างระวัง จำได้ลางๆว่ามีใครบอกว่าเดินไปไม่ต้องก้มมอง เราก็มาหากินเหมือนกัน เมื่อได้เดินตั้งหน้าตรง ก็ไม่ได้มีสัตว์ตัวไหนมาไตขา หรือกัดเลย ถ้าไปมองจุดๆใดจุดหนึ่งก็มีทั้ง แมงมุม สัตว์มีพิษ ถ้ามองภาพรวมมันก็แค่ทุ่งนาโล่งๆ
ช่วงเรียกผมแหย่ะๆ กับดินโคลนความชื้นมาก แต่พอได้มาดำนา กลางฝนชีวิตผมเป็นรูปที่ผมวิ่งเล่นกลางทุ่งนากลางสายฝนข้างหลังเป็น ป้า ลุง ยาย ตา พ่อ แม่ปลูกข้าว มันก็ไม่ได้แย่ที่เราไปคลุกอยู่กับดินขี้โคลน มันก็สนุกอีกแบบ หนาวก็หนาว เปื้อนก็เปื้อน ดินเต็มซอกเล็บ ลืมความสกปรกไปเลย รู้แค่ว่าเราเปียกเราเปื้อนแล้ว เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไปแล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก
ช่วงโตขึ้นๆมา งานเกียวกับเกษตรหนักขึ้น ปลูกมันเยอะ แต่ทำแค่สามคน พ่อแม่ลูก ช่วยกันปลูกไม่รีบเร่ง ทุกครั้งที่ทำงานแบบนี้ ผมมองไปที่แปลงที่จะปลูก มันกว้างและดูเยอะซะเหลือเกินแค่เห็นก็เหนื่อย พรางทำไปด้วยถามใจไปด้วยว่าตอนไหนจะเสร็จ แต่พ่อแม่ที่ปลูกถึงจะเยอะขนาดไหน ก็ไม่มีท่าทีว่าจะรีบ ทำไปเรื่อยๆ ไม่มองข้างหน้าว่าจะเสร็จตอนไหน แค่ทำไปเรื่อยๆ แต่ตัวผมยิ่งทำยิ่งหมดความอดทน ไม่อยากทำ ก่อนที่จะได้คิดว่าให้ทำไปเรื่อยๆไม่ต้องกำหนดเป้ามาย แปปๆมันก็เสร็จ ได้ทำงานแบบนี้ทำตัวเป็นคนโง่เข้าไว้อย่าไปถามอย่าไปคิดไม่ต้องตั้งเป้าหมาย
หลังทำเสร็จกลับมาบ้านนั่งกินน้ำโค้กๆเย็นๆสักขวดก็สุขใจแล้ว
เหมือนลึกๆงาน ธรรมชาติ มันสอนผม ไม่เคยเสียดายที่ได้ใช้ชีวิตเป็นคนจนติดดิน
สำหรับผมธรรมชาติมันสอนคนได้
ชีวิตการเป็นลูกชาวนา ของผม
เวลาเงินออกก็มีพาเข้าห้างไปเที่ยวบ้าง แต่ไม่เท่าเข้าป่าที่บ่อยกว่า
ขี่เวฟ100ไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วขี่รถเล่น ตามด้วยการไปจอดนั่งดูเสาไฟที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา แล้ว วิ่งแข่งกันกับพี่ เป็นชีวิตที่สุขสันน่าโหยหา ไม่ว่าจะตอนไหนก็อยากกลับไป
พอมีเงินพอตัว ก็กลับมาบ้านอยู่ศรีสะเกษ ช่วงแรกๆมีงานที่รู้ๆคือถอนมันสัปปะหลัง ที่ทำบ่อยๆ เจ็บมือแต่ก็สนุก ตามภาษาเด็กประถม เวลาที่คนอื่นชมว่าขยันเลยบ้าย่อทำไป หวังทำให้ได้เร็วกว่าคนอื่นๆเพราะอยากชนะ
ฟ้ามืดก็นัดกันกับคนรู้จักไปจักเขียด พร้อมไฟฉายหม้อแบตติดหัว ทุกครั้งที่มองไปที่พื้นดินจะมี แมงมุม ตะขาบ แมงป่อง ทำให้ไม่กล้าเดินเพราะกลัวโดนต่อยเขา ต้องเดินอย่างระวัง จำได้ลางๆว่ามีใครบอกว่าเดินไปไม่ต้องก้มมอง เราก็มาหากินเหมือนกัน เมื่อได้เดินตั้งหน้าตรง ก็ไม่ได้มีสัตว์ตัวไหนมาไตขา หรือกัดเลย ถ้าไปมองจุดๆใดจุดหนึ่งก็มีทั้ง แมงมุม สัตว์มีพิษ ถ้ามองภาพรวมมันก็แค่ทุ่งนาโล่งๆ
ช่วงเรียกผมแหย่ะๆ กับดินโคลนความชื้นมาก แต่พอได้มาดำนา กลางฝนชีวิตผมเป็นรูปที่ผมวิ่งเล่นกลางทุ่งนากลางสายฝนข้างหลังเป็น ป้า ลุง ยาย ตา พ่อ แม่ปลูกข้าว มันก็ไม่ได้แย่ที่เราไปคลุกอยู่กับดินขี้โคลน มันก็สนุกอีกแบบ หนาวก็หนาว เปื้อนก็เปื้อน ดินเต็มซอกเล็บ ลืมความสกปรกไปเลย รู้แค่ว่าเราเปียกเราเปื้อนแล้ว เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไปแล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก
ช่วงโตขึ้นๆมา งานเกียวกับเกษตรหนักขึ้น ปลูกมันเยอะ แต่ทำแค่สามคน พ่อแม่ลูก ช่วยกันปลูกไม่รีบเร่ง ทุกครั้งที่ทำงานแบบนี้ ผมมองไปที่แปลงที่จะปลูก มันกว้างและดูเยอะซะเหลือเกินแค่เห็นก็เหนื่อย พรางทำไปด้วยถามใจไปด้วยว่าตอนไหนจะเสร็จ แต่พ่อแม่ที่ปลูกถึงจะเยอะขนาดไหน ก็ไม่มีท่าทีว่าจะรีบ ทำไปเรื่อยๆ ไม่มองข้างหน้าว่าจะเสร็จตอนไหน แค่ทำไปเรื่อยๆ แต่ตัวผมยิ่งทำยิ่งหมดความอดทน ไม่อยากทำ ก่อนที่จะได้คิดว่าให้ทำไปเรื่อยๆไม่ต้องกำหนดเป้ามาย แปปๆมันก็เสร็จ ได้ทำงานแบบนี้ทำตัวเป็นคนโง่เข้าไว้อย่าไปถามอย่าไปคิดไม่ต้องตั้งเป้าหมาย
หลังทำเสร็จกลับมาบ้านนั่งกินน้ำโค้กๆเย็นๆสักขวดก็สุขใจแล้ว
เหมือนลึกๆงาน ธรรมชาติ มันสอนผม ไม่เคยเสียดายที่ได้ใช้ชีวิตเป็นคนจนติดดิน
สำหรับผมธรรมชาติมันสอนคนได้