ผมตั้งกระทู้นี้มาเพื่อสนทนาเชิง DEBATE กับ คุณ สมาชิกหมายเลข 3402001 ในเรื่อง
1. ทำไมคุณจึงเชื่อว่า "นิพพานเป็นเรื่องจริง" และทราบได้อย่างไร?
2. ทำไมผมจึงเชื่อว่า "พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) มีจริง และทราบได้อย่างไร?
เนื่องจากสมาชิกพุทธศาสนิกผู้นี้ ได้ล้อเลียนผู้ที่มีศรัทธาต่อพระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) และศาสนาอิสลามตลอดมา ไม่ว่าผมหรือมุสลิมผู้ใดตั้งกระทู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ในTAG ศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะ สมาชิกหมายเลข 3402001 จะต้องนำภาพ ข้างล่างนี้มาล้อเลียน ผู้ที่ศรัทธาต่อพระเจ้า โดยเฉพาะกระทู้ของผมและกระทู้ศาสนาอิสลามเสมอ โดยเขียนว่า "
ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพระองค์ มีแต่ความลุ่มหลง" ผมก็ทราบว่า เป็นเนื้อเพลง และไม่คิดอะไรมาก สมาชิกผู้นี้ก็พยายามทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมเลยเข้าใจว่านายคนนี้ไม่มีมารยาทสังคมที่ดี
ผมจึงตั้งกระทู้อธิบายว่าผมนับถือและศรัทธาในพระเจ้าอย่างไร ผมกราบไหว้สิ่งที่มองไม่เห็นก็จริง แต่มุสลิม มีความศรัทธาในพระเจ้าผู้สร้าง แรกๆผมก็อยากศึกษาพุทธศาสนาให้เข้าใจเหตุผลทางศาสนา แต่ระยะหลังๆ เมื่อการล้อเลียนและการแทรกแซงศาสนาอิสลามมากขึ้น ผมจึงตั้งกระทู้นำคำสอนดีๆทางจรรยาธรรมของพระพุทธองค์มา เตือนใจพุทธสมาชิกที่ ไม่มีมารยาท กับหลักความศรัทธาของมุสลิม โดยที่ผมไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น
การล้อเลียนและการดูหมิ่นศาสนาอิสลามหนักมากขึ้น ผมเลยเชิญชวนให้มีการ DEBATE
1. ทำไมคุณจึงเชื่อว่า "นิพพานเป็นเรื่องจริง" และทราบได้อย่างไร?
2. ทำไมผมจึงเชื่อว่า "พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) มีจริง และทราบได้อย่างไร?
โดยไม่ต้องใช้ การอ้างอิงจากพระสูตร์หรืออัลกุรอาน ให้ใช้สติปัญญาและเหตุผลส่วนตัวเท่านั้น เพราะทั้งพุทธศาสนาและศาสนาอิสลามสอนให้ผู้ศรัทธาใช้ปัญญาในการเชื่อ (ศรัทธา) ความจริงไม่เรียกว่า Debate แต่เป็นการแสดงเหตุผล และถ้าสงสัยก็ถามกันอย่างสุภาพ โดยไม่มีการล่วงเกินความศรัทธาของกันและกัน ซึ่งวิธีนี้ดีกว่าการเป็น ลูกอีแอบ กระแหนะกระแหนกัน ดูถูกความศรัทธาของกันและกัน แต่จะเป็นการสนทนาระหว่าง ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เชื่อใน"พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่)" กับ ผู้ที่นับถือพุทธศาสนา (ศาสนาแห่งการใช้สติปัญญา/ศาสนาวิทยาศาสตร์)
คุณ สมาชิกหมายเลข 3402001
ผมถามคุณๆควรตอบ
คำตอบแรกคุณตอบว่า;
"ผมกราบไหว้
บรรพบุรุษ ไหว้ คุณงามความดี ที่มีต่อผมและประเทศชาติ ท่านเหล่านั้น อาจเป็นเทวดา หรือกำลังลำบากในทุคติภูมิ ก็ขอให้ได้รับส่วนบุญที่ผมทำ ครับ!"
...................................
ผมถามคุณต่อว่า; "เทวดาคือใคร? คุณพิสูจน์ได้ไหม? ว่าเทวดามีจริง?
แสดงว่า
คุณกราบไหว้ลมๆ แล้งๆ งมงาย ลุ่มหลงไม่มีเหตุผล ใช่ไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดแรกในการสร้างปัญญาของคำสอนระดับสูงก็คือเรื่องความเชื่อ โดยพระพุทธเจ้าได้วางหลักในการสร้างความเชื่อไว้โดยสรุปดังนี้๑. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ได้ยินได้ฟังมา
๒. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ
๓. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า กำลังล่ำลือกันอยู่อย่างกระฉ่อน
๔. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า มีบันทึกไว้ในตำรา
๕. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า คาดเดาตามสามัญสำนึก
๖. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า คาดคะเนตามเหตุที่แวดล้อม
๗. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า การตรึกตรองตามหลักเหตุผล
๘. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า เข้ากันได้กับความเห็นที่เรามีอยู่ก่อนแล้ว
๙. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดนั้นดูภายนอกมีความน่าเชื่อถือ
๑๐. อย่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดนี้คือครูอาจารย์ที่เรานับถือ
หลักการสร้างความเชื่อที่ถูกต้องก็คือ เมื่อเราได้เรียนรู้คำสอนใดมา ขั้นต้นเราก็ต้องนำมาพิจารณาไตร่ตรองดูก่อนว่ามีประโยชน์หรือมีโทษ ถ้าเห็นว่ามีโทษ ก็ให้ละทิ้งเสีย แต่ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ก็ให้นำเอามาทดลองปฏิบัติดูก่อน ถ้าปฏิบัติตามอย่างเต็มความสามารถแล้วก็ยังไม่บังเกิดผล ก็ให้ละทิ้งอีกเหมือนกัน แต่ถ้าปฏิบัติตามแล้วบังเกิดผลจริง จึงค่อยเชื่อและรับเอาไปปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไป
จุดสำคัญหลักความเชื่อนี้เราต้องเข้าใจว่า “ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ศึกษาคำสอนใดเลย” คือเราสามารถศึกษาคำสอนของใครๆก็ได้ทั้งสิ้น คือให้เอาคำสอนนั้นมาไตร่ตรองพิจารณาก่อน ถ้าเห็นว่าไม่มีโทษและมีประโยชน์ ก็ให้นำเอามาทดลองปฏิบัติดูก่อน เมื่อได้ผลจึงค่อยเชื่อ แต่ถ้าไม่ได้ผลก็อย่าเชื่อ อย่างเช่น คำสอนที่ว่า เมื่อจิตเกิดกิเลส (คืออยากได้ หรืออยากทำลาย หรือลังเลใจ) ขึ้นเมื่อใด จิตก็จะเกิดความเร่าร้อนทรมาน หรือเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที แต่ถ้าเมื่อใดที่จิตไม่มีกิเลส จิตก็จะสงบเย็น (นิพพาน-ทุกข์ดับ) เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราสังเกตจากจิตของเราจริงๆแล้วก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราก็เชื่อได้ว่าคำสอนนี้ถูกต้อง ส่วนคำสอนที่ว่าถ้าหมดกิเลสแล้วตายไปจึงจะนิพพานนั้น เราไม่สามารถพิสูจน์หรือพบเห็นได้จริงในปัจจุบันเราก็อย่าเชื่อ หรืออย่าสนใจ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่เราในปัจจุบัน ถ้าเราเชื่อและมัวลุ่มหลงปฏิบัติตาม โดยหวังว่าจะได้นิพพานเมื่อตายไปแล้ว ก็ย่อมที่จะทำให้เรายังคงมีทุกข์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งความเชื่อเช่นนี้จัดว่ามีโทษอย่างยิ่ง
คำถามคำตอบในเรื่องการกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุษจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ในการสนทนาตามหัวข้อดังกล่าว ถ้า คุณสมาชิกหมายเลข 3402001 รับคำเชิญของผม ก็เชิญเริ่มได้เลยครับ หรือถ้าจะให้ผมเริ่มก่อนก็กรุณาเข้ามาบอกให้ทราบด้วย
1. ทำไมคุณจึงเชื่อว่า "นิพพาน"และ "พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่)" มีจริงและ ทราบได้อย่างไร?
1. ทำไมคุณจึงเชื่อว่า "นิพพานเป็นเรื่องจริง" และทราบได้อย่างไร?
2. ทำไมผมจึงเชื่อว่า "พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) มีจริง และทราบได้อย่างไร?
เนื่องจากสมาชิกพุทธศาสนิกผู้นี้ ได้ล้อเลียนผู้ที่มีศรัทธาต่อพระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) และศาสนาอิสลามตลอดมา ไม่ว่าผมหรือมุสลิมผู้ใดตั้งกระทู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ในTAG ศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะ สมาชิกหมายเลข 3402001 จะต้องนำภาพ ข้างล่างนี้มาล้อเลียน ผู้ที่ศรัทธาต่อพระเจ้า โดยเฉพาะกระทู้ของผมและกระทู้ศาสนาอิสลามเสมอ โดยเขียนว่า "ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพระองค์ มีแต่ความลุ่มหลง" ผมก็ทราบว่า เป็นเนื้อเพลง และไม่คิดอะไรมาก สมาชิกผู้นี้ก็พยายามทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมเลยเข้าใจว่านายคนนี้ไม่มีมารยาทสังคมที่ดี
ผมจึงตั้งกระทู้อธิบายว่าผมนับถือและศรัทธาในพระเจ้าอย่างไร ผมกราบไหว้สิ่งที่มองไม่เห็นก็จริง แต่มุสลิม มีความศรัทธาในพระเจ้าผู้สร้าง แรกๆผมก็อยากศึกษาพุทธศาสนาให้เข้าใจเหตุผลทางศาสนา แต่ระยะหลังๆ เมื่อการล้อเลียนและการแทรกแซงศาสนาอิสลามมากขึ้น ผมจึงตั้งกระทู้นำคำสอนดีๆทางจรรยาธรรมของพระพุทธองค์มา เตือนใจพุทธสมาชิกที่ ไม่มีมารยาท กับหลักความศรัทธาของมุสลิม โดยที่ผมไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น
การล้อเลียนและการดูหมิ่นศาสนาอิสลามหนักมากขึ้น ผมเลยเชิญชวนให้มีการ DEBATE
1. ทำไมคุณจึงเชื่อว่า "นิพพานเป็นเรื่องจริง" และทราบได้อย่างไร?
2. ทำไมผมจึงเชื่อว่า "พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่) มีจริง และทราบได้อย่างไร?
โดยไม่ต้องใช้ การอ้างอิงจากพระสูตร์หรืออัลกุรอาน ให้ใช้สติปัญญาและเหตุผลส่วนตัวเท่านั้น เพราะทั้งพุทธศาสนาและศาสนาอิสลามสอนให้ผู้ศรัทธาใช้ปัญญาในการเชื่อ (ศรัทธา) ความจริงไม่เรียกว่า Debate แต่เป็นการแสดงเหตุผล และถ้าสงสัยก็ถามกันอย่างสุภาพ โดยไม่มีการล่วงเกินความศรัทธาของกันและกัน ซึ่งวิธีนี้ดีกว่าการเป็น ลูกอีแอบ กระแหนะกระแหนกัน ดูถูกความศรัทธาของกันและกัน แต่จะเป็นการสนทนาระหว่าง ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เชื่อใน"พระเจ้า (มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่)" กับ ผู้ที่นับถือพุทธศาสนา (ศาสนาแห่งการใช้สติปัญญา/ศาสนาวิทยาศาสตร์)
ผมถามคุณๆควรตอบ
คำตอบแรกคุณตอบว่า;
"ผมกราบไหว้ บรรพบุรุษ ไหว้ คุณงามความดี ที่มีต่อผมและประเทศชาติ ท่านเหล่านั้น อาจเป็นเทวดา หรือกำลังลำบากในทุคติภูมิ ก็ขอให้ได้รับส่วนบุญที่ผมทำ ครับ!"
...................................
ผมถามคุณต่อว่า; "เทวดาคือใคร? คุณพิสูจน์ได้ไหม? ว่าเทวดามีจริง?
แสดงว่า คุณกราบไหว้ลมๆ แล้งๆ งมงาย ลุ่มหลงไม่มีเหตุผล ใช่ไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถามคำตอบในเรื่องการกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุษจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ในการสนทนาตามหัวข้อดังกล่าว ถ้า คุณสมาชิกหมายเลข 3402001 รับคำเชิญของผม ก็เชิญเริ่มได้เลยครับ หรือถ้าจะให้ผมเริ่มก่อนก็กรุณาเข้ามาบอกให้ทราบด้วย