ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย# Working woman 3

กระทู้สนทนา
หลังจากย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ร.ร. ตัวเราก็ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ที่ทำงานอยู่แถวชิดลม ใช้บีทีเอสวิ่งยาวมาลงทีชิดลมแล้วเดินต่อไปที่ทำงาน ทำอยู่ทีนี่ตั้งแต่ปี 2557-2561 
ตอนเช้า 4 คน พ่อ แม่ ลูกก็จะขึ้นแท๊กซี่คันเดียวกันออกจากบ้านแล้วมาหยุดที่ ร.ร.ที่สามีทำงานและลูกๆเรียนหนังสือกัน ส่วนเราก็พอส่งทุกคนแล้วก็เดินทางไปทำงานต่อใช้วิธีนั่งเรือ เป็นเรือฟรี เพื่อไปต่อ
บีทีเอสมันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรามีอิสระจากลูกและสามี เพราะตอนเย็นคนที่รับลูกกลับบ้านก็คือสามีกว่าเราจะถึงบ้าน ทุ่มหนึ่งทุกวัน ทำให้เราไปไหนมาไหนคนเดียวทุกวัน และก็เริ่มแต่งตัวเก่งขึ้น เพราะอยู่ทีนี่เป็นสาวออฟฟิศ เพื่อนรุ่นน้องเป็นสาวโสด นางก็พาเราช้อปปิ้ง ที่ตลาดนัดใกล้ที่ทำงานทุกวันตอนพักเที่ยง แต่งตัวสวยขึ้นจนคนที่คอนโดทักว่า เดี๋ยวก็มีหนุ่มๆมาจีบหรอก มันก็เป็นอย่างนั่นจริงๆนะ เริ่มจากไอ้หนุ่มบนเรื่อเลย ไปปิ๊งเขาเข้า หล่อ ล่ำ สูงยาวเข่าดี แอบชอบเขา เฝ้ามอง คอยรอเลยเพื่อจะเจอ ดักรอบ้าง ถ้าลงเรื่อมาคนละรอบ มองหาไม่เห็นก็จะรอจนเจอ บางวันไปทำงานสายเลยเพราะรอเจอผู้ชาย ขอให้ได้เห็น ได้สบตา พอ ฟิน......... หนักๆเข้าทนไม่ไหว ให้นามบัตรเลย มีเบอร์โทรอยู่ ก็รอให้พ่อหนุ่มโทรมา แล้วเขาก็โทรมา แต่!! โทรมาตอนอยู่พร้อมหน้าเลย ทั้งสามีและลูกในรถแท๊กซี่หลังกลับจากไปเที่ยวกันในวันหยุด พูดไม่ออกเลยทีนี่ได้แต่บอกว่าคุณโทรผิดค่ะ...😢😢 สมน้ำหน้า อยากมีกิ๊ก 
แล้วจู่ๆเม้นท์ก็ไม่มา 2 เดือน บอกกับสามีและลูกแล้วก็ไปซื้อที่ตรวจตั้งครรถ์ที่ 7-11 มา ผลปรากฎผลพุ่งปรี้ดๆๆไปที่ 2 ขีด หมายความว่า *ท้อง แทบเป็นลมวันนั้นสามีบอกว่าเพื่อความชัวร์ควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลมากกว่าแล้ววันรุ่งขึ้นเราก็รีบไปโรงพยาบาลแล้วผลก็ออกมาชัดเจนว่าเราตั้งครรภ์ จึงรีบปรึกษาหมอทันทีว่าตอนนี้เราอายุ 40 แล้วจะเป็นอันตรายไหมเพราะเราผ่าคลอดมา 2 ครั้งแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลคุณหมอเคยทำคลอดอายุมากสุดคือ 45 ปี ก็ปลอดภัยดีค่ะ 
มานั่งคิดๆดูแล้วมันเหมือนพระเจ้าลงโทษต้องการหยุดพฤติกรรม ความอยากมีกิ๊กของเราแน่ๆเลยให้เราท้องลูกคนที่ 3 จะได้หยุดทำบาป และอีกอย่างพระเจ้าน่าจะคุ้มครองสามีซึ่งเป็นคนดีเขาไม่เคยทำอะไรผิดเขาดูแลลูกและครอบครัวได้เป็นอย่างดีมีแต่เราที่ก่อแต่เรื่อง พอท้องก็หยุดได้จริงๆเรื่องทำตัวเป็นสาวโสด หากิ๊ก 

ช่วงนี้สามีมีปัญหาที่โรงเรียน จนโกรธถึงขั้นขอลาออกจากโรงเรียน ซึ่งเราก็เกลี้ยกล่อมอยู่นานว่าลูกจะจบม. 3 แล้ว อดทนหน่อยดีไหมซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่าเรื่องนี้มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วเขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆทุกปีงานที่โรงเรียนนี้ก็เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นแทนที่ยิ่งทำอยู่นานจะยิ่งคล่องตัวและสบายตัวมากขึ้นกลับไม่ใช่อย่างนั้นงานกลับเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นแต่เงินเดือนเท่าเดิมซึ่งเขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะทำให้โรงเรียนเห็นความสำคัญของครูในร.ร.บ้าง 
และสามีก็ลาออก ทางบริษัทโทรมาตามเป็นร้อยครั้ง แต่เขาห้ามไม่ให้เรารับสาย ผอ.ก็ไม่ง้อนะ ไม่ยอมโทรมาตาม ก็จบงานที่นี่ โดยที่เราเพิ่งตั้งท้อง...................
เราก็ทำงานคนเดียว จ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 14,000+ค่าน้ำ,ไฟ,อินเทอร์เน็ต รวมๆก็เกือบ 20,000฿ ส่วนค่าเทอมลูกสองคน ก็ค้างที่ ร.ร.ไว้ 

เมื่อเริ่มท้องแก่ ไม่รู้ใครเป็นอย่างเราไหม มันมีความต้องการ......มากกว่าปกติ แต่สามีบอกว่าไม่ควรมีอะไรกันเพราะหมอก็สั่งไว้ด้วย มันมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ เฮ้อ...มีเหรอคนอย่างเราจะเชื่อ ก็ไปหาอ่านบทความเรื่องผู้หญิงตั้งครรภ์และมีความต้องการทางเพศควรทำอย่างไรไอ้พวกบทความในอินเทอร์เน็ตมันก็เขียนสนับสนุนว่ามีได้อย่างนู้นอย่างนี้ด้วยความที่คิดเข้าข้างตัวเองก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่าทำได้และสุดท้ายก็ช่วยตัวเองและทุกครั้งที่ช่วยตัวเองเราก็จะรู้สึกว่ามันรู้สึกเจ็บและเกร็งหน้าท้องมาก อันนี้อยากแชร์ให้ทุกคนเช้าใจเลยว่า เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะอันตรายเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอด มดลูกเราจะบีบตัวและในเวลาเดียวกันมันก็บีบลูกในท้องเราไปด้วย นี่คือเหตุผลที่เราปวดเกร็งท้องตอนถึงจุดสุดยอด และสุดท้ายมีเลือดออก ซึ่งเราก็รีบไป ร.พ.ทันที หมอมาตรวจเอาเครื่องมาจับจังหวะการบีบของมดลูก ว่าบีบถี่แค่ไหน ผลปรากฎว่า มดลูกบีบถี่มาก หมอลงความเห็นว่ามีอาการเข้าข่ายการคลอดก่อนกำหนดและขอให้ย้าย ร.พ.ไปที่ศิริราช เพราะเราต้องแอดมิท อยู่ร.พ.ยาวแน่นอน ซึ่งที่นี่เป็น ร.พ.เอกชน (เราใช้ประกันสังคมที่ ร.พ.เกษมราษฎร์) ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก เราก็เลยต้องไปฝากท้องต่อที่ ร.พ.ศิริราช และก็เป็นอย่างที่หมอเกษมราษบอกจริงๆ ไปถึงศิริราช หมอตรวจโดยใช้เครื่องจับจังหวะการบีบตัวของมดลูกแบบเดียวกับ ร.พ.เกษมราษฎร์ และบอกว่าเรามีภาวะการจะคลอดก่อนกำหนด เพราะฉะนั้นต้องอยู่ร.พ.จนกว่าจะคลอด OMG!!
และห้องที่เรานอนก็นอนอยู่ในห้องคลอด นอนไม่หลับเลย เพราะมีคนมาคลอดลูกทุกวัน และหมอมีการให้ยาในการหยุดการบีบตัวของมดลูกด้วย เป็นยาที่ให้เหมือนน้ำเกลือเลย ยาตัวนี้จะช่วยลูกแต่จะมีผลข้างเคียงกับแม่ ซึ่งจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ถ้าทนไม่ไหวให้บอกหมอจะลดยาลง และเราก็ทนไม่ไหว ใจมันสั่นมาก หมอก็ต้องมาลดระดับยาลง เราอยู่ร.พ.ประมาณ 2 อาทิตย์ นอนอยู่ในห้องคลอดนั้นแหละ จนกระทั้งหมอมาตรวจอีกครั้งและสั่งย้ายเราออกจากห้องคลอดไปนอนต่อที่ห้องหลังคลอด แต่เราขอร้องหมอว่าอยากกลับบ้านแล้ว ไปพักต่อที่บ้านได้ไหม หมอตรวจดูประวัติแล้วก็เห็นว่า หลังจากให้ยาไปแล้ว มดลูกก็บีบตัวน้อยลง ก็เลยเห็นด้วยว่าน่าจะกลับบ้านได้ แต่ก็ให้อยู่บ้านต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ พอกลับไปบ้านได้แค่ 2-3 วันเองมั้ง 
ก็ก่อเรื่อง ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นสบายมาก มากเกินไปจนคนอย่างเรามีอารมณ์อีกครั้ง ด้วยความที่หมอสั่งห้ามเดิน ก็กินๆนอนๆอยู่บนเตียง อากาศก็ดีก็แอบช่วยตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้เดือดร้อนอีก เลือดออกอีก สามีบอกรีบไป ร.พ.เถอะตอนนี้ยังไม่มืด ถ้าเกิดอะไรขึ้นตอนกลางคืนในจะลำบาก เราก็ดื้อไม่อยากกลับไปร.พ.อีกนะ แต่ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำก็มีเลือดออกปนมาด้วยตลอด ก็เลยต้องยอมไป และแล้วเมื่อมาถึง ร.พ. หมอก็ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้มีเพศสัมพันธ์กับสามีหรือเปล่า เราก็ตอบว่าเปลา แต่ไม่กล้าบอกความจรืงไปว่า ช่วยตัวเองค่ะ!! หมอก็งงมากนั่งบ่นอยู่ว่าแล้วมีอาการเลือดออกได้ไง จริงๆเราน่าจะบอกหมอไปนะ จะได้เป็นบทเรียนให้หญิงตั้งครรภ์คนอื่นๆด้วย
ซักพัก น้ำคร่ำก็แตก!! หมอก็รีบเตรียมเราเข้าห้องผ่าตัด เวลา 18.30 น. หมอก็ผ่าลูกชายเราออกมาสำเร็จ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่