สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากปรึกษา
เราคบกับสามีมานานแล้วพึ่งแต่งงานได้ปีกว่าค่ะ ตอนนี้มีลูก 1 คน
ก่อนหน้านี้สามีเรียนจบแล้วทำงานช่วยพี่สาวเค้า(รับเป็นเงินเดือน) เป็นร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์ก่อสร้าง กิจการเดิมแม่สามีเป็นคนเริ่ม แต่ทำเจ๊ง พี่สาวมาทำต่อจนธุรกิจไปได้ดี ส่วนแม่สามีกับพ่อสามีไปเปิดร้านขายข้าวสาร ส่วนสามีก็จะคอยเทียวไปมา 2 ร้านนี้ไปช่วยบริหาร(ทำมาสักพักใหญ่ค่ะ) ส่วนน้องชายแฟนเรียนจบแล้วทำงานบริษัทมาแค่ปีกว่าแล้วเบื่อ เลยลาออก แล้วสามีเลยให้น้องชายไปช่วยบริหารธุรกิจร้านข้าวสารของพ่อแม่ ส่วนสามีก็อยู่ทำงานกับพี่สาวแบบกินเงินเดือนต่อ (มีเทียวไปช่วยร้านข้าวสาร) สามีช่วยตั้งแต่เรียนจบประมาณ 3-4 ปี ส่วนน้องชายพึ่งมาช่วยร้านข้าวปีนึง
จนถึงวันที่พ่อสามีเสีย ประมาณกลางปี 65 บ้านสามีได้ทำการแบ่งมรดกกัน สามีจะได้ร้านข้าวสารเพราะเป็นลูกชายคนโต (มูลค่าร้านข้าวสารประมาณเกือบ 10 ล้าน) ส่วนน้องชายจะได้ที่สวนไป (มูลค่า 2-3 ล้าน) ปล.ร้านข้าวสารรายได้ค่อนข้างดี ลูกค้าเยอะ แต่ตอนนั้นสามียังไม่ได้คิดอะไรเยอะ เพราะยังไม่ได้แต่งงานไม่ได้มีลูก รักน้องชายเลยเสียสละยกร้านข้าวสารให้ ส่วนตัวเองเอาที่สวนไป แล้วไปลุยเปิดร้านวัสดุก่อสร้างเองที่ต่างจังหวัด พอเปิดได้ปีกว่าๆก็แต่งงานกับเราแล้วมีลูก (เราท้องก่อนแต่ง) แล้วเราลาออกจากงานไปช่วยสามีร้านวัสดุก่อสร้างที่ต่างจังหวัด แต่พอมาทำจริงทุกอย่างไม่ใช่ง่ายๆ เพราะเป็นร้านใหม่ ร้านเจ้าถิ่นที่เปิดมานานสู้เค้าไม่ได้ ประกอบกับรายจ่ายรวมค่าเช่าที่อยู่ที่หลายหมื่นต่อเดือน + ค่าลูกน้อง พอมาหักกำไรติดลบแทบทุกเดือน สามีเลยคิดจะปิดร้านแล้วจะขอน้องชายกลับไปช่วยทำร้านข้าว(แบบกงสี) แต่สิ่งที่สามีได้ยินมาคือ น้องชายไม่โอเค กลัวว่าอนาคตถ้าน้องชายมีครอบครัวจะมีปัญหา แล้วพูดว่าพอไปไม่รอดแล้วเห็นร้านข้าวสารขายดีก็จะกลับมา พอสามีได้ยินแบบนี้ก็โมโหมาก ทั้งที่คิดว่าตัวเองเสียสละออกมาลำบากให้น้องสบาย แต่พอตัวเองลำบากบ้างกลับพึ่งน้องไม่ได้
ปล. ร้านข้าวสามีมีส่วนช่วยบริหารตอนแรกก่อนน้องชายมาทำเต็มตัว รถ 6 ล้อ ตอนแรกเป็นชื่อสามีเรา พอผ่อนหมดน้องชายขอให้โอนให้เป็นชื่อน้องชาย สามีเราก็ยอมโอน (ตอนนี้สามีบอกว่าไม่น่าโอนให้เลย) ค่าเช่าที่น้องชายก็ไม่ต้องเสีย รายจ่ายก็มีแค่ค่าลูกน้อง ส่วนแม่สามีก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะคอยกันสามีเรากับน้องชายไม่ให้เจอกันเพราะกลัวทะเลาะกัน ได้แต่บอกว่าแบ่งมาแบบนี้แล้ว ได้แต่บอกให้สามีเราปล่อยวาง ตอนนี้สามีเราเครียดมากจนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับร้านวัสดุก่อสร้างต่อ ว่าจะลุยต่อหรือปิดไป แล้วก็รู้สึกไม่โอเคกับน้องชายที่ตนเองเสียเปรียบอยู่ เราก็ได้แต่ปลอบใจสามี เราเป็นคนนอกคงช่วยอะไรไม่ได้ แม่สามีเค้าก็หัวโบราณ เค้าไม่อยากให้มีปัญหาระหว่างพี่น้อง (แต่ไม่ช่วยจัดการอะไรเลย ==“) ได้แต่บอกว่าน้องพึ่งสร้างตัว เดี๋ยวน้องมีก็ไม่ลืมพี่หรอก แฟนเราได้ยินแม่พูดแบบนี้แล้วโมโหทุกที ทั้งพี่สาวกับพี่เขยแฟนเค้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่เราที่เข้าใจเค้า ในขณะที่น้องชายแฟนมีบ้าน มีรถ มีทุกอย่าง แต่สามีกับเรายังไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สินของตัวเองเลยค่ะ
ตอนนี้แฟนบอกจะทวงทุกอย่างกลับคืน อยากขอคำแนะนำค่ะว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ ถ้าสมมติมรดกที่แบ่งกันแล้ว สามารถฟ้องแบ่งกันใหม่ได้ไหมคะ
ปรึกษาค่ะสามีโอนมรดกให้น้องชาย แต่เปลี่ยนใจ ทำยังไงได้บ้างคะ
เราคบกับสามีมานานแล้วพึ่งแต่งงานได้ปีกว่าค่ะ ตอนนี้มีลูก 1 คน
ก่อนหน้านี้สามีเรียนจบแล้วทำงานช่วยพี่สาวเค้า(รับเป็นเงินเดือน) เป็นร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์ก่อสร้าง กิจการเดิมแม่สามีเป็นคนเริ่ม แต่ทำเจ๊ง พี่สาวมาทำต่อจนธุรกิจไปได้ดี ส่วนแม่สามีกับพ่อสามีไปเปิดร้านขายข้าวสาร ส่วนสามีก็จะคอยเทียวไปมา 2 ร้านนี้ไปช่วยบริหาร(ทำมาสักพักใหญ่ค่ะ) ส่วนน้องชายแฟนเรียนจบแล้วทำงานบริษัทมาแค่ปีกว่าแล้วเบื่อ เลยลาออก แล้วสามีเลยให้น้องชายไปช่วยบริหารธุรกิจร้านข้าวสารของพ่อแม่ ส่วนสามีก็อยู่ทำงานกับพี่สาวแบบกินเงินเดือนต่อ (มีเทียวไปช่วยร้านข้าวสาร) สามีช่วยตั้งแต่เรียนจบประมาณ 3-4 ปี ส่วนน้องชายพึ่งมาช่วยร้านข้าวปีนึง
จนถึงวันที่พ่อสามีเสีย ประมาณกลางปี 65 บ้านสามีได้ทำการแบ่งมรดกกัน สามีจะได้ร้านข้าวสารเพราะเป็นลูกชายคนโต (มูลค่าร้านข้าวสารประมาณเกือบ 10 ล้าน) ส่วนน้องชายจะได้ที่สวนไป (มูลค่า 2-3 ล้าน) ปล.ร้านข้าวสารรายได้ค่อนข้างดี ลูกค้าเยอะ แต่ตอนนั้นสามียังไม่ได้คิดอะไรเยอะ เพราะยังไม่ได้แต่งงานไม่ได้มีลูก รักน้องชายเลยเสียสละยกร้านข้าวสารให้ ส่วนตัวเองเอาที่สวนไป แล้วไปลุยเปิดร้านวัสดุก่อสร้างเองที่ต่างจังหวัด พอเปิดได้ปีกว่าๆก็แต่งงานกับเราแล้วมีลูก (เราท้องก่อนแต่ง) แล้วเราลาออกจากงานไปช่วยสามีร้านวัสดุก่อสร้างที่ต่างจังหวัด แต่พอมาทำจริงทุกอย่างไม่ใช่ง่ายๆ เพราะเป็นร้านใหม่ ร้านเจ้าถิ่นที่เปิดมานานสู้เค้าไม่ได้ ประกอบกับรายจ่ายรวมค่าเช่าที่อยู่ที่หลายหมื่นต่อเดือน + ค่าลูกน้อง พอมาหักกำไรติดลบแทบทุกเดือน สามีเลยคิดจะปิดร้านแล้วจะขอน้องชายกลับไปช่วยทำร้านข้าว(แบบกงสี) แต่สิ่งที่สามีได้ยินมาคือ น้องชายไม่โอเค กลัวว่าอนาคตถ้าน้องชายมีครอบครัวจะมีปัญหา แล้วพูดว่าพอไปไม่รอดแล้วเห็นร้านข้าวสารขายดีก็จะกลับมา พอสามีได้ยินแบบนี้ก็โมโหมาก ทั้งที่คิดว่าตัวเองเสียสละออกมาลำบากให้น้องสบาย แต่พอตัวเองลำบากบ้างกลับพึ่งน้องไม่ได้
ปล. ร้านข้าวสามีมีส่วนช่วยบริหารตอนแรกก่อนน้องชายมาทำเต็มตัว รถ 6 ล้อ ตอนแรกเป็นชื่อสามีเรา พอผ่อนหมดน้องชายขอให้โอนให้เป็นชื่อน้องชาย สามีเราก็ยอมโอน (ตอนนี้สามีบอกว่าไม่น่าโอนให้เลย) ค่าเช่าที่น้องชายก็ไม่ต้องเสีย รายจ่ายก็มีแค่ค่าลูกน้อง ส่วนแม่สามีก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะคอยกันสามีเรากับน้องชายไม่ให้เจอกันเพราะกลัวทะเลาะกัน ได้แต่บอกว่าแบ่งมาแบบนี้แล้ว ได้แต่บอกให้สามีเราปล่อยวาง ตอนนี้สามีเราเครียดมากจนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับร้านวัสดุก่อสร้างต่อ ว่าจะลุยต่อหรือปิดไป แล้วก็รู้สึกไม่โอเคกับน้องชายที่ตนเองเสียเปรียบอยู่ เราก็ได้แต่ปลอบใจสามี เราเป็นคนนอกคงช่วยอะไรไม่ได้ แม่สามีเค้าก็หัวโบราณ เค้าไม่อยากให้มีปัญหาระหว่างพี่น้อง (แต่ไม่ช่วยจัดการอะไรเลย ==“) ได้แต่บอกว่าน้องพึ่งสร้างตัว เดี๋ยวน้องมีก็ไม่ลืมพี่หรอก แฟนเราได้ยินแม่พูดแบบนี้แล้วโมโหทุกที ทั้งพี่สาวกับพี่เขยแฟนเค้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่เราที่เข้าใจเค้า ในขณะที่น้องชายแฟนมีบ้าน มีรถ มีทุกอย่าง แต่สามีกับเรายังไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สินของตัวเองเลยค่ะ
ตอนนี้แฟนบอกจะทวงทุกอย่างกลับคืน อยากขอคำแนะนำค่ะว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ ถ้าสมมติมรดกที่แบ่งกันแล้ว สามารถฟ้องแบ่งกันใหม่ได้ไหมคะ