คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ข้อ 2 น่าจะยากพอสมควรเลยครับ ถ้าจะเอามาคิดเอง แต่ก็แอบอยากรู้เหมือนกัน รอฟังคำตอบด้วยครับ
ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรยิบย่อยขนาดนี้เลย
หลักๆ ดูจากเงื่อนไขการถือครองด้วยครับ ว่าตัวไหนไม่ติดเงื่อนไขการถือครอง สามารถขายได้เร็วสุด จะเทไปที่ตัวนั้นเป็นหลัก
และถ้าสามารถโยกย้ายกองทุนได้ด้วยตัวเอง เช่น RMF ก็จะรู้สึกว่าเราได้บริหารการลงทุนด้วยตัวเองตามทิศทางตลาดได้ตลอดเวลา
ซึ่งถ้าบริหารเก่ง ๆ ผลตอบแทนสูง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนเลย
ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรยิบย่อยขนาดนี้เลย
หลักๆ ดูจากเงื่อนไขการถือครองด้วยครับ ว่าตัวไหนไม่ติดเงื่อนไขการถือครอง สามารถขายได้เร็วสุด จะเทไปที่ตัวนั้นเป็นหลัก
และถ้าสามารถโยกย้ายกองทุนได้ด้วยตัวเอง เช่น RMF ก็จะรู้สึกว่าเราได้บริหารการลงทุนด้วยตัวเองตามทิศทางตลาดได้ตลอดเวลา
ซึ่งถ้าบริหารเก่ง ๆ ผลตอบแทนสูง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนเลย
แสดงความคิดเห็น
ค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนรวม RMF & SSF เทียบกับ PVD เลือกลงทุนลดหย่อนแบบไหนดีกว่ากันครับ
โดยต้องการใช้สิทธิลดหย่อนรวม 500k บาทของ PVD+RMF+SSF+ประกันบำนาญให้เต็มสิทธิ์ครับ
ตอนนี้มีประกันบำนาญแล้ว 100k จะเหลือ 400k ที่จะไปลง PVD+RMF+SSF ส่วนประกันชีวิตกับ Thai ESG ก็ลงเต็มอยู่แล้วครับ
ตอนนี้มีตัวเลือกในใจสองแบบครับ
แบบแรก
1. PVD 100k, RMF 100k, SSF 200k, บำนาญ 100k
2. PVD 200k, RMF 100k, SSF 100k, บำนาญ 100k
คำถามคือ
1. ถ้าเลือกแบบ 1 ค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนของ SSF กับ RMF ที่คิดว่าน่าจะจ่ายแพงกว่าจะคุ้มไหมครับกับการที่เรามีกองทุนให้เลือกได้มากกว่า PVD ซึ่ง PVD ไม่มีค่าธรรมเนียมตรงนี้
ส่วนข้อดีอีกข้อของแบบ 1 คือสามารถรูดบัตรเครดิตซื้อกองทุน SSF กับ RMF ได้และเอายอดไปยกเว้นค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตรายปีได้ครับ
2. ค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนมีสูตรจำนวนยังไงและจากอะไรครับ พอมีคู่มือหรือตัวช่วยคำนวณไหมครับ จะได้ประเมินผลตอบแทนสุทธิจริง ๆ ได้ครับ