ร่ายยาว เป็นคำประพันธ์ที่คล้าย กลอนเปล่า
มีบังคับน้อยมาก
กล่าวคือ แต่ละวรรคจะมีจำนวนคำเท่าใดก็ได้
เพียงแต่
คำท้ายของวรรคหน้าต้อง สัมผัสสระ
กับคำใดคำหนึ่งในวรรคต่อไป
และ
ต้องลงท้ายด้วยคำกำหนด เช่น
นั่น/นั้นแล ฉะนี้แล เช่นนั้นเถิด
ประเด็นสำคัญ คือ
จังหวะ ครับ
วรรคหนึ่ง ๆ ไม่ยาวเกินอึดใจอ่าน ครับ
ร่ายยาว นิยมใช้แต่งเทศน์หรือบทสวดที่ต้องว่าเป็นทำนอง
เช่น เทศน์มหาชาติ เทศน์ธรรมวัตร
เมื่อลง "นั้นแล" ครั้งหนึ่ง จึงเรียกว่า "แหล่" หนึ่ง
ซึ่งเรียกย่อมาจากคำ "นั้นแล" นั่นเอง
การแต่งร่ายยาว ต้อง เลือกใช้ ถ้อยคำ และ สัมผัสใน
ให้มีจังหวะรับกันสละสลวย
อ่านแล้วให้เกิดความรู้สึกเสมือน มีคลื่นเสียงเป็นจังหวะ ๆ
อย่างที่เรียกว่า "เสียงดิ้น" หรือ "เสียงมีชีวิต"
ร่ายยาว toshare
มีบังคับน้อยมาก
กล่าวคือ แต่ละวรรคจะมีจำนวนคำเท่าใดก็ได้
เพียงแต่
คำท้ายของวรรคหน้าต้อง สัมผัสสระ
กับคำใดคำหนึ่งในวรรคต่อไป
และ
ต้องลงท้ายด้วยคำกำหนด เช่น
นั่น/นั้นแล ฉะนี้แล เช่นนั้นเถิด
ประเด็นสำคัญ คือ
จังหวะ ครับ
วรรคหนึ่ง ๆ ไม่ยาวเกินอึดใจอ่าน ครับ
ร่ายยาว นิยมใช้แต่งเทศน์หรือบทสวดที่ต้องว่าเป็นทำนอง
เช่น เทศน์มหาชาติ เทศน์ธรรมวัตร
เมื่อลง "นั้นแล" ครั้งหนึ่ง จึงเรียกว่า "แหล่" หนึ่ง
ซึ่งเรียกย่อมาจากคำ "นั้นแล" นั่นเอง
การแต่งร่ายยาว ต้อง เลือกใช้ ถ้อยคำ และ สัมผัสใน
ให้มีจังหวะรับกันสละสลวย
อ่านแล้วให้เกิดความรู้สึกเสมือน มีคลื่นเสียงเป็นจังหวะ ๆ
อย่างที่เรียกว่า "เสียงดิ้น" หรือ "เสียงมีชีวิต"