เราเป็นนักศึกษาจบใหม่ค่ะ
เราเรียนการโรงแรมโดยตรง
เราอยากทำงานตรงสายมากๆ
แต่เราดันมาตรวจพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี ตอนปลายปีที่แล้วช่วงที่เราฝึกงานครั้งสุดท้ายก่อนเรียนจบ โดยเราลงฝึกงาน FB ไป แต่แล้วพอทาง HR ทราบผลตรวจสุขภาพ ก็แจ้งเราว่าขอปฏิเสธดิลในการฝึกงานของเรา ไม่ขอรับเราในการฝึกงาน เราก็พึ่งรู้ว่าเราเป็น เราจึงบอก HR ตามตรงว่า เราไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี เราเลยขอถามเพิ่มเติมว่า ถ้าเราไม่สามารถฝึก FB ได้ เราขอไปฝึกตำแหน่งหลังบ้านได้ไหม มีตำแหน่งไหนว่างไหมจะเป็น Coordinator แม่บ้าน หรือ Front ก็ได้ เพราะเราเคยฝึกแม่บ้านมาก่อน และอยากลองฝึก Front ดูสักครั้ง แต่ HR บอกเรา เต็มแล้ว บอกให้เราไปรักษาตัว เราเลยต้องหาที่ฝึกงานใหม่ แล้วรีบเข้ากระบวนการรักษาตัวเอง แต่ที่พีคกว่านั้น ช่วงที่เรากำลังหาที่ฝึกงานใหม่ เราเห็นประกาศจาก HR โรงแรมเดิมที่เราพึ่งโดนปฏิเสธไป
แจ้งประกาศว่า " มีตำแหน่งว่างทุกแผนก "
เราก็ตกใจว่า โอ้โหการที่เป็นโรคนี้ ทำให้เราไม่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆ ที่เราสามารถทำงานในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับ FB ก็ได้ แต่ทางเค้าไม่เลือกที่จะรับเราเลย ทำให้เรารู้สึกแย่ๆ ในตอนนั้น
แต่ในที่สุดเราก็ได้ที่ฝึกงานได้ HR ที่นี่ให้คำแนะนำเราว่า เราจะฝึกงานตำแหน่งไหนก็ได้ ที่ไม่เกี่ยวช้องกับอาหาร พี่ HR ที่นี่คุยกับเราดีมาก ให้คำแนะนำต่างๆ เราได้กำลังใจจากทางพี่ๆ เค้ามากๆ เราเลือกตำแหน่ง ต้อนรับสปา ไป ถึงจะเป็นการฝึกงานที่ไม่เคยทำ แต่เราทำมันออกมาได้ดีในระดับที่เราพอใจมากๆ ในระหว่างนั้นเราก็รักษาตัวไปด้วย แต่พอมันครบ 6 เดือน ในตัวเรายังพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เท่ากับว่า ตอนเราไม่หายขาด ดีที่ค่าตับของเรายังโอเคอยู่ ยังไม่ทำลายตับ
แต่พอตอนนี้เราเรียนจบ เรากลับหาที่ทำงานไม่ได้เลย เราโทรไปหา HR โรงแรมหลายที่ เรากลับไม่สามารถได้งานตรงนั้นได้ ทั้งๆที่เป็นงานโรงแรมที่ตัวเองตั้งใจลงเรียนสายนี้ เพื่อจะทำงานโรงแรม แต่เรากับไม่ได้ทำในสิ่งที่อุส่าเรียน เราเลยเปลี่ยนไปหางานแบบอื่น ทั้ง TELESALE โทรขาย แต่พอรู้ว่าเราเป็น เกิดกลัวว่าเราจะทำงานไม่ได้บ้าง ลางานบ้าง ทั้งๆ ที่เรายังไม่เริ่มทำงาน หรือ ยังไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าถึงจะเป็นโรคนี้ เราทำงานได้นะ เรากลับเลือกปฏิบัติกับเราแบบนี้ จนตอนนี้เราไม่มีกำลังใจในการหางานเลย...
ปล. สำหรับเราที่เป็นแล้วเป็นศึกษามาแล้ว ว่ามันไม่ได้ติดต่อกันง่ายขนาดนั้น มันติดกันทาง เลือด กับ เพศสัมพันธ์ ซึ่งเราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนได้ แต่เราไม่ได้งาน เพราะเป็นโรคนี้ ( เราไม่ทราบที่มาเป็นมาจากไหน ครอบครัวเราไม่เป็น แฟนเราไม่เป็น แต่หมอวินิจฉัย บอกว่า น่าจะเกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่สดไม่สะอาด + กับการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ทำให้เราเป็น ) อีกใจยังไงเราก็อยากทำงานโรงแรมมากๆ เราไม่อยากถอดใจจากงานโรงแรม แต่มันไม่น่ามีโอกาสเลย
ปล 2 คือเราเข้าใจว่าการรับคนมาทำงานก็ต้องอยากได้คนที่ตรงสเปคกับบริษัทหรือตรงกับสายงาน แต่ว่าเราอยากให้ช่วยพิจารณาการผลของงานที่ออกมา มากกว่าผลตรวจสุขภาพที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี
เราเห็นกระทู้หลายกระทู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสธบี แล้วประสบปัญหาแบบนี้เหมือนกับเรา การที่เราเป็นไวรัสตับอักเสบบี แต่เราสามารถทำงานได้ดี แต่ก็ไม่ได้รับโอกาส มันน่าเศร้านะคะท่านผู้อ่านทุกท่าน T_T
** เรามีคำถาม **
1. ทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าท่านคิดยังไงกับคนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสธบี?
2. สำหรับคนที่เป็นแบบเรา พวกคุณทำยังไงที่ผ่านมันไปได้ สามารถฮิลใจตัวเองยังไงบ้าง? (เราอยากได้คำแนะนำจริงๆ แต่เราขอตามสมัครใจของผู้อ่าน / หรือผู้อ่านที่อยากให้กำลังใจ เราก็ยินดี )
3. สำหรับผู้อ่านที่ทำงานในตำแหน่ง HR ในสายงานต่างๆ พวกท่านมีกระบวนการคิดยังไงในกับการคัดกรองคนที่จะมาสมัครงาน ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี? ( เรายอมรับการตอบทุกรูปแบบ )
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ🙏🙏***
เราพึ่งพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง ทำไมถูกปฏิเสธงาน จนไม่มีกำลังใจหางานแล้ว ~~
เราเรียนการโรงแรมโดยตรง
เราอยากทำงานตรงสายมากๆ
แต่เราดันมาตรวจพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี ตอนปลายปีที่แล้วช่วงที่เราฝึกงานครั้งสุดท้ายก่อนเรียนจบ โดยเราลงฝึกงาน FB ไป แต่แล้วพอทาง HR ทราบผลตรวจสุขภาพ ก็แจ้งเราว่าขอปฏิเสธดิลในการฝึกงานของเรา ไม่ขอรับเราในการฝึกงาน เราก็พึ่งรู้ว่าเราเป็น เราจึงบอก HR ตามตรงว่า เราไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี เราเลยขอถามเพิ่มเติมว่า ถ้าเราไม่สามารถฝึก FB ได้ เราขอไปฝึกตำแหน่งหลังบ้านได้ไหม มีตำแหน่งไหนว่างไหมจะเป็น Coordinator แม่บ้าน หรือ Front ก็ได้ เพราะเราเคยฝึกแม่บ้านมาก่อน และอยากลองฝึก Front ดูสักครั้ง แต่ HR บอกเรา เต็มแล้ว บอกให้เราไปรักษาตัว เราเลยต้องหาที่ฝึกงานใหม่ แล้วรีบเข้ากระบวนการรักษาตัวเอง แต่ที่พีคกว่านั้น ช่วงที่เรากำลังหาที่ฝึกงานใหม่ เราเห็นประกาศจาก HR โรงแรมเดิมที่เราพึ่งโดนปฏิเสธไป
แจ้งประกาศว่า " มีตำแหน่งว่างทุกแผนก "
เราก็ตกใจว่า โอ้โหการที่เป็นโรคนี้ ทำให้เราไม่ได้รับการต้อนรับขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆ ที่เราสามารถทำงานในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับ FB ก็ได้ แต่ทางเค้าไม่เลือกที่จะรับเราเลย ทำให้เรารู้สึกแย่ๆ ในตอนนั้น
แต่ในที่สุดเราก็ได้ที่ฝึกงานได้ HR ที่นี่ให้คำแนะนำเราว่า เราจะฝึกงานตำแหน่งไหนก็ได้ ที่ไม่เกี่ยวช้องกับอาหาร พี่ HR ที่นี่คุยกับเราดีมาก ให้คำแนะนำต่างๆ เราได้กำลังใจจากทางพี่ๆ เค้ามากๆ เราเลือกตำแหน่ง ต้อนรับสปา ไป ถึงจะเป็นการฝึกงานที่ไม่เคยทำ แต่เราทำมันออกมาได้ดีในระดับที่เราพอใจมากๆ ในระหว่างนั้นเราก็รักษาตัวไปด้วย แต่พอมันครบ 6 เดือน ในตัวเรายังพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เท่ากับว่า ตอนเราไม่หายขาด ดีที่ค่าตับของเรายังโอเคอยู่ ยังไม่ทำลายตับ
แต่พอตอนนี้เราเรียนจบ เรากลับหาที่ทำงานไม่ได้เลย เราโทรไปหา HR โรงแรมหลายที่ เรากลับไม่สามารถได้งานตรงนั้นได้ ทั้งๆที่เป็นงานโรงแรมที่ตัวเองตั้งใจลงเรียนสายนี้ เพื่อจะทำงานโรงแรม แต่เรากับไม่ได้ทำในสิ่งที่อุส่าเรียน เราเลยเปลี่ยนไปหางานแบบอื่น ทั้ง TELESALE โทรขาย แต่พอรู้ว่าเราเป็น เกิดกลัวว่าเราจะทำงานไม่ได้บ้าง ลางานบ้าง ทั้งๆ ที่เรายังไม่เริ่มทำงาน หรือ ยังไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าถึงจะเป็นโรคนี้ เราทำงานได้นะ เรากลับเลือกปฏิบัติกับเราแบบนี้ จนตอนนี้เราไม่มีกำลังใจในการหางานเลย...
ปล. สำหรับเราที่เป็นแล้วเป็นศึกษามาแล้ว ว่ามันไม่ได้ติดต่อกันง่ายขนาดนั้น มันติดกันทาง เลือด กับ เพศสัมพันธ์ ซึ่งเราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนได้ แต่เราไม่ได้งาน เพราะเป็นโรคนี้ ( เราไม่ทราบที่มาเป็นมาจากไหน ครอบครัวเราไม่เป็น แฟนเราไม่เป็น แต่หมอวินิจฉัย บอกว่า น่าจะเกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่สดไม่สะอาด + กับการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ทำให้เราเป็น ) อีกใจยังไงเราก็อยากทำงานโรงแรมมากๆ เราไม่อยากถอดใจจากงานโรงแรม แต่มันไม่น่ามีโอกาสเลย
ปล 2 คือเราเข้าใจว่าการรับคนมาทำงานก็ต้องอยากได้คนที่ตรงสเปคกับบริษัทหรือตรงกับสายงาน แต่ว่าเราอยากให้ช่วยพิจารณาการผลของงานที่ออกมา มากกว่าผลตรวจสุขภาพที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี
เราเห็นกระทู้หลายกระทู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสธบี แล้วประสบปัญหาแบบนี้เหมือนกับเรา การที่เราเป็นไวรัสตับอักเสบบี แต่เราสามารถทำงานได้ดี แต่ก็ไม่ได้รับโอกาส มันน่าเศร้านะคะท่านผู้อ่านทุกท่าน T_T
** เรามีคำถาม **
1. ทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าท่านคิดยังไงกับคนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสธบี?
2. สำหรับคนที่เป็นแบบเรา พวกคุณทำยังไงที่ผ่านมันไปได้ สามารถฮิลใจตัวเองยังไงบ้าง? (เราอยากได้คำแนะนำจริงๆ แต่เราขอตามสมัครใจของผู้อ่าน / หรือผู้อ่านที่อยากให้กำลังใจ เราก็ยินดี )
3. สำหรับผู้อ่านที่ทำงานในตำแหน่ง HR ในสายงานต่างๆ พวกท่านมีกระบวนการคิดยังไงในกับการคัดกรองคนที่จะมาสมัครงาน ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี? ( เรายอมรับการตอบทุกรูปแบบ )
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ🙏🙏***