พอดีมีเรื่องเล่าสู่กันฟังครับ ผมกับแฟนเราอยู่ด้วยกันมา7-8ปี ซึ้งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั้ง เธออยากเลี้ยงแมว ผมจึงเตือนเธอว่าอย่าเลี้ยง เพราะผมแพ้แมวครับ และอีกอย่าง เราทำงานโรงงานทั้งคู่แทบไม่ได้มีเวลาเลยแฟนผมไปทำงานตี 5 กลับ 2 ทุ่ม เสาร์ อาทิตย์ก็แทบไม่ได้หยุดเพราะต้องทำโอ ส่วนผม ทำงานเวลาปกติ แล้วบ้านที่เราอยู่ก็เป็นทาวน์โฮมหลังเล็กๆ เพราะใกล้ที่ทำงาน มาเริ่มเรื่องกันเลย เธออยากเลี้ยงแมวมากช่วงนั่นผมก็ห้ามเธอขอร้องไม่ให้เลี้ยง เธอก็เริ่มมาทวงบุญคุณว่าที่ฉันยังตามใจเธอ ซึ่งมันเรื่องจริงเพราะเธอตามใจผมจริงๆครับ ทำให้ผมพูดไม่ออก แต่ก็พยายามที่จะห้าม สุดท้ายนางก็แอบจ่ายตังค์ไปกับคนที่ขายแมว แล้วค่อยมาบอกเราทีหลังว่าจองแล้ว ตอนนั้นผมเครียดมากครับ พูดไม่ออกมันจุกที่อก วันที่ไปรับผมก็ไปรับแมวมาด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นน้องอายุประมาณ 2 เดือนครับ ผมเคยบอกเธอแล้วว่าแมวจะทำให้เราทะเลาะกัน และจะไม่มีเวลาของเรามากขึ้น เพราะสถานที่มันไม่เอื้ออำนวย ถ้าเลี้ยงตามบ้านนอกมีพ่อแม่คอยดูแลเราทำงานก็ยังพอว่าครับ แล้วที่สำคัญเลยคือผมแพ้ขนแมวครับ หลังจากนั้นพอเริ่มผ่านไปหลายเดือน แมวเริ่มโตขึ้น ขนมันก็เริ่มร่วงครับ ผมอยู่ที่กะน้อง จนผมเริ่มมีอาการเป็นไซนัสครับ เพราะผมเตือนเธอแล้วเธอก็ไม่เชื่อ จนผมเริ่มเป็นแล้วผมบอกเธอเราก็เริ่มทะเลาะกันครับ ตอนนี้ผมต้องออกมานอนนอกห้อง เพราะในห้องแพ้จริงๆครับ ทำความสะอาดแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ คนมันแพ้ก็คือแพ้ครับ ชีวิตคู่ที่เคยอยู่ร่วมกันก็ไม่ค่อยเหมือนเดิม เพราะว่าเราไม่ได้นอนด้วยกัน ตั้งแต่เลี้ยงแมวมาแทบจะไม่เคยมี sex กันเลย ซึ่งตัวผมเป็นผู้ชายมันก็ไม่ดีมากนะครับ และเพื่อนของเขานี่นะครับเป็นตัวยุ ซื้อมาเหอะไม่เป็นไรหรอกหรืออยู่ๆไปก็รักมันเอง คือกูแพ้แมว เพื่อนมันรู้ไหม ฟัวแต่เพื่อนจนไม่เคยสนใจเรา เพียงเพราะว่าแค่อยากได้แมว นางทำงานแทบไม่มีเวลา คุณเชื่อไหมครับคนแพ้แมวอย่างผมเป็นคนดูแลเอง ตักขี้ตักเยี่ยว แปรงขน เกือบทุกๆอย่างผมเป็นคนดูแลคับ เพราะผมมีเวลามากกว่าเธอ แล้วสุดท้ายผมก็เริ่มป่วยครับ ผมคุยกับเธอว่าจะเอายังไง เธอก็ตอบอะไรไม่ได้ เพราะผมเคยเตือนเธอแล้ว แต่สุดท้ายเราก็เริ่มทะเลาะกันครับ มันเป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกนะครับ มาทะเลาะกันก็เพราะแมว ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ความผิดของแมวเลย แต่มันเป็นความผิดของคนที่มีแต่ความอยากได้แมวแต่ไม่คิดถึงน้องว่าจะต้องอยู่ร่วมกับมันไปอีกกี่สิบปี นางบอกว่านางจะเอาไปให้แม่ ซึ่งแม่นางเคยพูดไว้แล้วว่าอย่าเลี้ยงเพราะสุดท้ายมันจะเป็นภาระ นางก็ไม่เชื่อครับ แล้วก็มันก็เป็นตามจริง แล้วที่สำคัญเลยคือ ผมเป็นคนเลี้ยงดูผมก็มีความรักให้มันซึ่งมันก็แพ้มัน และก็ไม่อยากให้มันไปอยู่ที่ไหนเพราะคิดว่าเขาจะดูแลเท่าเราได้ไหม ตอนนี้ผมเครียดมากครับ อยากจะเอาแมวออกไปก็ทะเลาะกับเมีย ถ้าเอาแมวออกไปได้ก็สงสารแมวเพราะผมเป็นคนเลี้ยงมาไม่ใช่เมีย ดังนั้นกระทู้ของผมก็อยากจะฝากเพื่อนๆหรือบรรดาผู้หญิงที่อยากได้แมว คุณควรดูคนรอบข้างของคุณบ้าง ว่าเขาพร้อมไหมว่าเขาเป็นอะไรไหม เพราะมันไม่สนุกนะครับกับการเลี้ยงชีวิตชีวิตหนึ่ง เราก็ควรที่จะดูแลเขาให้เต็มที่นะครับ แต่ถ้าไม่พร้อมจะเลี้ยงก็อย่าดีกว่า ถ้าคนรอบข้างเตือนคุณ คุณก็หัดฟังบ้าง เรื่องราวของผมมันยังไม่จบเท่านี้หรอกครับ ผมก็คนต้องทนอยู่อย่างนี้ต่อไป วันใดวันหนึ่งผมทนไม่ไหว เรื่องราวเป็นยังไงเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกทีครับ นี่แหละทำไมแมวถึงไปอยู่วัด ก็เพราะความอยากของคนที่อยากเลี้ยงอยากอุ้มอยากถ่ายรูป แต่ไม่คิดถึงระยะเวลา 10 ปี ที่เราจะต้องอยู่ร่วมกับน้อง อ่านกระทู้ผมแล้วก็คิดดีๆนะครับ ถือว่าเป็นข้อคิด สำหรับคนที่อยากจะเลี้ยงแมว กรุณาดูสภาพแวดล้อมรอบด้านและคนรอบข้างด้วยนะครับ ว่าคุณพร้อมแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเจอปัญหาแบบผมที่เกิดขึ้น เพราะการตัดสินใจอะไรลงไป ชีวิตคู่ของคุณจะไม่เหมือนเดิม ถ้าเราทั้งคู่อยากจะเลี้ยงสัตว์ นั่นแสดงว่า เราทั้งคู่ตัดสินใจพร้อมกัน แต่เพียงแค่คนใดคนหนึ่งอยากเลี้ยง อย่าดีกว่าครับ ถ้าใครคิดที่จะเลี้ยงแมว ถ้าได้อ่านกระทู้นี้จากผม คงเป็นข้อคิดให้ได้บ้างนะครับ
เรื่องของแมว ที่ไม่แมว