มองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน ควรปล่อยวาง หรือพยายามยื้อต่อไป (ผู้ป่วยซึมเศร้า)

เรากับแฟนคบกันมา 7 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้อายุอยู่ในช่วง 30 ต้นๆ ด้วยกันทั้งคู่
พวกเราไม่เคยมีแผนที่จะแต่งงานกันค่ะ เพราะเคยคุยกันแล้วว่าไม่อยากมีลูก และไม่ได้รู้สึกว่าสถานะทางกฎหมายมีความสำคัญอะไร ณ ตอนนี้ 
เรื่องเงินทองก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันค่ะ ถ้าอะไรใช้ร่วมกันก็หารครึ่ง ส่วนไหนของส่วนตัวก็ไม่ก้าวก่ายเงินกันค่ะ ถือว่าเงินใครเงินมัน
ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไรรุนแรงกัน มีอะไรก็เหมือนจะเคลียร์กันได้ตลอด

แต่ช่วงปีนึงที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่หนักอยู่ค่ะ มีทั้งที่เราต่างคนต่างเจอ และเจอร่วมกันที่ทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป
ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ตัวเราเริ่มเจอปัญหาในที่ทำงาน ทำให้อารมณ์โดยรวมไม่สดใสเท่าไหร่ ประกอบกับตอนนั้นมีเรื่องต้องใช้เงินเยอะ (เงินเก็บค่ะ ไม่ได้ต้องหยิบยืมใคร) ทำให้เกิดความเครียดขึ้นมาบ้าง แต่เรื่องเงินหลังจากนั้นไม่ได้ติดอะไรค่ะ เราก็ทำงานหาเก็บเงินไปคืนกองเงินเก็บของเราต่อไป

ส่วนแฟนเราก็มีปัญหาในที่ทำงานเหมือนกัน แต่เป็นปัญหาสะสมมาตั้งแต่เขาเริ่มงานที่นี่ร่วม 4-5 ปีแล้วค่ะ เขามักจะมาบ่นกับเราเมื่อเขาเครียดจากงาน เรามักจะบอกเขาว่าถ้ามันแย่ขนาดนั้นก็ควรหางานใหม่ แต่เขาบอกว่าเขารักในเนื้องานที่ทำอยู่ค่ะ แต่ติดปัญหาที่คนที่ทำงานด้วย ซึ่งเราก็บอกหลายครั้งว่าให้ชั่งน้ำหนักดีๆ เอาสุขภาพจิตไปเสี่ยงมันไม่คุ้ม

แต่ยิ่งนานไปเหมือนยิ่งแย่ เราเริ่มเห็นว่าเขาพฤติกรรมเปลี่ยน+อารมณ์สวิง ตั้งแต่ช่วงกลางๆค่อนท้ายปีที่แล้ว แฟนเราก็เข้าไปรับการรักษา รับยาสำหรับโรคซึมเศร้า คลายความกังวลอะไรประมาณนี้ค่ะ ซึ่งเราไม่ติดอะไร ในฐานะแฟนเราก็เตือนให้เขากินยาสม่ำเสมอ แต่อาการก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายค่ะ ขึ้นกับว่าเขาเจอเรื่องเครียดอะไรมากระตุ้น ตัวเราที่อยู่ข้างๆ ก็เหนื่อยค่ะ ต้องรับมือกับอารมณ์ที่สวิงของเขา จนเราก็เครียด เราทะเลาะกันบ่อยเพราะเรื่องนี้มากๆ เพราะเราไม่รู้ต้องจัดการยังไง ทำอะไรก็ผิดไปหมด

ล่าสุดไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราถูกเลย์ออฟจากงานค่ะ แต่ไม่ได้ติดอะไรมาก เพราะตอนนี้เราได้ offer ทำงานที่ใหม่ในออสเตรเลีย แต่ก็มีขั้นตอนการขอวีซ่าใดๆ ที่ต้องใช้เวลาคาดว่าอีก 3-4 เดือนต่ำๆก่อนจะย้ายไป เราถามเขาว่าอยากไปด้วยกันไหม แต่เขาก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เราไม่อยากเพิ่มความเครียดให้เขาจึงไม่ได้เร่งนัดเอาคำตอบอะไร ประกอบกับเป็นช่วงที่ทำงานเขาเดือดๆ ด้วย ทำให้อาการเขาทริกเกอร์ เขาเลยหาวิธีจัดการใหม่ค่ะ โดยการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ออกไปออกกำลังกาย 3-4 ชั่วโมง/วัน หลังเลิกงาน ซึ่งมันช่วยเรื่องสภาพจิตของเขาได้ดีจริงๆ นะ แต่ก็กลายเป็นว่าเรากับเขาไม่มีเวลาร่วมกันเลย แม้แต่เวลาจะพูดคุยกันต่อวันยังแทบไม่มี เพราะหมดไปกับการที่เขาออกกำลังกายและใช้เวลาพักผ่อนของตัวเอง

เราอยากจะคุยกับเขาบ้าง ว่าจะเราจะเอายังไงกันดีเรื่องย้ายไปด้วยกัน เพราะเราต้องวางแผนทั้งเรื่องหาบ้านเช่าและอื่นๆ แต่แฟนเราก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เขายังถามเรากลับ ในเชิงว่า จะได้งานนั้นแน่นอนจริงหรอ? ทั้งที่เราเซ็นสัญญาไปแล้ว และเริ่มเตรียมเอกสารกับ visa agent แล้ว
เราเข้าใจว่าแฟนเราเขาพูดในเชิงว่า อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จนทำให้เราไม่ได้ไปก็ได้
แต่เราก็รู้สึกว่า แล้วมันผิดอะไรถ้าเราจะวางแผนไว้ก่อน? ในเมื่อตอนนี้โอกาสมาแล้วเราก็คว้าไว้

เราเข้าใจว่าการที่เขาต้องย้ายตามเราไปมันยากค่ะ ทั้งเรื่องการหางาน การใช้ชีวิตใดๆ ซึ่งเรารับรู้ค่ะ และเราย้ำกับเขาเสมอว่าเราไม่ได้บังคับให้เขาออกจากงาน เพราะเรารู้ว่าการหางานใหม่มันยาก แต่สิ่งที่เราต้องการอยากคุยกันคือ หาโอกาสให้เขาได้ลองไปใช้ชีวิต ลองทำงาน ที่นั่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าหลังจากลองแล้วมันไม่เวิร์ค หรืออย่างไร เราก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตที่ไทยได้เหมือนเดิมอยู่ดี

ล่าสุดจริงๆ เราทะเลาะกันอย่างหนักค่ะ ด้วยหลายๆเรื่องผสมกัน เขาย้ายออกไปทันที มีคำถามหนึ่งที่เขาถามเรากลับมาว่า แล้วทำไมเราไม่เลือกที่จะหางานที่ไทยเพื่อจะได้อยู่ที่นี่ต่อกับเขาบ้าง เขาอยากสร้างธุรกิจส่วนตัวที่นี่ ณ ตอนที่ทะเลาะกัน เราจำไม่ได้ค่ะว่ามันมีคำตอบมั้ย แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เราไม่ได้คิดจะย้ายประเทศถาวร เพราะเราก็ไม่รู้อนาคต แต่ในเมื่อมีโอกาสมา เราก็อยากลองดูซักตั้ง ไม่ไหวก็กลับมาบ้านที่ไทยแค่นั้น

ตอนนี้เราเหนื่อยมากจริงๆ ค่ะ เราไม่รู้ว่าควรปล่อยวางแล้วเดินหน้าต่อไป หรือพยายามจะยื้อความสัมพันธ์ไว้ต่อไปดี
สถานะความสัมพันธ์ตอนนี้ก็ยังงงๆ ค่ะ เพราะไม่มีคำว่าเลิก หรือคำว่าจบออกมา หรือจริงๆ มีแค่เราที่ยังงง แต่สำหรับเขามันจบไปแล้วก็ไม่แน่ใจ
เราเหนื่อยเกินกว่าจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทะเลาะกันแล้วห่างกันไปแบบนี้
ตั้งแต่เขาเริ่มมีอาการของโรคทางสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ของเรามันไม่เหมือนเดิม และไม่สามารถคุยกันได้อย่างสงบสุขเลยค่ะ
เขาบอกเราหลายครั้งว่าเราไม่เคยเข้าใจผู้ป่วยโรคนี้เลย ซึ่งเราก็ยอมรับค่ะ มันเข้าใจยากจริงๆ และเราไม่รู้ควรต้องทำยังไงด้วย

เรารู้สึกว่าเราทำทุกอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เรามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าด้วยกันแล้ว แต่รู้สึกไม่ได้รับความร่วมมือเลย
แม้แต่ความรู้สึกทางใจว่า เราจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เรายังไม่สามารถสัมผัสมันได้เลยค่ะ
เราควรตัดสินใจอย่างไรต่อไปดี

** ขออนุญาตติดแท็ก โรคซึมเศร้า / สุขภาพจิต ด้วยคะ
เพราะเราอยากทราบคำแนะนำในการพูดคุย อยู่ร่วมกับผู้ป่วยด้วย เราจนปัญญาแล้วค่ะ
ควรตามใจผู้ป่วยทุกอย่าง ห้ามขัดแย้งกับผู้ป่วยทุกอย่างหรอคะ

เพิ่มเติมคือ เราไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าสิ่งที่แฟนเป็นคือโรคซึมเศร้าหรือไม่ เพราะไม่เคยได้รับการคอนเฟิร์มการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าจากแพทย์ที่แฟนไปหาค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีปฏิบัติโดยปกติอยู่แล้วว่า โรคทางสุขภาพจิตมันไม่สามารถวินิจฉัยเฉพาะเจาะจงได้ หรือเป็นเพราะแพทย์ที่เข้าพบไม่ได้เป็นแพทย์เฉพาะทางทางจิตเวช เพราะเป็นการเข้าพบผ่านประกันสังคมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแฟนได้รับยา 2 ตัว เป็น Fluoxetine ทานหลังอาหารเช้า และ Clonazepam ทานก่อนนอนทุกวันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่