เรื่องนี้พ่อผมเล่าให้ฟัง
สมัยหนุ่มๆพ่อผมเป็นพรานป่าอยู่แถวสระแก้วติดกับชายแดนเขมร พ่อท่านเล่าว่าวันนั้นก็เข้าป่าตามปกติ
แต่จะเข้าไปแบบข้ามฝั่งไปฝั่งเขมร แถวนั้นมีภูเขาลูกนึงคนไทยแถวนั้นเรียกว่าเขาฝรั่งตก (เขาลูกนี้มีเรื่องเล่าเยอะเดี๋ยวผมเล่าแยก) พ่อผมไปคนเดียวกับ ปืนแก๊ปยาวคู่ใจ แกเดินเขาป่าตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหัวค่ำ แกว่าพอใกล้ค่ำ แกก็ก่อกองไฟแล้วเอาเปลมาผูกใกล้ๆกองไฟพอฟ้ามืดแกก็เอาปืนมาไว้ใกล้ตัวนอนฟังเสียงสัตว์ กะว่ามีเสียงร้องเมื่อไหร่แกจะวิ่งไปยิงทันที เพราะแกไม่นอนถ้าไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่แล้วก็มีเสียงคนคุยกันดังขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศแกฟังไม่ออก แกเลยรีบดับไฟ แล้วรีบแก้เปลก่อนจะพยายามออกให้ห่างจากเสียงคน เพราะแกกลัวว่าจะเป็นพวกเจ้าหน้าที่หรือใครแถมถ้ามีคนอยู่ใกล้ก็ไม่มีสัตว์เข้ามา แต่แกก็อดสงสัยไม่ได้เพราะจุดที่แกเข้ามาไม่มีทางที่จะเดินเข้ามาได้ง่ายๆ ทางที่พรานใช้มันจะเป็นทางที่เดินยากมาเพราะพรานลัดเลาะไปทั่ว พอแกเดินห่างออกมาสักระยะแกบอกว่าตกใจมากเพราะมันมีรอยทางกวียนที่ใช้วัวลากกับรอยเท่าวัวอยู่ตรงหน้าแก แกสงสัยมากแต่สมัยนั้นมันมีเกวียนรากไม้จากเขมรเข้าไทยเยอะ แกก็เลยคิดว่าเป็นพวกขนไม้ก็เลยเดินตามรอยไปเพราะมันดูเป็นรอยใหม่แกว่าจะไปหา
พวกขนไม้เพราะแกเข้าป่าบ่อยเลยพอรู้จัก แกบอกแกหิวเล่าเลยตามรอยไปเพราะกลางคืนพวกขนไม้คงหาที่พักกันแล้ว แกตามรอยไปไม่นานก็เห็นแสงจากกองไฟอยู่ไกลกับเสียงคุยกัน แกก็หมั่นใจเดินเข้าไปแต่พอไปถึง แกเห็นฟรั่ง2-3คนนั่งคุยกันกับคนนำทางชาวเขมรที่กำลังผูกวัวที่ใช้ลากเกวียนกับต้นไม้ใกล้ ฝรั่งพวกนั้นมองมาที่พ่อผมก่อนจะพูดอะไรออกมาแกก็ไม่เข้าใจ จนเขมรที่นำทางมา เดินมาบอกพ่อผมว่า"เกจ่องบานเติก"แปลว่า เขาอยากกินน้ำ พ่อผมก็เลยงง ทำไมมาขอน้ำพวกเขาไม่มีหรอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะพ่อผมฟังภาษาเขมรออก ก็เลยเอาน้ำกินในย่ามสะพายให้ เขมรคนนั้นพูดบอกว่าดีแล้วที่ให้ ก่อนวิ่งเอาน้ำไปให้ ฝรั่ง2-3คนนั้นมองน้ำก่อนหยิบของในกระเป๋า ออกมาแล้วให้เขมรที่วิ่งเอาน้ำไปให้มาให้พ่อผม พอเขมรคนนั้นเอามามันเป็นถุงผ้าเก่าๆที่ใส่อะไรไว้ข้างในแกไม่ได้เปิดดู เขมรคนนั้นพูดขึ้นโชคดีนะที่ให้น้ำกับพวกนี้ แล้วบอกให้พ่อผมรีบเดินออกแล้วอจ่าหั่นกลับมา ต่อให้หั่นกลับมาก็จะไม่เจออะไร พ่อผมงงแต่ก็ทำตามแกรู้สึกว่ามันไม่ปกติเพราะมือของเขมรคนนั้นเย็นมากน้ำเสียงก็เย็นแข่งๆ กองไปที่ดูจะลุกแรงแต่ก็ไม่รู้สึกถึงความร้อน แกหันหลังเดินออกมาในมือถึงถุงที่ใส่อะไรไว้ก็ไม่รู้ แต่พอเดินออกมาได้ริดหน่อย รอยเกวียนที่แกเห็นว่าใหม่ๆ ก็ค่อยๆจางกับแสงไฟจากกองไฟค่อยๆหายไปทั้งที่พึ่งเดินออกมาไม่กี่ก้าว แกตกใจมากก่อนหันกลับไปสิ่งที่เห็นคือป่ามืดกับแสงที่หายไปแกส่องไฟดูที่เท่ารอยเกวียนที่แกเห็นว่าใหม่ๆอยู่กลับกลายเป็นรอยเกวียนที่เหมือนไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานานมากแล้วมีต้นไม้ต้นหญ้าเกิดเต็มไปหมด แกรีบยถุงในมือขึ้นมาดู ถุงนั้นยังอยู่แกรีบเปิดดู ข้างถุงผ้าสิ่งที่เจอคือ พลอย 3-4 ก้อน แกรีบยกมือไหว้แล้วรีบออกจากป่า กลับบ้านแล้วเล่าให้ย่าฟังย่าเลยบอกว่า มันคือคาราวานของพวกฝรั่งที่แต่ก่อนชอบมาขุดทองที่เขาฝรั่งตกแต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว พ่อผมก็เลยเรียกว่า คารทวารให้โชค
เจอ คาราวาน ให้โชคกลางป่าตอนกลางคืน
สมัยหนุ่มๆพ่อผมเป็นพรานป่าอยู่แถวสระแก้วติดกับชายแดนเขมร พ่อท่านเล่าว่าวันนั้นก็เข้าป่าตามปกติ
แต่จะเข้าไปแบบข้ามฝั่งไปฝั่งเขมร แถวนั้นมีภูเขาลูกนึงคนไทยแถวนั้นเรียกว่าเขาฝรั่งตก (เขาลูกนี้มีเรื่องเล่าเยอะเดี๋ยวผมเล่าแยก) พ่อผมไปคนเดียวกับ ปืนแก๊ปยาวคู่ใจ แกเดินเขาป่าตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหัวค่ำ แกว่าพอใกล้ค่ำ แกก็ก่อกองไฟแล้วเอาเปลมาผูกใกล้ๆกองไฟพอฟ้ามืดแกก็เอาปืนมาไว้ใกล้ตัวนอนฟังเสียงสัตว์ กะว่ามีเสียงร้องเมื่อไหร่แกจะวิ่งไปยิงทันที เพราะแกไม่นอนถ้าไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่แล้วก็มีเสียงคนคุยกันดังขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศแกฟังไม่ออก แกเลยรีบดับไฟ แล้วรีบแก้เปลก่อนจะพยายามออกให้ห่างจากเสียงคน เพราะแกกลัวว่าจะเป็นพวกเจ้าหน้าที่หรือใครแถมถ้ามีคนอยู่ใกล้ก็ไม่มีสัตว์เข้ามา แต่แกก็อดสงสัยไม่ได้เพราะจุดที่แกเข้ามาไม่มีทางที่จะเดินเข้ามาได้ง่ายๆ ทางที่พรานใช้มันจะเป็นทางที่เดินยากมาเพราะพรานลัดเลาะไปทั่ว พอแกเดินห่างออกมาสักระยะแกบอกว่าตกใจมากเพราะมันมีรอยทางกวียนที่ใช้วัวลากกับรอยเท่าวัวอยู่ตรงหน้าแก แกสงสัยมากแต่สมัยนั้นมันมีเกวียนรากไม้จากเขมรเข้าไทยเยอะ แกก็เลยคิดว่าเป็นพวกขนไม้ก็เลยเดินตามรอยไปเพราะมันดูเป็นรอยใหม่แกว่าจะไปหา
พวกขนไม้เพราะแกเข้าป่าบ่อยเลยพอรู้จัก แกบอกแกหิวเล่าเลยตามรอยไปเพราะกลางคืนพวกขนไม้คงหาที่พักกันแล้ว แกตามรอยไปไม่นานก็เห็นแสงจากกองไฟอยู่ไกลกับเสียงคุยกัน แกก็หมั่นใจเดินเข้าไปแต่พอไปถึง แกเห็นฟรั่ง2-3คนนั่งคุยกันกับคนนำทางชาวเขมรที่กำลังผูกวัวที่ใช้ลากเกวียนกับต้นไม้ใกล้ ฝรั่งพวกนั้นมองมาที่พ่อผมก่อนจะพูดอะไรออกมาแกก็ไม่เข้าใจ จนเขมรที่นำทางมา เดินมาบอกพ่อผมว่า"เกจ่องบานเติก"แปลว่า เขาอยากกินน้ำ พ่อผมก็เลยงง ทำไมมาขอน้ำพวกเขาไม่มีหรอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะพ่อผมฟังภาษาเขมรออก ก็เลยเอาน้ำกินในย่ามสะพายให้ เขมรคนนั้นพูดบอกว่าดีแล้วที่ให้ ก่อนวิ่งเอาน้ำไปให้ ฝรั่ง2-3คนนั้นมองน้ำก่อนหยิบของในกระเป๋า ออกมาแล้วให้เขมรที่วิ่งเอาน้ำไปให้มาให้พ่อผม พอเขมรคนนั้นเอามามันเป็นถุงผ้าเก่าๆที่ใส่อะไรไว้ข้างในแกไม่ได้เปิดดู เขมรคนนั้นพูดขึ้นโชคดีนะที่ให้น้ำกับพวกนี้ แล้วบอกให้พ่อผมรีบเดินออกแล้วอจ่าหั่นกลับมา ต่อให้หั่นกลับมาก็จะไม่เจออะไร พ่อผมงงแต่ก็ทำตามแกรู้สึกว่ามันไม่ปกติเพราะมือของเขมรคนนั้นเย็นมากน้ำเสียงก็เย็นแข่งๆ กองไปที่ดูจะลุกแรงแต่ก็ไม่รู้สึกถึงความร้อน แกหันหลังเดินออกมาในมือถึงถุงที่ใส่อะไรไว้ก็ไม่รู้ แต่พอเดินออกมาได้ริดหน่อย รอยเกวียนที่แกเห็นว่าใหม่ๆ ก็ค่อยๆจางกับแสงไฟจากกองไฟค่อยๆหายไปทั้งที่พึ่งเดินออกมาไม่กี่ก้าว แกตกใจมากก่อนหันกลับไปสิ่งที่เห็นคือป่ามืดกับแสงที่หายไปแกส่องไฟดูที่เท่ารอยเกวียนที่แกเห็นว่าใหม่ๆอยู่กลับกลายเป็นรอยเกวียนที่เหมือนไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานานมากแล้วมีต้นไม้ต้นหญ้าเกิดเต็มไปหมด แกรีบยถุงในมือขึ้นมาดู ถุงนั้นยังอยู่แกรีบเปิดดู ข้างถุงผ้าสิ่งที่เจอคือ พลอย 3-4 ก้อน แกรีบยกมือไหว้แล้วรีบออกจากป่า กลับบ้านแล้วเล่าให้ย่าฟังย่าเลยบอกว่า มันคือคาราวานของพวกฝรั่งที่แต่ก่อนชอบมาขุดทองที่เขาฝรั่งตกแต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว พ่อผมก็เลยเรียกว่า คารทวารให้โชค