ฝ่ายค้านพบปชช.คุยแก้น้ำ-ที่ดิน-พัฒนาศก.อีสาน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736759/
“ชัยธวัช” นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้านลงพื้นที่อุดรธานี เปิดวงคุยเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาที่ดิน-เศรษฐกิจภาคอีสาน ย้ำต้องแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจง รัฐควรกระจายอำนาจ
พรรคร่วมฝ่ายค้าน จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ในหัวข้อ “
ระดมความคิด ผลิตนโยบาย: การจัดการน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคอีสาน” ที่โรงแรมสยามแกรนด์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นาย
ร่มธรรม ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นาย
ปิติพงษ์ เต็มเจริญ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนาย
คณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีของพรรคก้าวไกล เข้าร่วมวงเสวนาและแลกเปลี่ยนความเห็นกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน
นาย
ชัยธวัช กล่าวปาฐกถาเปิดงานในประเด็น “
ภาพรวมและปัญหาการจัดการน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยระบุว่า ภาคอีสานมีความเสี่ยงและเปราะบางต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมากอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ทำกินอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งพาลมฟ้าอากาศ จึงมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าภาคการผลิตอื่น อย่างไรก็ตาม ตนมองเห็นความแข็งแกร่งของพี่น้องภาคอีสานที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นๆ กล่าวคือ คนอีสานอยู่กับการปรับตัวเข้ากับโลกเสมอเรามีแรงงานอีสานที่มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับเกษตรทันสมัยในต่างประเทศ เรามีพี่น้องที่เคยเห็นคุณภาพชีวิตที่ดีของประเทศรัฐสวัสดิการ คนอีสานเต็มไปด้วยคนมีศักยภาพแต่พวกเขาออกไปอยู่ต่างประเทศ ดังนั้น โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้ศักยภาพเหล่านั้นกลับมาอยู่อาศัย เติบโต และพัฒนาในพื้นที่นี้
ทั้งนี้ นโยบายและโครงการต่างๆ ที่ภาครัฐทำ ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การปฏิรูปที่ดิน และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต้องทำบนฐานคิดประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของผู้รับเหมาและต้องเป็นนโยบายที่มีความจำเพาะเจาะจงเพื่อการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน พร้อมย้ำว่าการปลดล็อกท้องถิ่นและหยุดแช่แข็งชนบทไทย คือกุญแจสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาภาคอีสาน
โดยต้องดำเนินนโยบายหลายด้าน เช่น การพิสูจน์และรับรองสิทธิในที่ดินทำกิน โดยมีมาตรการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบหรือแสวงหาผลกำไรจากนายทุน พี่น้องเกษตรกรที่อยู่มาก่อนรัฐประกาศเขตอุทยานจะต้องได้รับโฉนด หน่วยงานราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินต้องคืนให้แก่ประชาชน รวมถึงการปลดล็อกหนี้สิน เช่น รัฐช่วยเช่าที่ดินของเกษตรกรเพื่อนำไปปลูกป่า ส่วนเกษตรกรก็ได้เงินนำไปชำระหนี้สินพรรคก้าวไกลเชื่อว่านโยบายทั้งหมดนี้จะเพิ่มทางเลือกในชีวิตให้แก่เกษตรกร หยุดการแช่แข็งภาคการเกษตรและชนบทไทย เพื่อเปลี่ยนชนบทไทยให้ไม่เหมือนเดิม
ด้านคุณหญิง
สุดารัตน์เห็นสอดคล้องกันว่า การบริหารจัดการน้ำในภาคอีสานต้องเป็นการออกแบบที่จำเพาะกับพื้นที่ เนื่องจากลักษณะของพืชและสภาพของแหล่งน้ำมีความแตกต่างกัน ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ย่อมเป็นผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุดว่าสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำในชุมชนของพวกเขาเป็นอย่างไร และปัญหาเฉพาะตัวของพวกเขาเป็นอย่างไร ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐควรทำคือการกระจายอำนาจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยการเติมงบประมาณและองค์ความรู้ทางวิชาการ เพื่อให้ประชาชนได้เลือกแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ของตนเอง
นอกจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นแล้ว รัฐยังควร “
เติม” ต้นทุน เติมเทคโนโลยี และเติมความรู้ให้กับพี่น้องชาวอีสาน พร้อมกับ “ลด” ค่าครองชีพ และลดต้นทุนการผลิต เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตค่าครองชีพ และหนี้สินเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้พี่น้องชาวอีสานตั้งตัวได้ยาก ภาครัฐจึงต้องเสริมความแข็งแกร่งในระดับปัจเจกด้วยการทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนที่ดอกเบี้ยถูก เพื่อให้มีทุนในการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว รวมถึงจัดการกับต้นทุนของสินค้า ปุ๋ย ยา และอาหารสัตว์ โดยต้องกำกับดูแลในระดับทุนใหญ่ ลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขันในกิจการที่จะเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตประชาชน
ร้านอาหารหวั่น 'ก๊าซหุงต้ม' ขึ้นราคา แต่คาด กบง.ตรึงราคาต่อ 423 บาท/ถัง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/405475
ร้านอาหารหวั่น 'ก๊าซหุงต้ม' ขึ้นราคา แต่คาด กบง.ตรึงราคาต่อ 423 บาท/ถัง
หุ้นเปิดตลาดเช้านี้ดัชนีลดลงเกือบ 2 จุด นักวิเคราะห์คาดซึมยาว นักลงทุนรอฟังมาตรการช่วยเหลือ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4644666
หุ้นเปิดตลาดเช้านี้ดัชนีลดลงเกือบ 2 จุด นักวิเคราะห์คาดซึมยาว นักลงทุนรอฟังมาตรการช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทันทีที่เปิดตลาดเช้านี้ ดัชนีหุ้นปรับลดลงทันที โดยอยู่ที่ระดับ 1,306.23 จุด เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,304.65 จุด ปรับลดลง 1.58 จุด หรือลบ 0.12% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,306.05 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,300.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 8,757.24 ล้านบาท
นาย
รักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายอย่างต่อเนื่อง จึงยังจำกัดทางขึ้นต่อ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แรงกว่าที่เราประเมินไว้ สนับสนุนโดยตัวเลขส่งออกไทยเดือนพฤษภาคม 2567 จากกรมศุลฯ ที่สูงกว่าคาด ผนวกกับประเด็นข่าวภาครัฐฯ เตรียมประกาศมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดทุนในช่วงเย็นวันนี้ สำหรับปัจจัยโดยรวมต่อตลาดเป็นกลาง คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทรดไซด์เวย์เมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากหุ้นเทคโนโลยีตัวหลักเข้าสู่ช่วงปรับฐานหลังขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้านี้ และนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังจากตัวเลข PMIs เบื้องต้นเดือนมิถุนายน ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาที่ 54.6 จุด สูงกว่าที่คาดการณ์ ส่วนทางกับดัชนี PMIs เดือนมิถุนายน ของฝั่งยุโรปที่ชะลอลงมาที่ 50.8 จุด ซึ่งอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ.
JJNY : ฝ่ายค้านพบปชช.อีสาน│หวั่น'ก๊าซหุงต้ม'ขึ้นราคา│หุ้นเปิดตลาด ดัชนีลดลง│ข้อตกลงรัสเซีย-เกาหลีเหนือ อาจทำจีนไม่พอใจ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_736759/
“ชัยธวัช” นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้านลงพื้นที่อุดรธานี เปิดวงคุยเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาที่ดิน-เศรษฐกิจภาคอีสาน ย้ำต้องแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจง รัฐควรกระจายอำนาจ
พรรคร่วมฝ่ายค้าน จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ในหัวข้อ “ระดมความคิด ผลิตนโยบาย: การจัดการน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคอีสาน” ที่โรงแรมสยามแกรนด์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายปิติพงษ์ เต็มเจริญ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีของพรรคก้าวไกล เข้าร่วมวงเสวนาและแลกเปลี่ยนความเห็นกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน
นายชัยธวัช กล่าวปาฐกถาเปิดงานในประเด็น “ภาพรวมและปัญหาการจัดการน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยระบุว่า ภาคอีสานมีความเสี่ยงและเปราะบางต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมากอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ทำกินอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งพาลมฟ้าอากาศ จึงมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าภาคการผลิตอื่น อย่างไรก็ตาม ตนมองเห็นความแข็งแกร่งของพี่น้องภาคอีสานที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นๆ กล่าวคือ คนอีสานอยู่กับการปรับตัวเข้ากับโลกเสมอเรามีแรงงานอีสานที่มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับเกษตรทันสมัยในต่างประเทศ เรามีพี่น้องที่เคยเห็นคุณภาพชีวิตที่ดีของประเทศรัฐสวัสดิการ คนอีสานเต็มไปด้วยคนมีศักยภาพแต่พวกเขาออกไปอยู่ต่างประเทศ ดังนั้น โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้ศักยภาพเหล่านั้นกลับมาอยู่อาศัย เติบโต และพัฒนาในพื้นที่นี้
ทั้งนี้ นโยบายและโครงการต่างๆ ที่ภาครัฐทำ ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การปฏิรูปที่ดิน และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต้องทำบนฐานคิดประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของผู้รับเหมาและต้องเป็นนโยบายที่มีความจำเพาะเจาะจงเพื่อการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน พร้อมย้ำว่าการปลดล็อกท้องถิ่นและหยุดแช่แข็งชนบทไทย คือกุญแจสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาภาคอีสาน
โดยต้องดำเนินนโยบายหลายด้าน เช่น การพิสูจน์และรับรองสิทธิในที่ดินทำกิน โดยมีมาตรการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบหรือแสวงหาผลกำไรจากนายทุน พี่น้องเกษตรกรที่อยู่มาก่อนรัฐประกาศเขตอุทยานจะต้องได้รับโฉนด หน่วยงานราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินต้องคืนให้แก่ประชาชน รวมถึงการปลดล็อกหนี้สิน เช่น รัฐช่วยเช่าที่ดินของเกษตรกรเพื่อนำไปปลูกป่า ส่วนเกษตรกรก็ได้เงินนำไปชำระหนี้สินพรรคก้าวไกลเชื่อว่านโยบายทั้งหมดนี้จะเพิ่มทางเลือกในชีวิตให้แก่เกษตรกร หยุดการแช่แข็งภาคการเกษตรและชนบทไทย เพื่อเปลี่ยนชนบทไทยให้ไม่เหมือนเดิม
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์เห็นสอดคล้องกันว่า การบริหารจัดการน้ำในภาคอีสานต้องเป็นการออกแบบที่จำเพาะกับพื้นที่ เนื่องจากลักษณะของพืชและสภาพของแหล่งน้ำมีความแตกต่างกัน ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ย่อมเป็นผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุดว่าสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำในชุมชนของพวกเขาเป็นอย่างไร และปัญหาเฉพาะตัวของพวกเขาเป็นอย่างไร ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐควรทำคือการกระจายอำนาจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยการเติมงบประมาณและองค์ความรู้ทางวิชาการ เพื่อให้ประชาชนได้เลือกแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ของตนเอง
นอกจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นแล้ว รัฐยังควร “เติม” ต้นทุน เติมเทคโนโลยี และเติมความรู้ให้กับพี่น้องชาวอีสาน พร้อมกับ “ลด” ค่าครองชีพ และลดต้นทุนการผลิต เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตค่าครองชีพ และหนี้สินเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้พี่น้องชาวอีสานตั้งตัวได้ยาก ภาครัฐจึงต้องเสริมความแข็งแกร่งในระดับปัจเจกด้วยการทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนที่ดอกเบี้ยถูก เพื่อให้มีทุนในการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว รวมถึงจัดการกับต้นทุนของสินค้า ปุ๋ย ยา และอาหารสัตว์ โดยต้องกำกับดูแลในระดับทุนใหญ่ ลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขันในกิจการที่จะเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตประชาชน
ร้านอาหารหวั่น 'ก๊าซหุงต้ม' ขึ้นราคา แต่คาด กบง.ตรึงราคาต่อ 423 บาท/ถัง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/405475
ร้านอาหารหวั่น 'ก๊าซหุงต้ม' ขึ้นราคา แต่คาด กบง.ตรึงราคาต่อ 423 บาท/ถัง
หุ้นเปิดตลาดเช้านี้ดัชนีลดลงเกือบ 2 จุด นักวิเคราะห์คาดซึมยาว นักลงทุนรอฟังมาตรการช่วยเหลือ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4644666
หุ้นเปิดตลาดเช้านี้ดัชนีลดลงเกือบ 2 จุด นักวิเคราะห์คาดซึมยาว นักลงทุนรอฟังมาตรการช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทันทีที่เปิดตลาดเช้านี้ ดัชนีหุ้นปรับลดลงทันที โดยอยู่ที่ระดับ 1,306.23 จุด เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,304.65 จุด ปรับลดลง 1.58 จุด หรือลบ 0.12% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,306.05 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,300.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 8,757.24 ล้านบาท
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายอย่างต่อเนื่อง จึงยังจำกัดทางขึ้นต่อ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แรงกว่าที่เราประเมินไว้ สนับสนุนโดยตัวเลขส่งออกไทยเดือนพฤษภาคม 2567 จากกรมศุลฯ ที่สูงกว่าคาด ผนวกกับประเด็นข่าวภาครัฐฯ เตรียมประกาศมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดทุนในช่วงเย็นวันนี้ สำหรับปัจจัยโดยรวมต่อตลาดเป็นกลาง คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทรดไซด์เวย์เมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากหุ้นเทคโนโลยีตัวหลักเข้าสู่ช่วงปรับฐานหลังขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้านี้ และนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังจากตัวเลข PMIs เบื้องต้นเดือนมิถุนายน ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาที่ 54.6 จุด สูงกว่าที่คาดการณ์ ส่วนทางกับดัชนี PMIs เดือนมิถุนายน ของฝั่งยุโรปที่ชะลอลงมาที่ 50.8 จุด ซึ่งอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ.