ในวันที่รู้สึกไปต่อไม่ไหวกับการทำงานควรทำยังไง
ตอนนี้ผมรู้สึกเครียด กังวัล กลัว ไม่รู้จะแก้ความรู้สึกตัวเองให้ฟื้นกลับไปทำงานต่อยังไง แต่ก่อนฝืนโดยการสูบบุหรี่แก้ครียดแต่ปัจจุบันร่างกายเริ่มไม่ไหว
งานผมรับมาเยอะเกินกว่าที่จะรับมือไหว และผมรู้สึกหมดไฟ แต่พยายามจะเรียกสติตัวเอง โปรเจคที่ผ่านมาผมผ่านมาได้แบบเกือบเอาไม่รอด แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าผมคงฝืนตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ ตอนนี้เลยเลิกบุหรี่ และกลับมาออกกำลังกาย แต่ก็ยังรู้สึกยากที่จะกลับมาโฟกัสกับงานได้
แต่ปัญหาของผมที่ผ่านมาคือ
- ผมถืองานเยอะเกินไป
- ผมไม่กล้าปฏิ้เสธและกลัวคนอื่นผิดหวัง
- หัวหน้างานไม่ให้ผมโฟกัสกับงานปัจจุบันหรือมีเวลามากพอ ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าเดือนนี้ขอเคลียงานนี้ก่อน และหางานใหม่เข้ามาให้ผมตลอด
- ผมรู้สึกเวลาผมหายไปเยอะมาก และชีวิตมีแต่งาน ผมรู้สึกตัวเองเป็นโรคขี้กังวล เครียด และกลัวการพูดคุยกับคนอื่น และเริ่มท้อแท้หนักขึ้นเรื่อย
- ผมรู้สึกเหมือนโดนโยนงานมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รียกร้องกล่าวโทษอะไร แต่ผมกลัวว่าครั้งนี้งานจะไม่เสร็จ และทุกอย่างมันติดอยู่ที่ผม
- ผมเริ่มรู้สึกคิดร้ายกับทุกคน และหงุดหงิดกับทุกอย่าง และผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
ปัญหาการปรับสมดุลการทำงาน สุขภาพ และจิตใจ ของตัวผมในวัย 25 ปี
ตอนนี้ผมรู้สึกเครียด กังวัล กลัว ไม่รู้จะแก้ความรู้สึกตัวเองให้ฟื้นกลับไปทำงานต่อยังไง แต่ก่อนฝืนโดยการสูบบุหรี่แก้ครียดแต่ปัจจุบันร่างกายเริ่มไม่ไหว
งานผมรับมาเยอะเกินกว่าที่จะรับมือไหว และผมรู้สึกหมดไฟ แต่พยายามจะเรียกสติตัวเอง โปรเจคที่ผ่านมาผมผ่านมาได้แบบเกือบเอาไม่รอด แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าผมคงฝืนตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ ตอนนี้เลยเลิกบุหรี่ และกลับมาออกกำลังกาย แต่ก็ยังรู้สึกยากที่จะกลับมาโฟกัสกับงานได้
แต่ปัญหาของผมที่ผ่านมาคือ
- ผมถืองานเยอะเกินไป
- ผมไม่กล้าปฏิ้เสธและกลัวคนอื่นผิดหวัง
- หัวหน้างานไม่ให้ผมโฟกัสกับงานปัจจุบันหรือมีเวลามากพอ ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าเดือนนี้ขอเคลียงานนี้ก่อน และหางานใหม่เข้ามาให้ผมตลอด
- ผมรู้สึกเวลาผมหายไปเยอะมาก และชีวิตมีแต่งาน ผมรู้สึกตัวเองเป็นโรคขี้กังวล เครียด และกลัวการพูดคุยกับคนอื่น และเริ่มท้อแท้หนักขึ้นเรื่อย
- ผมรู้สึกเหมือนโดนโยนงานมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รียกร้องกล่าวโทษอะไร แต่ผมกลัวว่าครั้งนี้งานจะไม่เสร็จ และทุกอย่างมันติดอยู่ที่ผม
- ผมเริ่มรู้สึกคิดร้ายกับทุกคน และหงุดหงิดกับทุกอย่าง และผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้