source:
https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/speak-every-district/601998?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3S94l4V3tCz4qBd5XyXJQSsr_WCXokVfFC-ubJYltf7hy5sTtZ-YK1e5Q_aem_yGVcDuIyx9EWTE3Ek3CBFQ#google_vignette
ปัจจุบัน EA มีธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือ กำลังการผลิตรวม 664 MW แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 278 MW และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 386 MW
โดยแบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “หาดกังหัน” จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึง จังหวัดสงขลา จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 MW และ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “หนุมาน” จังหวัดชัยภูมิ อีก 5 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตรวม 260 MW
อย่าลืมว่า ราคาค่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งพลังงานแสง และพลังงานลม เมื่อ 10 ปี ก่อน มีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันถึง 10 เท่า และต้นทุนที่ว่านี้ ยังจะต้องนับรวมไปถึงค่าเบี้ยบ้ายรายทาง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
...ต้นทุนที่ว่ามีทั้งค่าอนุมัติโครงการ และค่าตรวจสอบโครงการ ค่าเลี้ยงรับรองต่างๆ ไปจนถึงค่านำเข้าวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง
เหล่านี้ถือได้ว่า เป็นจุดอ่อนของการพัฒนาประเทศของไทย แต่หากใครไม่ทำตาม ก็อย่าหวังว่าจะได้งาน ดังนั้น...การที่ สมโภชน์ และ EA ผ่านจุดนี้มาได้จึงถือได้ว่าไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกัน รายได้ในระยะยาวของธุรกิจโรงไฟฟ้า ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหา เนื่องจากรายได้ที่มาจากการขายไฟฟ้า ซึ่งขายได้ตามอายุสัมปทานที่มีราว 25 ปี และรายได้ที่มาจากค่าไฟพิเศษ (ADDER) ซึ่งมีอายุสัญญาราว 10 ปี จำเป็นที่จะต้องแยกออกจากกัน
ดังนั้น เมื่อค่าไฟพิเศษบางส่วนเริ่มหมดอายุลง EA ภายใต้การนำของ “สมโภชน์” จึงต้องมองหารายได้จากธุรกิจอื่น เพื่อทดแทนรายได้ส่วนที่ขาด จนเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โครงการสถานีประจุไฟฟ้า (Charging Station) โครงการเรือไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา
โครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพานิชย์ทั้งรถบรรทุกและรถเมล์ไฟฟ้า และโครงการสัมปทานการเดินรถเมล์ในกรุงเทพฯ ผ่านทางบริษัทย่อยทั้ง NEX และ BYD ซึ่งนั่นจึงทำให้สินทรัพย์ที่ EA มีอยู่ในปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ถึง 1.13 แสนล้านบาท
ดังนั้นหากจะถามว่า EA และ STARK ต่างกันอย่างไร ???
คำตอบก็คือ EA มีทั้งสินทรัพย์ รายได้ และ กำไรที่จับต้องได้ ในขณะที่ทาง STARK มีแต่ลูกหนี้การค้า และสินค้าคงเหลือที่มีแต่ตัวเลขทางบัญชีแต่ไม่มีตัวตนซึ่งเป็นรูปแบบของการตกแต่งตัวเลขขึ้นมาเป็นการเฉพาะนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ EA ที่ถูกทาง กลต. ส่งหนังสือฉบับเดียวออกมากล่าวโทษนั้น ยังต้องรอการสืบข้อมูลในชั้นของ ป.ป.ช. รวมไปจนถึงต้องรอการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ชั้นศาลในอนาคต ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ผู้บริหารของ EA ยังเป็นแค่เพียงผู้ถูกกล่าวหา ...แต่ไม่ใช่ผู้ต้องหา ต่างไปจากรณีของ STARK ที่มีทั้งการสืบทรัพย์ อายัดทรัพย์ และส่งฟ้องศาลจนผู้บริหารได้กลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วนั่นเอง
โบราณว่า “ไม้ล้มข้ามได้...คนล้มอย่าข้าม” โดยในกรณีของ EA เรื่องของราคาหุ้นที่ปรับลงมาหนักๆ ก็เป็นปัญหาเกมการเงิน ที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานทางธุรกิจ
ขณะที่การแจ้งข้อกล่าวหาของ กลต. ก็ยังจะต้องรอการพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่อีกหลายขั้นตอน เพียงแต่เรื่องราวทั้งหมดดูประจวบเหมาะเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน จนเจ๊เมาธ์มองว่า เรื่องแบบนี้ดูเหมือน “ฉากละคร” ที่ถูกกำหนดเอาไว้ว่า จะต้องเกิดอะไรขึ้น 1-2 และ 3 ประมาณว่า มีใครอยากยึดเอาบริษัท หรือ ธุรกิจของ EA อะไรแบบนี้
ดังนั้น เมื่อมีโจทย์ที่ชัดเจน จึงเป็นไปได้ว่า วิธีในการแก้ปัญหาของ EA ก็อาจถูกได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า จะต้องทำอย่างไร เจ๊เมาธ์บอกเลยว่าของแบบนี้มันไม่แน่อะไรก็เกิดขึ้นได้!!!
/// Money Game..?? >> EA << !!?? !!??
ปัจจุบัน EA มีธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือ กำลังการผลิตรวม 664 MW แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 278 MW และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 386 MW
โดยแบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “หาดกังหัน” จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึง จังหวัดสงขลา จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 MW และ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “หนุมาน” จังหวัดชัยภูมิ อีก 5 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตรวม 260 MW
อย่าลืมว่า ราคาค่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งพลังงานแสง และพลังงานลม เมื่อ 10 ปี ก่อน มีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันถึง 10 เท่า และต้นทุนที่ว่านี้ ยังจะต้องนับรวมไปถึงค่าเบี้ยบ้ายรายทาง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
...ต้นทุนที่ว่ามีทั้งค่าอนุมัติโครงการ และค่าตรวจสอบโครงการ ค่าเลี้ยงรับรองต่างๆ ไปจนถึงค่านำเข้าวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง
เหล่านี้ถือได้ว่า เป็นจุดอ่อนของการพัฒนาประเทศของไทย แต่หากใครไม่ทำตาม ก็อย่าหวังว่าจะได้งาน ดังนั้น...การที่ สมโภชน์ และ EA ผ่านจุดนี้มาได้จึงถือได้ว่าไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกัน รายได้ในระยะยาวของธุรกิจโรงไฟฟ้า ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหา เนื่องจากรายได้ที่มาจากการขายไฟฟ้า ซึ่งขายได้ตามอายุสัมปทานที่มีราว 25 ปี และรายได้ที่มาจากค่าไฟพิเศษ (ADDER) ซึ่งมีอายุสัญญาราว 10 ปี จำเป็นที่จะต้องแยกออกจากกัน
ดังนั้น เมื่อค่าไฟพิเศษบางส่วนเริ่มหมดอายุลง EA ภายใต้การนำของ “สมโภชน์” จึงต้องมองหารายได้จากธุรกิจอื่น เพื่อทดแทนรายได้ส่วนที่ขาด จนเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โครงการสถานีประจุไฟฟ้า (Charging Station) โครงการเรือไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา
โครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพานิชย์ทั้งรถบรรทุกและรถเมล์ไฟฟ้า และโครงการสัมปทานการเดินรถเมล์ในกรุงเทพฯ ผ่านทางบริษัทย่อยทั้ง NEX และ BYD ซึ่งนั่นจึงทำให้สินทรัพย์ที่ EA มีอยู่ในปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ถึง 1.13 แสนล้านบาท
ดังนั้นหากจะถามว่า EA และ STARK ต่างกันอย่างไร ???
คำตอบก็คือ EA มีทั้งสินทรัพย์ รายได้ และ กำไรที่จับต้องได้ ในขณะที่ทาง STARK มีแต่ลูกหนี้การค้า และสินค้าคงเหลือที่มีแต่ตัวเลขทางบัญชีแต่ไม่มีตัวตนซึ่งเป็นรูปแบบของการตกแต่งตัวเลขขึ้นมาเป็นการเฉพาะนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ EA ที่ถูกทาง กลต. ส่งหนังสือฉบับเดียวออกมากล่าวโทษนั้น ยังต้องรอการสืบข้อมูลในชั้นของ ป.ป.ช. รวมไปจนถึงต้องรอการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ชั้นศาลในอนาคต ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ผู้บริหารของ EA ยังเป็นแค่เพียงผู้ถูกกล่าวหา ...แต่ไม่ใช่ผู้ต้องหา ต่างไปจากรณีของ STARK ที่มีทั้งการสืบทรัพย์ อายัดทรัพย์ และส่งฟ้องศาลจนผู้บริหารได้กลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วนั่นเอง
โบราณว่า “ไม้ล้มข้ามได้...คนล้มอย่าข้าม” โดยในกรณีของ EA เรื่องของราคาหุ้นที่ปรับลงมาหนักๆ ก็เป็นปัญหาเกมการเงิน ที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานทางธุรกิจ
ขณะที่การแจ้งข้อกล่าวหาของ กลต. ก็ยังจะต้องรอการพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่อีกหลายขั้นตอน เพียงแต่เรื่องราวทั้งหมดดูประจวบเหมาะเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน จนเจ๊เมาธ์มองว่า เรื่องแบบนี้ดูเหมือน “ฉากละคร” ที่ถูกกำหนดเอาไว้ว่า จะต้องเกิดอะไรขึ้น 1-2 และ 3 ประมาณว่า มีใครอยากยึดเอาบริษัท หรือ ธุรกิจของ EA อะไรแบบนี้
ดังนั้น เมื่อมีโจทย์ที่ชัดเจน จึงเป็นไปได้ว่า วิธีในการแก้ปัญหาของ EA ก็อาจถูกได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า จะต้องทำอย่างไร เจ๊เมาธ์บอกเลยว่าของแบบนี้มันไม่แน่อะไรก็เกิดขึ้นได้!!!