JJNY : เอกชนผวาค่าไฟขึ้น│สื่อญี่ปุ่นเผยค่ายรถดัง ลดการผลิตในไทย│จ่อขึ้นดีเซล หลังน้ำมันโลกพุ่ง│จีนสอบข่าวฉาว รถขนน้ำมัน

เอกชนผวา ค่าไฟขึ้น หวั่นนักลงทุนหนี ขีดความสามารถแข่งขันทรุด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/407900

ภาคเอกชนผวา ค่าไฟงวดปลายปี ขึ้นอีก 40 สตางค์ หวั่นซ้ำเติมขีดความสามารถการแข่งขันทรุดกดหนัก ทำนักลงทุนหนีไปประเทศอื่น

โดยนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หางบประมาณมาอุ้มค่าไฟ เพื่อไม่ให้ค่าไฟสูงเกิน 4.18 บาทต่อหน่วย เพราะจะกระทบกับประชาชนและผู้ประกอบการ

โดยมองว่าที่ค่าไฟขึ้น มาจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าลงมาก และค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่มองว่าในครึ่งปีหลัง ปริมาณการใช้จริง ไม่น่าจะสูงขึ้นมาก เนื่องจากปัญหาสงครามไม่รุนแรงตามที่คาด จนส่งผลให้ราคาพลังงานสูงขึ้น และราคาพลังงานก็มีขึ้นมีลง จึงไม่ควรไปตั้งราคาไว้สูงขนาดนั้น ส่วนการคืนหนี้ กฟผ. ที่ถูกนำมากล่าวอ้าง วันนี้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น ซึ่งหากขึ้น ค่าไฟ จะยิ่งซ้ำเติมขีดความสามารถการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ที่ปัจจุบันก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ทำนักลงทุนหนี้ไปประเทศอื่นแทน

ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. นัดสื่อมวลชนชี้แจงผลการคำนวณค่าไฟ และ 3 ทางเลือกที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ประกอบการพิจารณาค่าไฟงวดใหม่ งวดเดือนกันยายน ถึง ธันวาคมนี้ เบื้องต้นคาดว่า 1 ในทางเลือก คือ การปรับค่าไฟเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-40 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการทยอยชำระหนี้คืนให้กฟผ. ที่ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 98,000 ล้านบาท

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


วงการยานยนต์ระส่ำอีก สื่อญี่ปุ่น เผย ค่ายรถดัง ลดการผลิตในไทยครึ่งหนึ่ง เหตุสู้อีวีจีนไม่ได้.
https://www.matichon.co.th/social/news_4674693
 
สื่อญี่ปุ่น เผย ค่ายรถยนต์ชื่อดัง ลดกำลังผลิตในไทย 50% ยอมรับ ยอดขายไม่ฟื้นตัว เหตุสู้อีวีจีนไม่ได้
 
วันที่ 11 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน NHK WORLD-JAPAN Thai ระบุว่า 
 
บริษัทฮอนด้ามอเตอร์ของญี่ปุ่นระบุว่า กำลังวางแผนที่จะลดกำลังการผลิตในประเทศไทยลงกว่าร้อยละ 50

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดกับคู่แข่งจากจีน ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นต้องปรับกลยุทธ์ของตน
ฮอนด้ามีโรงงานประกอบรถยนต์สองแห่งในประเทศไทย โดยกล่าวว่าโรงงานในจังหวัดปราจีนบุรีจะยังคงผลิตรถยนต์ต่อไปหลังสิ้นปีหน้า แต่ทางบริษัทระบุว่า โรงงานที่จังหวัดอยุธยาจะหยุดประกอบรถยนต์ภายในสิ้นปี 2568 และจากนั้นจะผลิตเฉพาะชิ้นส่วนประกอบเท่านั้น
 
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้กำลังการผลิตของฮอนด้าในประเทศไทยลดลงจาก 270,000 คัน เหลือ 120,000 คันต่อปี ผู้บริหารของฮอนด้ากล่าวว่าพวกเขาคาดการณ์ว่ายอดขายจะไม่ฟื้นตัว
 
ฮอนด้าเริ่มผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2535 ยอดการผลิตต่อปีพุ่งขึ้นสูงสุดในปี 2556 อยู่ที่มากกว่า 270,000 คัน ขณะที่ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือประมาณ 140,000 คันเมื่อปีที่แล้ว
 
รถยนต์ญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 80 ของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย แต่บริษัทของจีนที่รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง BYD กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นในไทย และกำลังแย่งส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น
 
https://www.facebook.com/NHKWORLDThai/posts/996768472457330
 

 
จ่อขึ้นดีเซล 1 บาท แตะ 34 บาท/ลิตร เริ่ม 1 ส.ค. หลังน้ำมันโลกพุ่ง หวั่นกองทุนน้ำมันติดลบรุนแรง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/407970

วานนี้ (10 ก.ค. 67) มีรายงานว่า อาจจะมีการปรับราคาดีเซลขึ้น 1 บาทต่อลิตร ทำให้เพดานราคาใหม่จะไม่เกิน 34 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 เป็นต้นไป หลังจะครบกำหนดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ในวันที่ 31 ก.ค. 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
 
ทั้งนี้ เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับกองทุนที่สถานะล่าสุด ณ วันที่ 7 ก.ค.2567 ที่ติดลบ 111,595 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 63,944 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มติดลบ 47,651 ล้านบาท

เนื่องจากปัจจุบัน ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง ช่วงเดือนที่ผ่านมา แนวโน้มลดลงบ้าง จนกองทุนลดอุดหนุนระดับ 4 บาท/ลิตร จนสามารถเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนได้สำเร็จ

แต่ขณะนี้ แนวโน้มกลับมาขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองทุนต้องอุดหนุนกว่า 2 บาท/ลิตร ซึ่งหากไม่ปรับราคาดีเซลขึ้นหลังวันที่ 31 ก.ค.นี้ อาจทำให้สถานการณ์กองทุนติดลบรุนแรง

ทั้งนี้ มีแนวทางแก้ไข 2 ทาง คือ

1. ขอใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับใช้ดูแลดีเซล 6,000 ล้านบาท และแอลพีจี 500 ล้านบาท เป็นตามที่ครม.อนุมัติไว้ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้กลไกกองทุนดูแลไปพลางก่อน แต่เบื้องต้นได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการว่างบกลางฯ มีจำกัด อาจไม่สามารถนำมาดูแลราคาดีเซล และแอลพีจีได้

2. เสนอให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลงในอัตราที่เหมาะสม แต่ท่าทีของกระทรวงการคลังไม่ตอบรับเรื่องการลดภาษีดังกล่าว เพราะจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด

ดังนั้น ทั้งสองแนวทางไม่น่าจะดำเนินการได้
-------------
ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้

• ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 0.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 82.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
• ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 0.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 85.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
• น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ ลดลง 1.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 100.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
-------------
 
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qXhERP9tOGk

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่