ผมเองชอบเสพงานศิลป์หลายสาขาตั้งแต่เด็ก
ทำมันหมดไม่ว่าจะเป็นอ่านวรรณกรรม ฟังละครวิทยุ
ดูหนัง ดูละครเวที ดูการทำงานศิลปะหลายๆแขนง
เออ มีดูการ์ตูนด้วย
เมื่อเราชอบเสพศิลปะหลายๆอย่าง
แน่นอนว่าเส้นทางการเดินทางต้องโคจรมาเจอ พระจันทร์เสี้ยวการละคร อย่างแน่นอน
ผมเองมักจะผลุบโผล่ไปโน่นที ไปนี่ที เพื่อดูว่าโลกมันเคลื่อนไหวไปถึงไหน
แล้วเราล่ะ จะตามโลก แหกคอก แหวกขนบหรือทำอะไรดีเมื่อยังอยู่บนโลก
คำตอบของผมก็คือทำแ--มันหมดแหละ เมื่อเวลาผ่านไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำอย่างนั้น ทำไมตอนนี้ไม่ทำอย่างนี้
พอทำแ--มันหมด ก็ดันชอบไปหมด เลยมีกิจกรรมที่หลากหลายมาก
ส่วนมากเป็นผู้เสพ ส่วนน้อยเป็นผู้ขาย เฮ้ย ไม่ใช่ เป็นผู้ผลิต
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่โคจรไปหา ก็คือพระจันทร์เสี้ยวการละคร
เรามาทำความรู้จักเขาจากเพจนี้ก่อนก็แล้วกัน
https://www.facebook.com/theatrestudiesandnews/posts/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B7/2171364943083423/
พระจันทร์เสี้ยวการละคร
"เราเป็นนกประดับดงไม้ รับฟังบทเพลงที่เราร้อง อย่ากู่เรียกชื่อเราเลย"

พระจันทร์เสี้ยวการละคร ก่อตั้งจากกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่สนใจด้านวรรณกรรมเมื่อ พ.ศ. 2512 ต่อมาคำรณ คุณะดิลก ได้ก่อตั้งชมรมพระจันทร์เสี้ยวการละครร่วมกับคณะนักแสดงที่เป็นนักศึกษาจากหลายสถาบัน ร่วมกันสร้างสรรค์ละครในนาม "ชมรมพระจันทร์เสี้ยวการละคร" ในปี พ.ศ. 2518 ต่อจากนั้นได้มีการร่วมกลุ่มผลัดเปลี่ยนเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานโดยคนรุ่นใหม่จนถึงปัจจุบัน
ยุคแรก (พ.ศ. 2512 - 2518) เป็นการทำงานในพื้นที่ชนบท เน้นเนื้อหาละครเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ปัญหาของคนในชนบท และสิทธิประชาชน และนำมาแสดงกลับมาแสดงในกรุงเทพฯ ทำให้คนเมืองได้เห็นปัญหาของคนในต่างจังหวัด หลังจากนั้นได้เปิดอบรมให้กับนักศึกษาจากหลากหลายสถาบัน สร้างสรรค์ทั้งงานละครข้างถนนและละครเวทีเต็มรูปแบบ หลังจากปี พ.ศ. 2519 พระจันทร์เสี้ยวการละครได้หยุดดำเนินการไปชั่วระยะหนึ่ง
ยุคที่ 2 (ประมาณ พ.ศ. 2529 -2530) ได้กลับมาสร้างสรรค์ละครเวทีสามัญชนเรื่อง "คือผู้อภิวัฒน์" เรื่องราวของรัฐบุรุษ ปรีดี พนมยงค์ โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2538-2540) ละครเรื่อง "คือผู้อภิวัฒน์" ได้ถูกนำกลับมาแสดงอีกครั้งในวาระเปิดอาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์ และเข้าร่วมเทศกาลละครครั้งที่ 1 จัดโดยศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมแสงอรุณ หลังจากนั้น พระจันทร์เสี้ยวการละครได้รับสนับสนุนโดยศูยน์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุน สร้างสรรค์ละครอีกหลายเรื่อง อาทิ "กูชื่อพญาพาน" "ความฝันกลางเดือนหนาว" "มาดาเหมา" "ตลิ่งสูงซุงหนัก" และ "กระโจมไฟ" เป็นต้น
ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2541-ช่วงเวลาหนึ่ง (จากแหล่งข้อมูล พ.ศ. 2553)) ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนพื้นที่จากสถาบันปรีดี พนมยงค์ เพื่อสร้างผลงานละครและกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรม ในพื้นที่ขนาดเล็ก ชื่อว่า ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
.....................................................................................................
แต่ผมทราบว่าโรงละครได้ปิดตัวลง
ทราบจากข้อความต่างๆในเว็บเพจ
ประกาศปิดละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
วันที่ 14 ตุลาคม 2560
เวลา 13.00-15.00 น.
พระจันทร์เสี้ยวการละครย้ายบ้านค่ะ เราขอประกาศปิด Crescent Moon Space หรือโรงละครพระจันทร์เสี้ยว พื้นที่และชุมชนศิลปะการละคร เปิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2550 ด้วยการแสดงโชว์เคสจากชาวพระจันทร์เสี้ยว แล้วเปิดด้วย "เทศกาลผู้หญิงในดวงจันทร์" เทศกาลของผู้เขียนบทและผู้กำกับหญิง ในเดือนพฤษาคม 2550
Crescent Moon Space เปิดเป็นโรงละครมาเป็นเวลาสิบปี มีการแสดงและละครมาลงเกือบทุกเดือน นอกจากจะเป็นที่ซ้อม ที่สร้างงานแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับการทำ Workshop Showcase และโปรเจคแลกเปลี่ยน โปรเจคทดลองอีกมากมาย
ละครเรื่องสุดท้ายของเราคือ "มนต์แห่งจันทรา" ของ New Theatre Society ส่วนเวร์คชอปสุดท้ายคืออบรมออกแบบแสง Stage Lighting Design workshop #13 โดย พระจันทร์เสี้ยว
ตอนนี้เรากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนเกี่ยวกับ 10 ปี ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space อย่างละเอียดอยู่
สรุปภาพรวม
การแสดงและละครทั้งหมดที่เคยจัดแสดงที่นี่ 116 เรื่อง
จำนวนรอบการแสดงทั้งหมด 828 รอบ
Festival 11 ครั้ง
International Exchange Project 2 ครั้ง
Showcase 29 ครั้ง
Workshop 55 ครั้ง
เสวนาพูดคุยหลังละคร 59 ครั้ง
ฉายหนัง 10 ครั้ง
หมายเหตุ : ไม่ได้นับที่กลุ่มละครต่างๆแวะเวียนมาใช้ประชุม คุยงาน และทำการซ้อม
***** ประมาณการว่ามีนักทำละคร ผู้ชมและผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับละครโรงเล็ก Crescent Moon Space หรือ โรงละครพระจันทร์เสี้ยว ประมาณปีละประมาณ 4,000 คน ***
เราจะทำความสะอาดและส่งคืนพื้นที่ ในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคมนี้
ขอเชิญมาถ่ายรูปร่วมกันเพื่ออำลาสเปซ เวลา 13.00-15.00 น.
หรือ หากท่านใดไม่สะดวกมา ก็ขอเชิญชวนให้ช่วยเขียนความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่มีที่สเปซนี้เพื่อเป็นการบอกลากัน และเพื่อเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการละครร่วมกันว่าครั้งหนึ่งเคยมีพื้นที่เล็กๆที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ทางศิลปะการละคร พื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เป็นเหมือนชุมชนทางศิลปะได้ปิดตัวลงอีกแห่งหนึ่ง
โดยเขียนลงในอิเว้นท์ ประกาศปิดละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
หรือ เขียนสเตตัสที่เฟสของท่านโดยติดแฮชแทค #ละครโรงเล็ก #CrescentMoonSpace #โรงละครพระจันทร์เสี้ยว
พระจันทร์เสี้ยวการละคร
ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆน้องๆนักทำละครทุกคน ที่มีส่วนร่วมในพื้นที่เล็กๆทางศิลปะการละครแห่งนี้
ขอบคุณผู้ชมทุกท่านที่มาดูละคร การมาดูละครของทุกท่านคือการสนับสนุนศิลปะการละคร
ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและผู้อุปถัมป์ทุกท่านที่คอยสนับสนุนเรา ทำให้เราได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณ สถาบันปรีดี พนมยงค์ และกรรมการมูลนิธิและกรรมการสถาบันฯทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
หมายเหตุ : แต่กลุ่มละครพระจันทร์เสี้ยว ยังอยู่สร้างงานกันต่อไป ติดตามเราได้ที่เพจ Crescent Moon Theatre นะคะ




..................................................................................................
การที่เราจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้ดีขึ้นก็คือการตามฟัง ตามอ่าน
ในสิ่งที่เว็บต่างๆเปิกโอกาสให้
https://plus.thairath.co.th/topic/subculture/102230
แกะรอยการเดินทางอันยาวนานของ ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ : ชีวิต ความฝัน ความหวัง และจิตวิญญาณคนทำละคร
ชวนย้อนมองเส้นทางตลอดหลายสิบปีของ ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ กลุ่มละครโรงเล็กเพื่อสังคม ที่ขยันสร้างผลงานละครและการแสดงในหลากหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านปากคำบอกเล่าของสมาชิกรุ่นบุกเบิกอย่าง คำรณ คุณะดิลก และ สินีนาฏ เกษประไพ
“เมื่อปลดเปลื้องเปลือกกระพี้ภายนอก เราจะเจอแก่นแกนที่อยู่ภายใน”
คือคำบอกเล่าง่ายๆ ในวิชาการละครโดย คำรณ คุณะดิลก – ครูละคร
เขาไม่ได้มองความหมายของประโยคนี้ เพียงแค่ในวิชาการละครเท่านั้น แต่ยังมองลึกไปถึงชีวิต ถึงผู้คน และปรากฏการณ์บนโลกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องโยงใยกัน ว่าตราบใดที่แก่นแกนสำคัญไม่ได้หายไป ทุกอย่างบนโลกก็ยังดำรงอยู่ได้
กลางถนนดินสอในปีหนึ่ง ช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับฟ้า ร่างเล็กเนื้อตัวฉาบทาด้วยสีขาวของ สินีนาฏ เกษประไพ กำลังเคลื่อนไหวท่ามกลางผู้ชมที่ยืนห้อมล้อม
‘ทรงพลัง’
คือคำที่ผุดขึ้นมาในความคิด แม้ไม่มีบทสนทนาแต่ตราตรึง ดึงดูดให้เราเฝ้ามองการแสดงนั้นพลางขบคิดอะไรบางอย่าง
นั่นเป็นบางส่วนในภาพความทรงจำของนักเรียนละครคนหนึ่ง
เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้เริ่มทำความรู้จัก ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ กลุ่มละครโรงเล็ก กลุ่มละครอิสระ หรือกลุ่มละครเพื่อสังคมและการเมือง ตามแต่ละคนจะเรียกขาน
แต่ไม่ว่าผู้คนจะเรียกด้วยชื่อไหนก็ตาม พระจันทร์เสี้ยวการละคร ได้เข้ามาสั่นสะเทือนความคิดและหัวใจของนักเรียนละครคนนั้น นับตั้งแต่นั้นมา
ฉากที่หนึ่ง : จันทร์เสี้ยวแรก
พระจันทร์เสี้ยว คือการแสวงหาที่ไม่หยุดนิ่ง…
คงเรียกได้ว่าการแสวงหานั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ราวปี 2512 ภายใต้รั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ซึ่งนักคิด นักเขียน และนักทำหนังสือ มารวมตัวกัน จนก่อกำเนิดเป็น ‘ชมรมพระจันทร์เสี้ยว’ ชมรมที่มีความสนใจในงานวรรณกรรม
“เราหวังจะทำละคร”
คำรณ หนึ่งในผู้ก่อตั้งพระจันทร์เสี้ยวการละคร พาเราย้อนไปในช่วงปีที่ตัวเองยังเป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งชีวิตในชั้นปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษา เขาและเหล่านักคิดนักเขียนจากชมรมพระจันทร์เสี้ยวก็เริ่มสนใจในศิลปะการละคร
“เราไปเห็นว่าเนื้อหาอย่างเดียวมันไม่สามารถที่จะทำให้คนรับสารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือทัศนคติได้ ถ้าเนื้อหาตรงนั้นมันไม่ได้มีลักษณะเชิงวรรณกรรมหรือนิยาย และมีความน่าตื่นเต้น แล้วศิลปะการละครมันมีความน่าตื่นเต้นในการนำเสนอ ถ้าเกิดเรานำศิลปะการละครไปใช้ร่วมเป็นบริบทในการเล่าเนื้อหาที่เราต้องการจะสื่อ มันจะทำให้เนื้อหานั้นสามารถที่จะเข้าไปถึงผู้คนได้ง่าย เร็ว และฝังตัวอยู่ยาวนาน”

คำรณ และ ‘คือผู้อภิวัฒน์’ รุ่นแรก
จากการค้นพบความน่าสนใจในศิลปะการละคร ผนวกกับสถานการณ์ทางสังคมการเมืองในขณะนั้น เขาและกลุ่มได้สร้างผลงานละครสะท้อนสังคมหลากหลายเรื่อง ซึ่งภายหลังเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในเดือนตุลาคม 2519 สมาชิกต่างแยกย้ายเส้นทาง คำรณเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมกับกลุ่มละคร สั่งสมประสบการณ์ละครยาวนานถึง 10 ปี และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย เขาได้สร้างสรรค์ผลงานละครเวที ‘คือผู้อภิวัฒน์’
ก่อนจะรวบรวมคนหนุ่มสาวที่มีหัวใจรักในศิลปะการละคร รวมตัวก่อตั้ง ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ ในโครงการคณะละครถาวร ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุณ
*************** บันทึกการเดินทาง: พระจันทร์เสี้ยวการละคร ***************
ทำมันหมดไม่ว่าจะเป็นอ่านวรรณกรรม ฟังละครวิทยุ
ดูหนัง ดูละครเวที ดูการทำงานศิลปะหลายๆแขนง
เออ มีดูการ์ตูนด้วย
เมื่อเราชอบเสพศิลปะหลายๆอย่าง
แน่นอนว่าเส้นทางการเดินทางต้องโคจรมาเจอ พระจันทร์เสี้ยวการละคร อย่างแน่นอน
ผมเองมักจะผลุบโผล่ไปโน่นที ไปนี่ที เพื่อดูว่าโลกมันเคลื่อนไหวไปถึงไหน
แล้วเราล่ะ จะตามโลก แหกคอก แหวกขนบหรือทำอะไรดีเมื่อยังอยู่บนโลก
คำตอบของผมก็คือทำแ--มันหมดแหละ เมื่อเวลาผ่านไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำอย่างนั้น ทำไมตอนนี้ไม่ทำอย่างนี้
พอทำแ--มันหมด ก็ดันชอบไปหมด เลยมีกิจกรรมที่หลากหลายมาก
ส่วนมากเป็นผู้เสพ ส่วนน้อยเป็นผู้ขาย เฮ้ย ไม่ใช่ เป็นผู้ผลิต
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่โคจรไปหา ก็คือพระจันทร์เสี้ยวการละคร
เรามาทำความรู้จักเขาจากเพจนี้ก่อนก็แล้วกัน
https://www.facebook.com/theatrestudiesandnews/posts/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B7/2171364943083423/
พระจันทร์เสี้ยวการละคร
"เราเป็นนกประดับดงไม้ รับฟังบทเพลงที่เราร้อง อย่ากู่เรียกชื่อเราเลย"
พระจันทร์เสี้ยวการละคร ก่อตั้งจากกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่สนใจด้านวรรณกรรมเมื่อ พ.ศ. 2512 ต่อมาคำรณ คุณะดิลก ได้ก่อตั้งชมรมพระจันทร์เสี้ยวการละครร่วมกับคณะนักแสดงที่เป็นนักศึกษาจากหลายสถาบัน ร่วมกันสร้างสรรค์ละครในนาม "ชมรมพระจันทร์เสี้ยวการละคร" ในปี พ.ศ. 2518 ต่อจากนั้นได้มีการร่วมกลุ่มผลัดเปลี่ยนเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานโดยคนรุ่นใหม่จนถึงปัจจุบัน
ยุคแรก (พ.ศ. 2512 - 2518) เป็นการทำงานในพื้นที่ชนบท เน้นเนื้อหาละครเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ปัญหาของคนในชนบท และสิทธิประชาชน และนำมาแสดงกลับมาแสดงในกรุงเทพฯ ทำให้คนเมืองได้เห็นปัญหาของคนในต่างจังหวัด หลังจากนั้นได้เปิดอบรมให้กับนักศึกษาจากหลากหลายสถาบัน สร้างสรรค์ทั้งงานละครข้างถนนและละครเวทีเต็มรูปแบบ หลังจากปี พ.ศ. 2519 พระจันทร์เสี้ยวการละครได้หยุดดำเนินการไปชั่วระยะหนึ่ง
ยุคที่ 2 (ประมาณ พ.ศ. 2529 -2530) ได้กลับมาสร้างสรรค์ละครเวทีสามัญชนเรื่อง "คือผู้อภิวัฒน์" เรื่องราวของรัฐบุรุษ ปรีดี พนมยงค์ โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2538-2540) ละครเรื่อง "คือผู้อภิวัฒน์" ได้ถูกนำกลับมาแสดงอีกครั้งในวาระเปิดอาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์ และเข้าร่วมเทศกาลละครครั้งที่ 1 จัดโดยศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมแสงอรุณ หลังจากนั้น พระจันทร์เสี้ยวการละครได้รับสนับสนุนโดยศูยน์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุน สร้างสรรค์ละครอีกหลายเรื่อง อาทิ "กูชื่อพญาพาน" "ความฝันกลางเดือนหนาว" "มาดาเหมา" "ตลิ่งสูงซุงหนัก" และ "กระโจมไฟ" เป็นต้น
ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2541-ช่วงเวลาหนึ่ง (จากแหล่งข้อมูล พ.ศ. 2553)) ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนพื้นที่จากสถาบันปรีดี พนมยงค์ เพื่อสร้างผลงานละครและกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรม ในพื้นที่ขนาดเล็ก ชื่อว่า ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
.....................................................................................................
แต่ผมทราบว่าโรงละครได้ปิดตัวลง
ทราบจากข้อความต่างๆในเว็บเพจ
ประกาศปิดละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
วันที่ 14 ตุลาคม 2560
เวลา 13.00-15.00 น.
พระจันทร์เสี้ยวการละครย้ายบ้านค่ะ เราขอประกาศปิด Crescent Moon Space หรือโรงละครพระจันทร์เสี้ยว พื้นที่และชุมชนศิลปะการละคร เปิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2550 ด้วยการแสดงโชว์เคสจากชาวพระจันทร์เสี้ยว แล้วเปิดด้วย "เทศกาลผู้หญิงในดวงจันทร์" เทศกาลของผู้เขียนบทและผู้กำกับหญิง ในเดือนพฤษาคม 2550
Crescent Moon Space เปิดเป็นโรงละครมาเป็นเวลาสิบปี มีการแสดงและละครมาลงเกือบทุกเดือน นอกจากจะเป็นที่ซ้อม ที่สร้างงานแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับการทำ Workshop Showcase และโปรเจคแลกเปลี่ยน โปรเจคทดลองอีกมากมาย
ละครเรื่องสุดท้ายของเราคือ "มนต์แห่งจันทรา" ของ New Theatre Society ส่วนเวร์คชอปสุดท้ายคืออบรมออกแบบแสง Stage Lighting Design workshop #13 โดย พระจันทร์เสี้ยว
ตอนนี้เรากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนเกี่ยวกับ 10 ปี ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space อย่างละเอียดอยู่
สรุปภาพรวม
การแสดงและละครทั้งหมดที่เคยจัดแสดงที่นี่ 116 เรื่อง
จำนวนรอบการแสดงทั้งหมด 828 รอบ
Festival 11 ครั้ง
International Exchange Project 2 ครั้ง
Showcase 29 ครั้ง
Workshop 55 ครั้ง
เสวนาพูดคุยหลังละคร 59 ครั้ง
ฉายหนัง 10 ครั้ง
หมายเหตุ : ไม่ได้นับที่กลุ่มละครต่างๆแวะเวียนมาใช้ประชุม คุยงาน และทำการซ้อม
***** ประมาณการว่ามีนักทำละคร ผู้ชมและผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับละครโรงเล็ก Crescent Moon Space หรือ โรงละครพระจันทร์เสี้ยว ประมาณปีละประมาณ 4,000 คน ***
เราจะทำความสะอาดและส่งคืนพื้นที่ ในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคมนี้
ขอเชิญมาถ่ายรูปร่วมกันเพื่ออำลาสเปซ เวลา 13.00-15.00 น.
หรือ หากท่านใดไม่สะดวกมา ก็ขอเชิญชวนให้ช่วยเขียนความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่มีที่สเปซนี้เพื่อเป็นการบอกลากัน และเพื่อเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการละครร่วมกันว่าครั้งหนึ่งเคยมีพื้นที่เล็กๆที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ทางศิลปะการละคร พื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เป็นเหมือนชุมชนทางศิลปะได้ปิดตัวลงอีกแห่งหนึ่ง
โดยเขียนลงในอิเว้นท์ ประกาศปิดละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
หรือ เขียนสเตตัสที่เฟสของท่านโดยติดแฮชแทค #ละครโรงเล็ก #CrescentMoonSpace #โรงละครพระจันทร์เสี้ยว
พระจันทร์เสี้ยวการละคร
ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆน้องๆนักทำละครทุกคน ที่มีส่วนร่วมในพื้นที่เล็กๆทางศิลปะการละครแห่งนี้
ขอบคุณผู้ชมทุกท่านที่มาดูละคร การมาดูละครของทุกท่านคือการสนับสนุนศิลปะการละคร
ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและผู้อุปถัมป์ทุกท่านที่คอยสนับสนุนเรา ทำให้เราได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณ สถาบันปรีดี พนมยงค์ และกรรมการมูลนิธิและกรรมการสถาบันฯทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
หมายเหตุ : แต่กลุ่มละครพระจันทร์เสี้ยว ยังอยู่สร้างงานกันต่อไป ติดตามเราได้ที่เพจ Crescent Moon Theatre นะคะ
..................................................................................................
การที่เราจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้ดีขึ้นก็คือการตามฟัง ตามอ่าน
ในสิ่งที่เว็บต่างๆเปิกโอกาสให้
https://plus.thairath.co.th/topic/subculture/102230
แกะรอยการเดินทางอันยาวนานของ ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ : ชีวิต ความฝัน ความหวัง และจิตวิญญาณคนทำละคร
ชวนย้อนมองเส้นทางตลอดหลายสิบปีของ ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ กลุ่มละครโรงเล็กเพื่อสังคม ที่ขยันสร้างผลงานละครและการแสดงในหลากหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านปากคำบอกเล่าของสมาชิกรุ่นบุกเบิกอย่าง คำรณ คุณะดิลก และ สินีนาฏ เกษประไพ
“เมื่อปลดเปลื้องเปลือกกระพี้ภายนอก เราจะเจอแก่นแกนที่อยู่ภายใน”
คือคำบอกเล่าง่ายๆ ในวิชาการละครโดย คำรณ คุณะดิลก – ครูละคร
เขาไม่ได้มองความหมายของประโยคนี้ เพียงแค่ในวิชาการละครเท่านั้น แต่ยังมองลึกไปถึงชีวิต ถึงผู้คน และปรากฏการณ์บนโลกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องโยงใยกัน ว่าตราบใดที่แก่นแกนสำคัญไม่ได้หายไป ทุกอย่างบนโลกก็ยังดำรงอยู่ได้
กลางถนนดินสอในปีหนึ่ง ช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับฟ้า ร่างเล็กเนื้อตัวฉาบทาด้วยสีขาวของ สินีนาฏ เกษประไพ กำลังเคลื่อนไหวท่ามกลางผู้ชมที่ยืนห้อมล้อม
‘ทรงพลัง’
คือคำที่ผุดขึ้นมาในความคิด แม้ไม่มีบทสนทนาแต่ตราตรึง ดึงดูดให้เราเฝ้ามองการแสดงนั้นพลางขบคิดอะไรบางอย่าง
นั่นเป็นบางส่วนในภาพความทรงจำของนักเรียนละครคนหนึ่ง
เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้เริ่มทำความรู้จัก ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ กลุ่มละครโรงเล็ก กลุ่มละครอิสระ หรือกลุ่มละครเพื่อสังคมและการเมือง ตามแต่ละคนจะเรียกขาน
แต่ไม่ว่าผู้คนจะเรียกด้วยชื่อไหนก็ตาม พระจันทร์เสี้ยวการละคร ได้เข้ามาสั่นสะเทือนความคิดและหัวใจของนักเรียนละครคนนั้น นับตั้งแต่นั้นมา
ฉากที่หนึ่ง : จันทร์เสี้ยวแรก
พระจันทร์เสี้ยว คือการแสวงหาที่ไม่หยุดนิ่ง…
คงเรียกได้ว่าการแสวงหานั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ราวปี 2512 ภายใต้รั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ซึ่งนักคิด นักเขียน และนักทำหนังสือ มารวมตัวกัน จนก่อกำเนิดเป็น ‘ชมรมพระจันทร์เสี้ยว’ ชมรมที่มีความสนใจในงานวรรณกรรม
“เราหวังจะทำละคร”
คำรณ หนึ่งในผู้ก่อตั้งพระจันทร์เสี้ยวการละคร พาเราย้อนไปในช่วงปีที่ตัวเองยังเป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งชีวิตในชั้นปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษา เขาและเหล่านักคิดนักเขียนจากชมรมพระจันทร์เสี้ยวก็เริ่มสนใจในศิลปะการละคร
“เราไปเห็นว่าเนื้อหาอย่างเดียวมันไม่สามารถที่จะทำให้คนรับสารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือทัศนคติได้ ถ้าเนื้อหาตรงนั้นมันไม่ได้มีลักษณะเชิงวรรณกรรมหรือนิยาย และมีความน่าตื่นเต้น แล้วศิลปะการละครมันมีความน่าตื่นเต้นในการนำเสนอ ถ้าเกิดเรานำศิลปะการละครไปใช้ร่วมเป็นบริบทในการเล่าเนื้อหาที่เราต้องการจะสื่อ มันจะทำให้เนื้อหานั้นสามารถที่จะเข้าไปถึงผู้คนได้ง่าย เร็ว และฝังตัวอยู่ยาวนาน”
คำรณ และ ‘คือผู้อภิวัฒน์’ รุ่นแรก
จากการค้นพบความน่าสนใจในศิลปะการละคร ผนวกกับสถานการณ์ทางสังคมการเมืองในขณะนั้น เขาและกลุ่มได้สร้างผลงานละครสะท้อนสังคมหลากหลายเรื่อง ซึ่งภายหลังเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในเดือนตุลาคม 2519 สมาชิกต่างแยกย้ายเส้นทาง คำรณเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมกับกลุ่มละคร สั่งสมประสบการณ์ละครยาวนานถึง 10 ปี และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย เขาได้สร้างสรรค์ผลงานละครเวที ‘คือผู้อภิวัฒน์’
ก่อนจะรวบรวมคนหนุ่มสาวที่มีหัวใจรักในศิลปะการละคร รวมตัวก่อตั้ง ‘พระจันทร์เสี้ยวการละคร’ ในโครงการคณะละครถาวร ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุณ