
🤫🤫🤫
เป็นภาคที่ 3 แล้วจากหนัง A Quiet Place ที่ภาคนี้จะมาบอกถึงวันแรกของการที่ผู้คนต้องเงียบเพื่อให้รอดชีวิต จากเมืองใหญ่อย่าง New York ที่ค่อนข้างเสียงดังวุ่นวาย แต่กลับต้องมาเงียบจนกลายเป็นป่าช้าได้ยังไง และผู้คนจะรอดจากตรงนี้ไปสู่เรื่องราวในภาคแรกที่ออกฉายและโด่งดังพลุแตกได้ยังไง คอนเซ็ปต์น่าสนใจมากๆ และดึงดูดให้คนดูอยากดูมาก

🤫🤫🤫
A Quiet Place: Day One เมื่อเมืองนิวยอร์กถูกรุนรานโดยสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ออกตามล่าด้วยเสียง “แซม” หญิงสาวผิวสี พร้อมกับเจ้าเหมียวปุกปุย “โฟรโด้ว” ได้พยายามเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของฝูงเอเลี่ยน “Death Angel” ในมหานคร “นิวยอร์ก” ระหว่างนั้นเธอได้พบกับ “เฮนรี่” ผู้นำกลุ่มผู้รอดชีวิต ที่พยายามพาผู้คนไปลงเรือ และยังได้พบกับ “อิริก” หนุ่มชาวอังกฤษที่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ต้องตามลุ้นกันว่าพวกเขาจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่

🤫🤫🤫
เอาจริงผมคาดหวังจากหนังเรื่องนี้มาก เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์หนังที่ไม่ต้องมีบทพูด แต่โคตรเจ๋งในภาคแรกที่ดูแล้วต้องว๊าวกับคอนเซ็ปต์และการดำเนินเรื่อง มาถึงภาคสองเริ่มมีอะไรมากขึ้น แต่ความว๊าวลดลงเพราะมันคือเรื่องราวต่อเนื่องแต่ยังไม่ได้เสิรมเติมแต่งอะไรขเา้ไปจากเดิมมากนัก พอมาภาคนี้คอนเซ็ปต์เรื่องราวคือ จุดเริ่มต้น วันแรกของหายนะที่เกิดขึ้น แน่นอนสิ มันต้องน่าสนใจแน่ๆ เพราะทุกคนต้องอยากรู้แน่นอนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโลกในหนัง

🤫🤫🤫
หนังเปิดเรื่องมาค่อนข้างดีเลย บอกถึงความวุ่นวายเสียงดังในเมืองใหญ่มากอย่างมหานครนิวยอร์ค กับความแตกต่างขัดแย้งกับตัวคาแรคเตอร์นางเอกอย่าง แซม ที่เป็นคนป่วยและค่อนข้างเก็บตัวอยู่กับแมว มันทำให้เราเห็นความเงียบเหงาในตัวคนๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความหนวกหูและแสนจะวุ่นวาย ซึ่งหนังเล่นกับจุดนี้ได้ดีมากทีเดียว ซึ่งความเจ๋ของหนังเรื่องนี้คือการเล่นกับเสียงที่มีเลเวลที่ต่างกัน ทำให้เกิดเป็นอารมณ์ต่างๆ ได้อย่างสุดยอด

🤫🤫🤫
แต่สิ่งที่ขาดไปคือ ความน่าสะพรึงกลัวจากความเงียบแบบที่สองภาคแรกเคยทำไว้นั้นหายไป กลายเป็นหนัง survivor ที่พร้อมจะวิ่งหนีสัตว์ประหลาดตลอดเวลา ไม่ค่อยได้ใช้สกิลในการหลบซ่อนหรือสกิลในการสร้างกับดักอะไรเหมือนที่ Emily Blunt เคยทำไว้สักเท่าไหร่ หนังจะไปเน้นการหนีเอาตัวรอดของคนแค่สองคน มิตรภาพแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่บีบเค้น และเรื่องความหมายของการมีชีวิตอยู่และความตาย ซึ่งมันยังคงแฝงปรัชญาไว้อยู่แต่ไม่ได้มากมายเท่าไหร่

🤫🤫🤫
ความเข้มข้นของหนังส่วนตัวผมว่ามันน้อยกว่าสองภาคแรกเยอะ เพราะมันคือหนังที่เข้าสูตรหนังหนีตายจากภัยพิบัติทั้งหลายแหล่ คือวิ่งๆๆๆๆ แล้วก็วิ่งให้รอดตายให้ได้ อารมณ์หนังมันเลยกลายเป็นคนละเรื่องไปกับ A Quiet Place ที่ผ่านมา แต่คิดว่ายังมีภาคต่อแน่ๆ เพราะหนังทิ้งท้ายไว้ เพียงแต่จะออกมาแบบไหน และเรื่องราวจะไปยังไงต่อ อันนี้สิน่าสนใจ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] A Quiet Place: Day One ดินแดนไร้เสียง วันที่หนึ่ง - ความสยองของความเงียบในเมืองใหญ่ที่แสนวุ่นวาย
🤫🤫🤫
เป็นภาคที่ 3 แล้วจากหนัง A Quiet Place ที่ภาคนี้จะมาบอกถึงวันแรกของการที่ผู้คนต้องเงียบเพื่อให้รอดชีวิต จากเมืองใหญ่อย่าง New York ที่ค่อนข้างเสียงดังวุ่นวาย แต่กลับต้องมาเงียบจนกลายเป็นป่าช้าได้ยังไง และผู้คนจะรอดจากตรงนี้ไปสู่เรื่องราวในภาคแรกที่ออกฉายและโด่งดังพลุแตกได้ยังไง คอนเซ็ปต์น่าสนใจมากๆ และดึงดูดให้คนดูอยากดูมาก
🤫🤫🤫
A Quiet Place: Day One เมื่อเมืองนิวยอร์กถูกรุนรานโดยสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ออกตามล่าด้วยเสียง “แซม” หญิงสาวผิวสี พร้อมกับเจ้าเหมียวปุกปุย “โฟรโด้ว” ได้พยายามเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของฝูงเอเลี่ยน “Death Angel” ในมหานคร “นิวยอร์ก” ระหว่างนั้นเธอได้พบกับ “เฮนรี่” ผู้นำกลุ่มผู้รอดชีวิต ที่พยายามพาผู้คนไปลงเรือ และยังได้พบกับ “อิริก” หนุ่มชาวอังกฤษที่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ต้องตามลุ้นกันว่าพวกเขาจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่
🤫🤫🤫
เอาจริงผมคาดหวังจากหนังเรื่องนี้มาก เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์หนังที่ไม่ต้องมีบทพูด แต่โคตรเจ๋งในภาคแรกที่ดูแล้วต้องว๊าวกับคอนเซ็ปต์และการดำเนินเรื่อง มาถึงภาคสองเริ่มมีอะไรมากขึ้น แต่ความว๊าวลดลงเพราะมันคือเรื่องราวต่อเนื่องแต่ยังไม่ได้เสิรมเติมแต่งอะไรขเา้ไปจากเดิมมากนัก พอมาภาคนี้คอนเซ็ปต์เรื่องราวคือ จุดเริ่มต้น วันแรกของหายนะที่เกิดขึ้น แน่นอนสิ มันต้องน่าสนใจแน่ๆ เพราะทุกคนต้องอยากรู้แน่นอนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโลกในหนัง
🤫🤫🤫
หนังเปิดเรื่องมาค่อนข้างดีเลย บอกถึงความวุ่นวายเสียงดังในเมืองใหญ่มากอย่างมหานครนิวยอร์ค กับความแตกต่างขัดแย้งกับตัวคาแรคเตอร์นางเอกอย่าง แซม ที่เป็นคนป่วยและค่อนข้างเก็บตัวอยู่กับแมว มันทำให้เราเห็นความเงียบเหงาในตัวคนๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความหนวกหูและแสนจะวุ่นวาย ซึ่งหนังเล่นกับจุดนี้ได้ดีมากทีเดียว ซึ่งความเจ๋ของหนังเรื่องนี้คือการเล่นกับเสียงที่มีเลเวลที่ต่างกัน ทำให้เกิดเป็นอารมณ์ต่างๆ ได้อย่างสุดยอด
🤫🤫🤫
แต่สิ่งที่ขาดไปคือ ความน่าสะพรึงกลัวจากความเงียบแบบที่สองภาคแรกเคยทำไว้นั้นหายไป กลายเป็นหนัง survivor ที่พร้อมจะวิ่งหนีสัตว์ประหลาดตลอดเวลา ไม่ค่อยได้ใช้สกิลในการหลบซ่อนหรือสกิลในการสร้างกับดักอะไรเหมือนที่ Emily Blunt เคยทำไว้สักเท่าไหร่ หนังจะไปเน้นการหนีเอาตัวรอดของคนแค่สองคน มิตรภาพแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่บีบเค้น และเรื่องความหมายของการมีชีวิตอยู่และความตาย ซึ่งมันยังคงแฝงปรัชญาไว้อยู่แต่ไม่ได้มากมายเท่าไหร่
🤫🤫🤫
ความเข้มข้นของหนังส่วนตัวผมว่ามันน้อยกว่าสองภาคแรกเยอะ เพราะมันคือหนังที่เข้าสูตรหนังหนีตายจากภัยพิบัติทั้งหลายแหล่ คือวิ่งๆๆๆๆ แล้วก็วิ่งให้รอดตายให้ได้ อารมณ์หนังมันเลยกลายเป็นคนละเรื่องไปกับ A Quiet Place ที่ผ่านมา แต่คิดว่ายังมีภาคต่อแน่ๆ เพราะหนังทิ้งท้ายไว้ เพียงแต่จะออกมาแบบไหน และเรื่องราวจะไปยังไงต่อ อันนี้สิน่าสนใจ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้