เท่าที่ไปหาข้อมูลมาคร่าวๆในยุคก่อนไต้หวันมีวิสัยทัศน์ในธุรกิจผลิตเซมิคอนดักเตอร์ว่าจะเป็นที่ต้องการ
ด้วยการเก็งว่าเทรนโลกใช้สินค้าที่มีความไฮเทคมากขึ้น และสินค้าไฮเทคจำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผล
และอุปกรณ์พวกนี้มันทำยากใช้สกิลและเครื่องจักรเฉพาะทางจะให้ฝั่งคนออกแบบทำโรงงานผลิตเองก็จะไม่คุ้ม
ไต้หวันจึงมองไปที่การทำธุรกิจรับผลิตชิปตามสั่งจากบริษัทต่างๆแทน
ลงเงินทุนวิจัย ดึงคนไต้หวันเก่งๆกลับจากอเมริกามาบริหาร ซึ่งทุกวันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจถูก
ทีนี้ผมสงสัยว่า
วิสัยทัศน์ของไต้หวันในตอนนั้นที่ตัดสินใจทำเซมิคอนดักเตอร์
เขามองออกถึงขั้นที่ว่าธุรกิจนี้มันสามารถผูกขาดได้ขนาดที่เป็นอย่างทุกวันนี้มั้ยครับ
ที่ชิปขนาดเล็กมากๆจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษชนิดที่มีเครื่องนี้ขายอยู่แค่บริษัทเดียว ที่อเมริกาไม่ให้ขายให้จีน
และต้องใช้สกิลแรงงานชำนาญการและวิธีการบางอย่างแบบที่ไต้หวันมีอยู่ประเทศเดียว
แม้แต่จีนก็ยังทำไม่ได้ แม้ว่าคนเก่งจีนจะเยอะแต่เหมือนธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้ความเฉพาะทางที่สั่งสมจากการทำวิจัยมาเป็นเวลานาน
คิดว่าไต้หวันเขามองออกหรือรู้อนาคตมั้ยครับว่ามันจะผูกขาดได้ขนาดนี้
หรือแค่มองว่ามันเป็นธุรกิจที่จะขายได้ในอนาคตเฉยๆ
แบบว่าถ้าคนอื่นทำเองต้องลงทุนเยอะมาจ้างไต้หวันผลิตง่ายกว่า แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะผูกขาดถึงขั้นนี้
เรื่องที่ถามมันอาจจะไม่ใช่ fact นะครับ
แค่อยากถามความเห็น
วิสัยทัศน์ของไต้หวันในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์
ด้วยการเก็งว่าเทรนโลกใช้สินค้าที่มีความไฮเทคมากขึ้น และสินค้าไฮเทคจำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผล
และอุปกรณ์พวกนี้มันทำยากใช้สกิลและเครื่องจักรเฉพาะทางจะให้ฝั่งคนออกแบบทำโรงงานผลิตเองก็จะไม่คุ้ม
ไต้หวันจึงมองไปที่การทำธุรกิจรับผลิตชิปตามสั่งจากบริษัทต่างๆแทน
ลงเงินทุนวิจัย ดึงคนไต้หวันเก่งๆกลับจากอเมริกามาบริหาร ซึ่งทุกวันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจถูก
ทีนี้ผมสงสัยว่า
วิสัยทัศน์ของไต้หวันในตอนนั้นที่ตัดสินใจทำเซมิคอนดักเตอร์
เขามองออกถึงขั้นที่ว่าธุรกิจนี้มันสามารถผูกขาดได้ขนาดที่เป็นอย่างทุกวันนี้มั้ยครับ
ที่ชิปขนาดเล็กมากๆจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษชนิดที่มีเครื่องนี้ขายอยู่แค่บริษัทเดียว ที่อเมริกาไม่ให้ขายให้จีน
และต้องใช้สกิลแรงงานชำนาญการและวิธีการบางอย่างแบบที่ไต้หวันมีอยู่ประเทศเดียว
แม้แต่จีนก็ยังทำไม่ได้ แม้ว่าคนเก่งจีนจะเยอะแต่เหมือนธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้ความเฉพาะทางที่สั่งสมจากการทำวิจัยมาเป็นเวลานาน
คิดว่าไต้หวันเขามองออกหรือรู้อนาคตมั้ยครับว่ามันจะผูกขาดได้ขนาดนี้
หรือแค่มองว่ามันเป็นธุรกิจที่จะขายได้ในอนาคตเฉยๆ
แบบว่าถ้าคนอื่นทำเองต้องลงทุนเยอะมาจ้างไต้หวันผลิตง่ายกว่า แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะผูกขาดถึงขั้นนี้
เรื่องที่ถามมันอาจจะไม่ใช่ fact นะครับ
แค่อยากถามความเห็น