ผมเป็นพนักงานเทศบาล สังกัดเทศบาลแห่งหนึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ตอนนี้ผมมีเรื่องอึดอัดใจมาก เรื่องมีอยู่ว่าผมป่วยเป็นโรคทางจิตเวชมาได้ประมาณ 5 ปี (บรรจุมาได้สักพักก็ป่วย เข้าใจว่าสาเหตุมาจากความเครียด การปรับตัวกับชีวิตทำงาน เพราะเคยทำงานอิสระมาก่อน) ผมรักษาเรื่อยมา แต่ก็ยังทำงานได้ดีอยู่ ผมรับผิดชอบงานการประเมินหน่วยงานจากองค์กรอิสระแห่งหนึ่ง ซึ่งได้คะแนนดีมาโดยตลอด และก็ทำงานหน้าที่ตามตำหน่งของตัวเอง ถึงแม้ไม่ได้เก่งมากแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
จนเมื่อต้นปี ผมต้องเสียตำแหน่งงานการประเมินหน่วยงานจากองค์กรอิสระแห่งหนึ่งไป ถูก ผอ.กองลดบทบาทให้เหลือนำเข้าข้อมูล จากแต่ก่อนที่ทำข้อมูลเองเกือบทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่ได้อยู่ในบทบาทหน้าที่ของกอง (แต่ก่อนผมอยู่กองหนึ่ง แต่หน่วยงานมีการเพิ่มกองนี้ขึ้นมา ทำให้ผมต้องย้ายไป) จนมีอยู่วันหนึ่ง ผมอยากรู้เหตุผลจึงขอพบปลัดเทศบาลเพื่อสอบถามเหตุผล แต่อยู่ ๆ นายกเทศมนตรีก็เรียกผมเข้าไป ถึงได้ทราบว่าเทศบาลตัดสินใจลดบทบาทการทำประเมินหน่วยงานจากองค์กรอิสระแห่งหนึ่ง และงานอีกงานที่ผมทำได้ดี เพราะอาการป่วยทางจิตเวชของผม ท่าน (นายกฯ) ให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้บริหารงานอย่างเดียว แต่ต้องบริหารคนด้วย ความสำเร็จที่ผมทำ เขาต้องดูถึงขั้นตอน กระบวนการที่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ไม่ได้ดูแค่ความสำเร็จอย่างเดียว ผมแปลกใจมากเพราะงานประเมินขององค์กรอิสระ ก็มีงานที่ต้องตามข้อมูลจากหน่วยงานอื่น แต่ผมก็ไม่เคยไปบีบบังคับ หรือแสดงอำนาจอะไร ก็เป็นการไปขอดี ๆ ด้วยซ้ำ (ทั้งที่รอนาน ผิดพลาด ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธหรืออะไร) และก็ทำได้ดีมาตลอด ครั้งล่าสุดนายกฯเองได้ขึ้นไปรับรางวัลด้วย
ผมรู้สึกเสียใจ น้อยใจมาก เหมือนถูกเลือกปฏิบัติ (ทั้งที่โรคจิตเวชถูกถอดออกจากการเป็นโรคต้องห้ามในการรับราชการแล้วด้วยซ้ำ) ตอนนีอยากย้ายมาก แต่ติดที่ว่าตำแหน่งของผมเปิดรับน้อย ถ้าจะมีก็เป็น อปท. ที่อยู่ไกล แต่ผมไม่สามารถไปได้เพราะต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านก็เริ่มป่วยทั้งคู่ ครั้งจะไปร้องเรียนก็ไม่มีหลักฐานอะไร เพราะทุกอย่างเป็นการสั่งด้วยวาจา ไม่มีเอกสารหลักฐานอะไรบันทึกไว้ ที่แย่กว่านั้นคือ เขาเริ่มหาคนมาทำงานในหน้าที่ตามตำแหน่งของผมจนเกือบหมด ผมได้รับผิดชอบงานที่นาน ๆ จะได้ทำสักที ผลร้ายที่อาจตามคือผมอาจไม่มีผลงานที่จะใช้ประเมินปรับเงินเดือน ทุกวันนี้มาทำงานก็เหมือมานั่งเฉย ๆ จนเพื่อร่วมงานในกองเริ่มมองผมในแง่ไม่ดีมากขึ้น ซ้ำถูกเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ช่วยในตำแหน่งผมพูดจาไม่ดี กระโชกโฮกฮากใส่อีก ตอนนี้ผมเครียดมาก แม้ว่าอาการของโรคทางจิตเวชจะดีขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดก็ส่งผลกระทบทางจิตใจไม่น้อยเช่นกัน กลัวว่าอาการจะกลับไปกำเริบอีกครั้ง
ถึงตรงนี้ผมควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ ควรจะย้าย เปลี่ยนงานเปลี่ยนตำแหน่ง ร้องเรียน หรืออะไรดี อยากขอคำแนะนำครับ
ปรึกษาปัญหาอึดอัดใจระหว่างผมกับผู้บังคับบัญชา (งานราชการ)
จนเมื่อต้นปี ผมต้องเสียตำแหน่งงานการประเมินหน่วยงานจากองค์กรอิสระแห่งหนึ่งไป ถูก ผอ.กองลดบทบาทให้เหลือนำเข้าข้อมูล จากแต่ก่อนที่ทำข้อมูลเองเกือบทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่ได้อยู่ในบทบาทหน้าที่ของกอง (แต่ก่อนผมอยู่กองหนึ่ง แต่หน่วยงานมีการเพิ่มกองนี้ขึ้นมา ทำให้ผมต้องย้ายไป) จนมีอยู่วันหนึ่ง ผมอยากรู้เหตุผลจึงขอพบปลัดเทศบาลเพื่อสอบถามเหตุผล แต่อยู่ ๆ นายกเทศมนตรีก็เรียกผมเข้าไป ถึงได้ทราบว่าเทศบาลตัดสินใจลดบทบาทการทำประเมินหน่วยงานจากองค์กรอิสระแห่งหนึ่ง และงานอีกงานที่ผมทำได้ดี เพราะอาการป่วยทางจิตเวชของผม ท่าน (นายกฯ) ให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้บริหารงานอย่างเดียว แต่ต้องบริหารคนด้วย ความสำเร็จที่ผมทำ เขาต้องดูถึงขั้นตอน กระบวนการที่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ไม่ได้ดูแค่ความสำเร็จอย่างเดียว ผมแปลกใจมากเพราะงานประเมินขององค์กรอิสระ ก็มีงานที่ต้องตามข้อมูลจากหน่วยงานอื่น แต่ผมก็ไม่เคยไปบีบบังคับ หรือแสดงอำนาจอะไร ก็เป็นการไปขอดี ๆ ด้วยซ้ำ (ทั้งที่รอนาน ผิดพลาด ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธหรืออะไร) และก็ทำได้ดีมาตลอด ครั้งล่าสุดนายกฯเองได้ขึ้นไปรับรางวัลด้วย
ผมรู้สึกเสียใจ น้อยใจมาก เหมือนถูกเลือกปฏิบัติ (ทั้งที่โรคจิตเวชถูกถอดออกจากการเป็นโรคต้องห้ามในการรับราชการแล้วด้วยซ้ำ) ตอนนีอยากย้ายมาก แต่ติดที่ว่าตำแหน่งของผมเปิดรับน้อย ถ้าจะมีก็เป็น อปท. ที่อยู่ไกล แต่ผมไม่สามารถไปได้เพราะต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านก็เริ่มป่วยทั้งคู่ ครั้งจะไปร้องเรียนก็ไม่มีหลักฐานอะไร เพราะทุกอย่างเป็นการสั่งด้วยวาจา ไม่มีเอกสารหลักฐานอะไรบันทึกไว้ ที่แย่กว่านั้นคือ เขาเริ่มหาคนมาทำงานในหน้าที่ตามตำแหน่งของผมจนเกือบหมด ผมได้รับผิดชอบงานที่นาน ๆ จะได้ทำสักที ผลร้ายที่อาจตามคือผมอาจไม่มีผลงานที่จะใช้ประเมินปรับเงินเดือน ทุกวันนี้มาทำงานก็เหมือมานั่งเฉย ๆ จนเพื่อร่วมงานในกองเริ่มมองผมในแง่ไม่ดีมากขึ้น ซ้ำถูกเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ช่วยในตำแหน่งผมพูดจาไม่ดี กระโชกโฮกฮากใส่อีก ตอนนี้ผมเครียดมาก แม้ว่าอาการของโรคทางจิตเวชจะดีขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดก็ส่งผลกระทบทางจิตใจไม่น้อยเช่นกัน กลัวว่าอาการจะกลับไปกำเริบอีกครั้ง
ถึงตรงนี้ผมควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ ควรจะย้าย เปลี่ยนงานเปลี่ยนตำแหน่ง ร้องเรียน หรืออะไรดี อยากขอคำแนะนำครับ