พิธีเปิดโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสผ่านพ้นไป แต่ผมนี่ยังมูฟออนไม่ได้จริงๆ
คือไม่เกี่ยวกับประเด็นดราม่าอะไรนะครับ แต่เป็นเพลงต่างหาก คือจนถึงตอนนี้ก็ยังฟังวนไปวนมา มันเพราะมาก
และวินาทีที่ได้ดูถ่ายทอดสดตอนนั้น เวลาไทยก็ตี 4 กว่าล่ะ ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นั้นก็คือซีนปิดท้ายพิธีเปิดของ เซลีน ดิออน
ที่ได้เอาเพลง L'Hymne à l'amour ของ Édith Piaf ศิลปินหญิงระดับตำนานในอดีตของฝรั่งเศส มาขับร้องอย่างยิ่งใหญ่ที่เวทีบนหอไอเฟล
ซึ่งผมต้องบอกเลยว่า ผมไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน และที่สำคัญ ผมแปลไม่ออก ไม่รู้ความหมายอะไรเลยสักนิด
แต่ดนตรีมันคือภาษาสากล.. ถึงภาษาฝรั่งเศสผมจะไม่กระดิก แต่ผมฟังเพลงนี้แล้วร้องไห้ มันซึ้ง มันบาดลึกเหลือเกิน
ใครจะว่าผมเว่อร์ก็เถอะ แต่มันซึ้งจัด จนหารายละเอียดถึงเพลงนี้ในทันที
ต้นฉบับครับ...
สำหรับเพลง L'Hymne à l'amour ปิยัฟ แต่งขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ความรักของเธอกับ “มาร์เซล เซอร์ดาน” นักมวยแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวท
ซึ่งทั้งคู่พบกันระหว่างที่ปิยัฟทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐเมื่อปี 1948 แต่แล้วความรักของทั้งคู่ก็จบลงด้วยความเศร้า
เมื่อเซอร์ดานเสียชีวิต จากเหตุการณ์เครื่องบินตกในปี 1949 ขณะที่กำลังเดินทางไปหาปิยัฟที่สหรัฐ ตามคำขอของเธอ
หลังจากโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นทำให้ปิยัฟจมอยู่กับความเศร้าโศกและความรู้สึกผิดเรื่อยมา
อันนี้ผมนำข้อมูลมากจากกรุงเทพธุรกิจนะครับ ..
โอ้ ที่มามันเศร้าจัด เลยหาดูว่ามีเวอร์ชั่นไหนอีกบ้าง..
มีภาษาอังกฤษด้วย ฟังดูๆๆๆ
แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Geoffrey Parsons
ขับร้องครั้งแรกโดย Vera Lynn เมื่อปี 1952 ก็คือเวอร์ชั่นที่ผมโพสลงไปด้านบนล่ะครับ
นี่คือเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ....
If You Love Me Really Love Me
If the sun should tumble from the skies ...
If the sea should suddenly run dry
If you love me really love me
Let it happen I won't care
If it seems that everything is lost
I will smile and never count the cost
If you love me really love me
Let it happen darling, I won't care
Shall I catch a shooting star
shall I bring it where you are
If you want me to I will
You can set me any task
I'll do anything you ask
If you only say you love me still
When at last our life on earth is through
I will share eternity with you
If you love me really love me
Let it happen I won't care
If you love me really love me
Let it happen darling, I won't care
ที่เด็ดกว่ามีภาษาไทยอีกต่างหาก เนื้อเพลงประพันธ์โดยครูสุรพล โทณะวณิก
ขับร้องโดยคุณสวลี ผกาพันธุ์ ในชื่อเพลงว่า ถ้ารักฉันจริง...
สุริยะจะดับสาดส่องสิ้นจากระวี
หรือรัชนีหยุดส่องสาดนภา
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเถิดหนา
ฉันคงเป็นสุขสมฤทัย
น้ำจะแห้งเดือดหยดหมดนที
โคลนเหลวไม่มี กลายเป็นเช่นผงไป
ถ้าเธอรักจริงๆทุกสิ่งไซร้
ฉันคงเป็นสุขเพราะน้ำใจของเธอ
**โลกจะแตกแยกเป็นสอง
ก็ไม่เคยจะหม่นหมอง
จะเป็นทุกข์หรือนอนคลั่งเพ้อ
มีเธอนั้นฉันสุขใจ
ไม่ต้องการมีสิ่งใด
สุขกว่าใครเมื่อยามมีเธอ
ฟ้าสว่างกระจ่างแจ่มพร่างนภา
ฉันคิดว่าจะสุขก็เพราะเธอ
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเสมอ
ฉันมีเธอเป็นสุขกว่าใครทั้งหล้า.....
โอยยย รู้ความหมายอย่างละเอียดถ่องแท้ ภาษาสละสลวยเหลือเกิน...
ร้องไห้หนักกว่าเดิม..
นี่เป็นแค่กระทู้บ่นความรู้สึกเลยล่ะครับ ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของพิธีเปิดโอลิมปิกในครั้งนี้
จากที่ผมเคยประทับใจแบบสุดๆ ย้อนไปในสมัยที่ได้ยินเพลง Hand in Hand ในโอลิมปิกที่โซลในปี 1988
และเพลง To Be Number One ในเวิลด์คัพ 1990 ที่อิตาลี
ก็ไม่มีเพลงไหนที่ทำให้ผมรู้สึกอินได้อีกเลย แม้ว่าเพลง L'Hymne à l'amour นี้ จะเป็นเพลงรัก เป็นเพลงเก่า
ไม่ได้เป็นเพลงธีมของโอลิมปิกก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึกถึงพลัง ความรัก ความเศร้า .. มันฝังในความรู้สึกมหาศาลจริงๆ ...
โคตรรักเพลงนี้เลย... ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ผมได้แชร์ความรู้สึกนะครับ ^^
++ L'Hymne à l'amour เพลงสุดท้ายในพิธีเปิดโอลิมปิก ที่ทำให้ผมเสียน้ำตา... ++
คือไม่เกี่ยวกับประเด็นดราม่าอะไรนะครับ แต่เป็นเพลงต่างหาก คือจนถึงตอนนี้ก็ยังฟังวนไปวนมา มันเพราะมาก
และวินาทีที่ได้ดูถ่ายทอดสดตอนนั้น เวลาไทยก็ตี 4 กว่าล่ะ ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นั้นก็คือซีนปิดท้ายพิธีเปิดของ เซลีน ดิออน
ที่ได้เอาเพลง L'Hymne à l'amour ของ Édith Piaf ศิลปินหญิงระดับตำนานในอดีตของฝรั่งเศส มาขับร้องอย่างยิ่งใหญ่ที่เวทีบนหอไอเฟล
ซึ่งผมต้องบอกเลยว่า ผมไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน และที่สำคัญ ผมแปลไม่ออก ไม่รู้ความหมายอะไรเลยสักนิด
แต่ดนตรีมันคือภาษาสากล.. ถึงภาษาฝรั่งเศสผมจะไม่กระดิก แต่ผมฟังเพลงนี้แล้วร้องไห้ มันซึ้ง มันบาดลึกเหลือเกิน
ใครจะว่าผมเว่อร์ก็เถอะ แต่มันซึ้งจัด จนหารายละเอียดถึงเพลงนี้ในทันที
ต้นฉบับครับ...
สำหรับเพลง L'Hymne à l'amour ปิยัฟ แต่งขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ความรักของเธอกับ “มาร์เซล เซอร์ดาน” นักมวยแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวท
ซึ่งทั้งคู่พบกันระหว่างที่ปิยัฟทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐเมื่อปี 1948 แต่แล้วความรักของทั้งคู่ก็จบลงด้วยความเศร้า
เมื่อเซอร์ดานเสียชีวิต จากเหตุการณ์เครื่องบินตกในปี 1949 ขณะที่กำลังเดินทางไปหาปิยัฟที่สหรัฐ ตามคำขอของเธอ
หลังจากโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นทำให้ปิยัฟจมอยู่กับความเศร้าโศกและความรู้สึกผิดเรื่อยมา
อันนี้ผมนำข้อมูลมากจากกรุงเทพธุรกิจนะครับ ..
โอ้ ที่มามันเศร้าจัด เลยหาดูว่ามีเวอร์ชั่นไหนอีกบ้าง..
มีภาษาอังกฤษด้วย ฟังดูๆๆๆ
แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Geoffrey Parsons
ขับร้องครั้งแรกโดย Vera Lynn เมื่อปี 1952 ก็คือเวอร์ชั่นที่ผมโพสลงไปด้านบนล่ะครับ
นี่คือเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ....
If You Love Me Really Love Me
If the sun should tumble from the skies ...
If the sea should suddenly run dry
If you love me really love me
Let it happen I won't care
If it seems that everything is lost
I will smile and never count the cost
If you love me really love me
Let it happen darling, I won't care
Shall I catch a shooting star
shall I bring it where you are
If you want me to I will
You can set me any task
I'll do anything you ask
If you only say you love me still
When at last our life on earth is through
I will share eternity with you
If you love me really love me
Let it happen I won't care
If you love me really love me
Let it happen darling, I won't care
ที่เด็ดกว่ามีภาษาไทยอีกต่างหาก เนื้อเพลงประพันธ์โดยครูสุรพล โทณะวณิก
ขับร้องโดยคุณสวลี ผกาพันธุ์ ในชื่อเพลงว่า ถ้ารักฉันจริง...
สุริยะจะดับสาดส่องสิ้นจากระวี
หรือรัชนีหยุดส่องสาดนภา
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเถิดหนา
ฉันคงเป็นสุขสมฤทัย
น้ำจะแห้งเดือดหยดหมดนที
โคลนเหลวไม่มี กลายเป็นเช่นผงไป
ถ้าเธอรักจริงๆทุกสิ่งไซร้
ฉันคงเป็นสุขเพราะน้ำใจของเธอ
**โลกจะแตกแยกเป็นสอง
ก็ไม่เคยจะหม่นหมอง
จะเป็นทุกข์หรือนอนคลั่งเพ้อ
มีเธอนั้นฉันสุขใจ
ไม่ต้องการมีสิ่งใด
สุขกว่าใครเมื่อยามมีเธอ
ฟ้าสว่างกระจ่างแจ่มพร่างนภา
ฉันคิดว่าจะสุขก็เพราะเธอ
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเสมอ
ฉันมีเธอเป็นสุขกว่าใครทั้งหล้า.....
โอยยย รู้ความหมายอย่างละเอียดถ่องแท้ ภาษาสละสลวยเหลือเกิน...
ร้องไห้หนักกว่าเดิม..
นี่เป็นแค่กระทู้บ่นความรู้สึกเลยล่ะครับ ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของพิธีเปิดโอลิมปิกในครั้งนี้
จากที่ผมเคยประทับใจแบบสุดๆ ย้อนไปในสมัยที่ได้ยินเพลง Hand in Hand ในโอลิมปิกที่โซลในปี 1988
และเพลง To Be Number One ในเวิลด์คัพ 1990 ที่อิตาลี
ก็ไม่มีเพลงไหนที่ทำให้ผมรู้สึกอินได้อีกเลย แม้ว่าเพลง L'Hymne à l'amour นี้ จะเป็นเพลงรัก เป็นเพลงเก่า
ไม่ได้เป็นเพลงธีมของโอลิมปิกก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึกถึงพลัง ความรัก ความเศร้า .. มันฝังในความรู้สึกมหาศาลจริงๆ ...
โคตรรักเพลงนี้เลย... ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ผมได้แชร์ความรู้สึกนะครับ ^^