ไปกิน ไปเที่ยว ไปไหว้พระ แบบไร้แพลนที่เวียงจันทน์ 3 วัน 2 คืน

ตอนแรกมีแพลนที่จะไปเข้าไปดูออฟฟิศใหม่ที่สาขาเวียงจันทน์ แต่ผิดแผน
ก็เลยได้ไปเที่ยวแทน ไปแบบไม่มีแพลนเที่ยวเลยนะคะ โชคดีที่โรงแรมอยู่ใกล้ประตูไซ
ก็เลยอาศัยเดินเที่ยว แล้วก็นั่งตุ๊กๆ เที่ยวอยู่แถวนั้นค่ะ
นั่งสายการบินลาวแอร์ไลน์ค่ะ เครื่องลำเล็กกระทัดรัด ก็มีโคลงเคลงนิดหน่อย
แต่ก็ถึงเวียงจันทน์อย่างปลอดภัย บนเครื่องก็จะแจกขนมปัง 1 ชิ้น กับน้ำดื่ม
ลงจากเครื่องก็แวะแลกเงินที่สนามบินเลย ค่าเงินไม่ได้แตกต่างจากข้างนอกสักเท่าไร
ส่วนเครือข่ายโทรศัพท์ เปิดโรมมิ่งไปค่ะ
จากเงินหมื่น แลกได้หลักล้าน กำเงินมาเป็นฟ่อน
ยินดีต้อนรับสู่ประเทศลาวอย่างเป็นทางการค่ะ
ครั้งนี้เราพักที่โรงแรม XAYSOMBOUN นะคะ อยู่ใกล้วัดชื่อดัง ประตูไซ แล้วก็ตลาดเช้า
โรงแรมสะอาดพอใช้ได้ อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลาย แต่ว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นค่ะ
อาหารมื้อแรกวันนี้เป็นเฝอเนื้อ ร้านเฝอจันมาลี เป็นร้านริมทางนี่ล่ะค่ะ
จะบอกว่าอาหารที่ลาวทุกอย่างรสชาติกลมกล่อมมาก
เค้าก็จะเสิร์ฟพร้อมผักสดชามใหญ่ และน้ำจิ้มถั่วคล้ายๆ กับหมูสะเต๊ะ
 


จากนั้นเราก็เรียกรถไปพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ค่าเข้าชมคนละ 30,000 กีบ หรือประมาณ 60 บาทไทย
หลังจากซื้อตั๋วเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ที่อยู่ด้านหน้า
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของอาณาจักรล้านช้างค่ะ 
โดยเป็นผู้สถาปนากรุงเวียงจันทน์ให้เป็นศูนย์กลางอารยธรรมอีกด้วย จากนั้นก็เดินชมรอบนอกและด้านในพระธาตุหลวงค่ะ

ส่วนด้านข้างจะเป็นศาลพ่อปู่พญานาค และบริเวณนี้ก็จะเป็นร้านขายของฝากค่ะ
สามารถใช้เงินไทยจ่ายได้ หรือสแกนจ่ายได้ตามปกติเลย

จากพระธาตุหลวงเวียงจันทน์เราไปต่อกันที่ วัดองค์ตื้อ เป็นวัดที่สําคัญและเก่าแก่วัดหนึ่ง ในนครเวียงจันทน์ 
เป็นวัดที่ประชาชนลาวมีความศรัทธานับถือมาก โดยเฉพาะชาวนครเวียงจันทน์และใกล้เคียง
สักการะพระองค์ตื้อ และพระมิ่งเมืองลาว ที่วัดนี้ได้เช่าพระมิ่งเมืองลาวกลับมาบูชาด้วยค่ะ
เย็นวันนี้ฝากท้องไว้กับบุฟเฟ่ต์หมูกระทะค่ะ เฉลี่ยหัวละ 199 บาท
ที่ร้านจะเสิร์ฟถาดใหญ่แบบนี้เลยค่ะ ไปกัน 6 คน กินถาดเดียวก็จุกแล้วค่ะ
ส่วนผักที่กินกับหมูกระทะ จะมีแค่ผักโขม และโหระพา
วันที่ 2 วันนี้รีบตื่นแต่เช้ามาทานอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลาย
โดยเฉพาะผักและผลไม้ อีกทั้งยังมีเฝอเนื้อ และเฝอไก่ด้วย
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็เดินไปแวะที่ตลาดเช้า ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นตลาดของฝากขนาดใหญ่
แต่ไปถึงแล้วน่าจะไม่ถูกใจเรา ก็เลยเดินเล่นไปจนถึงประตูไซ ตอนเช้าบรรยากาศดี ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไร
จากนั้นก็เดินไปจนถึงวัดดสีสะเกด เป็นวัดหลวง ที่มีภาพเขียนลายผนัง (ที่เลือนหายไปบางส่วนแล้ว)
และภายในทั้งส่วนกำแพง และในโบสถ์มีพระพุทธรูปใหญ่ เล็กเต็มไปหมด และเชื่อว่าเป็นวัดที่มีพระพุทธรรูปอยู่มากที่สุด
วันที่เราไปเป็นวันที่ทางวัดทำพิธีปลุกเสกพระพอดี ก็เลยได้เห็นพิธี (ช่วงปลาย)
ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นหอพระแก้ว ในอดีตหอพระแก้วแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต 
ซึ่งตามประวัติศาสตร์พระแก้วมรกตองค์นี้ปัจจุบันก็คือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต 
ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ในพระบรมหาราชวังของประเทศไทยเรา
 จึงทำให้ภายในหอพระแก้วของนครหลวงเวียนจันทน์แห่งนี้เหลือเพียงแต่พระแท่นเปล่าที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตในอดีตเท่านั้น
ออกจากหอพระแก้วก็เดินกลับโรงแรม แล้วไปทานอาหารกลางวันที่ร้านเฝอแซ่บกันค่ะ
เมนูที่เรากินวันนี้ก็จะเป็นเฝอเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง และปอเปี๊ยะ เสิร์ฟมาพร้อมผักแน่นๆ เหมือนเดิม
บ่ายวันนี้เราเดินไปพระธาตุดำ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนกลางนครเวียงจันทน์ ใกล้กับที่พักของเรา
เป็นเจดีย์สีดำทรงระฆังแปดเหลี่ยมสองชั้น ฐานล่างเป็นรูปแปดเหลี่ยมซ้อนกัน 7 ชั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้างขึ้น
และสร้างขึ้นเมื่อใด แต่ก็มีเรื่องเล่า และตำนานของชาวลาวที่สืบทอดกันมาของพระธาตุแห่งนี้อยู่เช่นกัน ได้แก่
 เป็นพระธาตุเก่าแก่ คำว่า ธาตุดำ คือที่มาของคนใจดำที่มีการแย่งชิง และเข่นฆ่ากัน
จึงถูกสร้างเป็นอนุสรณ์ของคนใจดำ เชื่อว่าเป็น ฮูพญานาค (รูพญานาค) เป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคเจ็ดหัว
เป็นทางเข้าออกเมืองบาดาลที่พญานาค 7 เศียรมาช่วยเหลือชาวเมืองในสมัยที่ทำสงครามกับกองทัพสยามในอดีต
บริเวณนี้มีคาเฟ่น่ารักๆ กาแฟดี และเบเกอรี่อร่อย ชื่อร้าน "That Dam Wine House"
ราคาใกล้เคียงกับเมืองไทย ขนม ครัวซองค์ และกาแฟอร่อยจริงๆ ค่ะ
เย็นวันนี้ตอนแรกตั้งใจจะไปเดินตลาดริมโขง แต่ว่าฝนตกก็เลยฝากชีวิตไว้ที่โรงแรมค่ะ
เช้าวันที่ 3 ก่อนกลับเราแวะไปวัดวัดสีเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองเวียงจันทร์
มีเรื่องเล่าเป็นตำนานมาแต่ก่อนว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อสี กำลังตั้งครรภ์ยอมเสียสละชีวิตพร้อมลูกที่อยู่ในครรภ์ ร
วมทั้งม้าอีกหนึ่งตัว เพื่ออารักษ์เสาหลักเมืองเวียงจันทร์ตลอดไปชั่วกาลนาน จึงเป็นที่มาชื่อวัด "วัดสีเมือง"
ชาวเมืองเวียงจันทร์จะประกอบพิธีกรรมทำบุญที่วัดสีเมืองก่อนจะมีพิธีสักการะนมัสการที่วัดพระธาตุหลวง เมืองเวียงจันทร์ ทุกปี
เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวและไหว้พระขอพรเสมอ
ก่อนขึ้นเครื่องแวะกินอาหารกลางวันที่ร้าน Mekong River Park อาหารอร่อย บรรยากาศดี
ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสได้มาอีก คงจะแพลนเที่ยว และแพลนกินแบบ Local ได้ดีกว่านี้ ขอบคุณที่รับชมนะคะ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่