‘พิธา’ ฟันธงแม้ ‘เปลี่ยนสี-เปลี่ยนโลโก้’ ก็ไปต่อได้ ชี้มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เก่งกว่าแน่
https://www.dailynews.co.th/news/3565723/
‘พิธา’ ฟันธงแม้ ‘เปลี่ยนสี-เปลี่ยนโลโก้’ ก็ไปต่อได้ ชี้เดี๋ยวมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เก่งกว่า ระบุต้นทุนฆ่าพรรคก้าวไกลมีสูง ปลุกใจประชาชนแม้เสี่ยงถูกยุบ แต่ สส.ยังทำงานเต็มที่ ไม่หวั่นไหวจนต้องขายวิญญาณ
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ จ.สกลนคร พรรคก้าวไกล นำโดยนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนาย
ณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ และทีมงานจังหวัด ร่วมประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคก้าวไกล ประจำ จ.สกลนคร โดยมีสมาชิกมาเข้าร่วมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนพรรคอย่างพร้อมเพรียง นายพิธา กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า วันนี้ต้องการมาแสดงความขอบคุณพี่น้องชาวสกลนคร ขอบคุณสมาชิกพรรคก้าวไกลที่สกลนคร และร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดตั้งสาขาพรรค เพราะตัวเลขสมาชิกพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนน่าประทับใจ และมาอัปเดตสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง
นาย
พิธา กล่าวว่า หากพูดในอดีต “
ถ้าไม่มีสกลนคร ไม่มีพิธา” เพราะตอนที่พี่น้องชาวสกลนครไว้วางใจชาวอนาคตใหม่ในอดีตได้คะแนนมา 8 หมื่นคะแนน ทั้งที่เป็นพรรคใหม่ และในช่วงนั้นตนเองจะต้องอภิปรายในสภา เพราะดูเรื่องเกษตร ก็นั่งรถทัวร์มาหาข้อมูลในพื้นที่จากชาวสกลนคร มาถึงก็ไปดูหนองหาร ไปกินไข่กระทะ และไปดูเรื่องการเกษตร และมีคำถามเกิดขึ้นในวันนั้นว่าชาวนาที่ส่งออกในประเทศไทยจริงๆ มีกี่คน โดยเฉพาะการพูดถึงโฉนดที่ดินของชาวนา และการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพราะ 3 ใน 4 ของคนไทยไม่มีที่ดินของตัวเอง และพอทำนาได้ก็ไม่มีเงินเก็บเพราะต้องเอาไปลงทุนค่าปุ๋ยค่ายา ที่บอกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่สมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีหนี้ จนทำให้ชาวนาเขาไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ
นาย
พิธา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในครั้งนั้น เกิดเป็นการอภิปรายกระดุม 5 เม็ด ในสภา ทำให้ความเป็น สส.ของตนเองเป็นหนี้บุญคุณชาวสกลนคร อีกทั้งยังได้ความรู้เรื่องของกัญชา เรื่องการใช้แรงงานในอิสราเอล ทำให้ตนเองรู้ว่า หากกลับไปพูดอะไรในสภาต้องมาหาประชาชนก่อน ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่ได้เป็น สส.ที่น้ำเต็มแก้วเพราะเรียนรู้ตลอดเวลา และนำไปพูดเพราะความเชื่อจริงๆ
นาย
พิธา ยังกล่าวต่อว่า หากพูดถึงความเป็นปัจจุบันของสกลนคร เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้มา 2 แสนคะแนน และเชื่อว่าหากในอนาคตไม่ปล่อยมือ ครั้งหน้าจะมากขนาดไหน ถึงจะมีความพยายามในการยุบพรรคของเราอีกครั้ง 2 พรรคใน 5 ปี ก็ไม่เป็นไร พรรคเราเป็นพรรคคนตัวเล็ก สส.ก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือต้องขายวิญญาณเพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ และถึงแม้จะเป็นความเสี่ยงว่าอาจจะยุบหรือไม่ยุบก็ได้ แต่ก็ยังเป็นความเสี่ยงอยู่ แต่สมาชิกของเราในภาพรวมปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งเป็นการให้กำลังใจการทำงานกับพรรคก้าวไกล จึงต้องขอขอบคุณทุกคน
“
ในอดีตไม่มีสกลนครไม่มีพิธา และในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ทำงาน ไม่ต้องกังวลว่านโยบายเราจะเปลี่ยนไป ยังคงดูแลพี่น้องแรงงาน พี่น้องเกษตรกร คนตัวเล็กตัวน้อย และเสียงของคนที่ไม่ดังพอต่อไปในสังคมของเรา ก็จะยังคงทำงานต่อไป” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธา กล่าวว่า ส่วนอนาคตในวันที่ 3 ก.ค.หรือ 9 ก.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมคดียุบพรรค ตนมองว่า วิธีการปลุกใจและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ดีที่สุด คือความซื่อตรงและอธิบายด้วยความเข้าใจ ที่ไม่ได้เป็นการละเมิดศาลหรือเอาความคิดของศาลมาเล่าให้ฟัง โดยในวันที่ 3 ก.ค.จะมีการพิจารณาต่อของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนวันที่ 9 ก.ค.จะมีการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งก็น่าจะเป็นพยานเอกสารหรือพยานที่อาจจะมีโอกาสได้พูด
“
จะมีโอกาสในอนาคต ในการไต่สวน จะมีโอกาสให้ผมได้ขึ้นว่าความอธิบายถึงเจตนาของพรรคก้าวไกลหรือพยานหลักฐานของพรรคก้าวไกล หรือระเบียบของ กกต.ที่ยื่นยุบเราอย่างที่เคยแถลงหรือไม่” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า เราก็พยายามสู้เต็มที่ในหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะศาลบอกว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นชี้นำ ตนเองจึงเอาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟัง และเรายังคงสู้มาตลอด โดยเฉพาะสกลนครได้มากว่า 2 แสนคะแนน ดังนั้นจึงต้องมีความเป็นธรรมที่สามารถอธิบายเหตุและผลของเราได้ จึงต้องมีมิติการต่อสู้ทางกฎหมาย 9 มิติ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การทำให้สังคม ทำให้ประชาชนเห็นว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่มีประโยชน์มากกว่าการไม่มีพรรคก้าวไกล แน่นอนว่าก้าวไกลเป็นพรรคใหม่อยู่มา 5 ปีถ้าเทียบกับพรรคอื่นๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่หากดูในเชิงรัฐศาสตร์ การมีอยู่ของพรรคก้าวไกลดีต่อสังคมไทยมากกว่าการไม่มี ต้นทุนการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่า ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นดุลพินิจของศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้
นาย
พิธา กล่าวอีกว่า แม้เราจะพร้อมทุกสถานการณ์ แต่ในการมีการประชุมทุกภาค มันคือโครงสร้างของพรรค ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรคก็ไปต่อได้ ตอนพรรคอนาคตใหม่ ตนเองจำได้ว่ามีคนพูดว่าทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็เพราะคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคแข็งแรง ถึงแม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำลาย รากฐานของพรรคก็ยังไปต่อได้
“
เขาอยากจะตีหัวผม หัวอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวหน้าคนใหม่ที่เก่งกว่ามา แต่รากฐานก็คือพี่น้องประชาชนมีสมาชิกพรรค ที่ยังไม่หวั่นไหว ยังคงเข้มแข็ง และลงรากลึกไปแล้ว อีกหน่อยก็เหมือนต้นไม้ที่ผลิใบในทุกฤดู แต่รากไม่ได้เป็นพิษ รากแข็งแรง รากเต็มไปด้วยสารอาหาร รากเต็มไปด้วยความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด แบบที่เราคิดว่าประเทศไทยควรจะเป็น เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะออกมาเป็นแบบไหนพวกเราทุกคนไปต่อได้อย่างแน่นอน ผมฟันธง” นาย
พิธา กล่าว
‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก สว. ผุดคำว่า ‘ส.ว.สีส้ม’ เชื่อส้มคือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4643622
‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก ส.ว. ผุดคำว่า ‘ส.ว.สีส้ม’ เชื่อส้มในที่นี้คือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’ ย้ำหลักกฎหมายพรรคเอี่ยวไม่ได้ มองจะได้สภาสูงที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่เลือกตั้งทางตรง
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคการเมืองใหญ่ ซุ่มเก็บตัวผู้ผ่านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อรอการเลือกในระดับประเทศ ว่า ในการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ จริงๆ แล้วพรรคการเมืองมีส่วนร่วมมากไม่ได้ตามกฎหมาย แต่ก็มีคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร โดยนาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่ได้ลงสังเกตการเลือกในทุกระดับที่ผ่านมา และจะใช้กลไกนี้ในการตรวจสอบว่า กระแสข่าวดังกล่าวมีจริงหรือไม่ แต่ในหลักการตนเชื่อว่าจะได้มาซึ่งสภาสูงที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น แม้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
ส่วนที่การเลือก ส.ว.ครั้งนี้มีการใช้คีย์เวิร์ด “
ส.ว.สีส้ม” รวมไปถึงศาสตราจารย์พิเศษ
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้ จะมี ส.ว.สีส้มเข้ามามากนั้น นายพิธากล่าวว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเติมนามสกุลให้ใครด้วยการไปป้ายสี เพราะเชื่อว่าแต่ละคนก็มีวุฒิภาวะและจุดยืนของตนเอง ซึ่งตามความหมายของตน ก็คงจะเป็นอดีตผู้สื่อข่าว นักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตย ที่ยืนตรงในเรื่องประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีนามสกุลเป็นสีส้ม.
รู้ทัน “แซะ Power” ปฏิบัติการด้อยค่าการปฏิวัติ 2475 จากอดีตสู่ปัจจุบัน
https://www.matichon.co.th/clips/news_4643979
สโมสรศิลปวัฒนธรรม สเปเชียล ๒๔ มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ “
พลวัตวันชาติ” ชวน 2 นักวิชาการ ผศ.ดร.
ณัฐพล ใจจริง ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ยุค 2475 และ
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยมิติเกี่ยวกับ “
วรรณกรรม” ในหัวข้อ “
Talk ต่อต้าน 2475 : วรรณกรรมและการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลัง 2475” โดยผู้ดำเนินรายการ พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ บรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ออนไลน์
เจาะลึก พนัสxสมชัย ถอดรหัสจากบทเรียนสุดเจ็บแสบ ระบบเลือก สว.#บังคับจัดตั้ง
https://www.matichon.co.th/clips/news_4643991
รายการเอื้อยTalk เปิดใจ 2 ผู้สมัคร สว.
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้งและ
พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้ง 2 คนผ่านการคัดเลือก ระดับอำเภอ แต่ไม่ได้ไปต่อระดับประเทศ เล่าเบื้องหลัง สัมผัสบรรยากาศ 2 สนาม จ.ตาก และ กรุงเทพมหานคร
JJNY : 5in1 ‘พิธา’ ฟันธง│‘พิธา’ ขออย่าป้ายสี│รู้ทัน“แซะ Power”│ถอดรหัสจากบทเรียนสุดเจ็บแสบ│ชาวอเมริกันเผชิญคลื่นความร้อน
https://www.dailynews.co.th/news/3565723/
‘พิธา’ ฟันธงแม้ ‘เปลี่ยนสี-เปลี่ยนโลโก้’ ก็ไปต่อได้ ชี้เดี๋ยวมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เก่งกว่า ระบุต้นทุนฆ่าพรรคก้าวไกลมีสูง ปลุกใจประชาชนแม้เสี่ยงถูกยุบ แต่ สส.ยังทำงานเต็มที่ ไม่หวั่นไหวจนต้องขายวิญญาณ
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ จ.สกลนคร พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ และทีมงานจังหวัด ร่วมประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคก้าวไกล ประจำ จ.สกลนคร โดยมีสมาชิกมาเข้าร่วมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนพรรคอย่างพร้อมเพรียง นายพิธา กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า วันนี้ต้องการมาแสดงความขอบคุณพี่น้องชาวสกลนคร ขอบคุณสมาชิกพรรคก้าวไกลที่สกลนคร และร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดตั้งสาขาพรรค เพราะตัวเลขสมาชิกพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนน่าประทับใจ และมาอัปเดตสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง
นายพิธา กล่าวว่า หากพูดในอดีต “ถ้าไม่มีสกลนคร ไม่มีพิธา” เพราะตอนที่พี่น้องชาวสกลนครไว้วางใจชาวอนาคตใหม่ในอดีตได้คะแนนมา 8 หมื่นคะแนน ทั้งที่เป็นพรรคใหม่ และในช่วงนั้นตนเองจะต้องอภิปรายในสภา เพราะดูเรื่องเกษตร ก็นั่งรถทัวร์มาหาข้อมูลในพื้นที่จากชาวสกลนคร มาถึงก็ไปดูหนองหาร ไปกินไข่กระทะ และไปดูเรื่องการเกษตร และมีคำถามเกิดขึ้นในวันนั้นว่าชาวนาที่ส่งออกในประเทศไทยจริงๆ มีกี่คน โดยเฉพาะการพูดถึงโฉนดที่ดินของชาวนา และการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพราะ 3 ใน 4 ของคนไทยไม่มีที่ดินของตัวเอง และพอทำนาได้ก็ไม่มีเงินเก็บเพราะต้องเอาไปลงทุนค่าปุ๋ยค่ายา ที่บอกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่สมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีหนี้ จนทำให้ชาวนาเขาไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ
นายพิธา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในครั้งนั้น เกิดเป็นการอภิปรายกระดุม 5 เม็ด ในสภา ทำให้ความเป็น สส.ของตนเองเป็นหนี้บุญคุณชาวสกลนคร อีกทั้งยังได้ความรู้เรื่องของกัญชา เรื่องการใช้แรงงานในอิสราเอล ทำให้ตนเองรู้ว่า หากกลับไปพูดอะไรในสภาต้องมาหาประชาชนก่อน ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่ได้เป็น สส.ที่น้ำเต็มแก้วเพราะเรียนรู้ตลอดเวลา และนำไปพูดเพราะความเชื่อจริงๆ
นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า หากพูดถึงความเป็นปัจจุบันของสกลนคร เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้มา 2 แสนคะแนน และเชื่อว่าหากในอนาคตไม่ปล่อยมือ ครั้งหน้าจะมากขนาดไหน ถึงจะมีความพยายามในการยุบพรรคของเราอีกครั้ง 2 พรรคใน 5 ปี ก็ไม่เป็นไร พรรคเราเป็นพรรคคนตัวเล็ก สส.ก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือต้องขายวิญญาณเพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ และถึงแม้จะเป็นความเสี่ยงว่าอาจจะยุบหรือไม่ยุบก็ได้ แต่ก็ยังเป็นความเสี่ยงอยู่ แต่สมาชิกของเราในภาพรวมปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งเป็นการให้กำลังใจการทำงานกับพรรคก้าวไกล จึงต้องขอขอบคุณทุกคน
“ในอดีตไม่มีสกลนครไม่มีพิธา และในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ทำงาน ไม่ต้องกังวลว่านโยบายเราจะเปลี่ยนไป ยังคงดูแลพี่น้องแรงงาน พี่น้องเกษตรกร คนตัวเล็กตัวน้อย และเสียงของคนที่ไม่ดังพอต่อไปในสังคมของเรา ก็จะยังคงทำงานต่อไป” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนอนาคตในวันที่ 3 ก.ค.หรือ 9 ก.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมคดียุบพรรค ตนมองว่า วิธีการปลุกใจและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ดีที่สุด คือความซื่อตรงและอธิบายด้วยความเข้าใจ ที่ไม่ได้เป็นการละเมิดศาลหรือเอาความคิดของศาลมาเล่าให้ฟัง โดยในวันที่ 3 ก.ค.จะมีการพิจารณาต่อของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนวันที่ 9 ก.ค.จะมีการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งก็น่าจะเป็นพยานเอกสารหรือพยานที่อาจจะมีโอกาสได้พูด
“จะมีโอกาสในอนาคต ในการไต่สวน จะมีโอกาสให้ผมได้ขึ้นว่าความอธิบายถึงเจตนาของพรรคก้าวไกลหรือพยานหลักฐานของพรรคก้าวไกล หรือระเบียบของ กกต.ที่ยื่นยุบเราอย่างที่เคยแถลงหรือไม่” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า เราก็พยายามสู้เต็มที่ในหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะศาลบอกว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นชี้นำ ตนเองจึงเอาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟัง และเรายังคงสู้มาตลอด โดยเฉพาะสกลนครได้มากว่า 2 แสนคะแนน ดังนั้นจึงต้องมีความเป็นธรรมที่สามารถอธิบายเหตุและผลของเราได้ จึงต้องมีมิติการต่อสู้ทางกฎหมาย 9 มิติ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การทำให้สังคม ทำให้ประชาชนเห็นว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่มีประโยชน์มากกว่าการไม่มีพรรคก้าวไกล แน่นอนว่าก้าวไกลเป็นพรรคใหม่อยู่มา 5 ปีถ้าเทียบกับพรรคอื่นๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่หากดูในเชิงรัฐศาสตร์ การมีอยู่ของพรรคก้าวไกลดีต่อสังคมไทยมากกว่าการไม่มี ต้นทุนการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่า ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นดุลพินิจของศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้
นายพิธา กล่าวอีกว่า แม้เราจะพร้อมทุกสถานการณ์ แต่ในการมีการประชุมทุกภาค มันคือโครงสร้างของพรรค ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรคก็ไปต่อได้ ตอนพรรคอนาคตใหม่ ตนเองจำได้ว่ามีคนพูดว่าทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็เพราะคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคแข็งแรง ถึงแม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำลาย รากฐานของพรรคก็ยังไปต่อได้
“เขาอยากจะตีหัวผม หัวอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวหน้าคนใหม่ที่เก่งกว่ามา แต่รากฐานก็คือพี่น้องประชาชนมีสมาชิกพรรค ที่ยังไม่หวั่นไหว ยังคงเข้มแข็ง และลงรากลึกไปแล้ว อีกหน่อยก็เหมือนต้นไม้ที่ผลิใบในทุกฤดู แต่รากไม่ได้เป็นพิษ รากแข็งแรง รากเต็มไปด้วยสารอาหาร รากเต็มไปด้วยความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด แบบที่เราคิดว่าประเทศไทยควรจะเป็น เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะออกมาเป็นแบบไหนพวกเราทุกคนไปต่อได้อย่างแน่นอน ผมฟันธง” นายพิธา กล่าว
‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก สว. ผุดคำว่า ‘ส.ว.สีส้ม’ เชื่อส้มคือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4643622
‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก ส.ว. ผุดคำว่า ‘ส.ว.สีส้ม’ เชื่อส้มในที่นี้คือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’ ย้ำหลักกฎหมายพรรคเอี่ยวไม่ได้ มองจะได้สภาสูงที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่เลือกตั้งทางตรง
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคการเมืองใหญ่ ซุ่มเก็บตัวผู้ผ่านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อรอการเลือกในระดับประเทศ ว่า ในการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ จริงๆ แล้วพรรคการเมืองมีส่วนร่วมมากไม่ได้ตามกฎหมาย แต่ก็มีคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ที่ได้ลงสังเกตการเลือกในทุกระดับที่ผ่านมา และจะใช้กลไกนี้ในการตรวจสอบว่า กระแสข่าวดังกล่าวมีจริงหรือไม่ แต่ในหลักการตนเชื่อว่าจะได้มาซึ่งสภาสูงที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น แม้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
ส่วนที่การเลือก ส.ว.ครั้งนี้มีการใช้คีย์เวิร์ด “ส.ว.สีส้ม” รวมไปถึงศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้ จะมี ส.ว.สีส้มเข้ามามากนั้น นายพิธากล่าวว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเติมนามสกุลให้ใครด้วยการไปป้ายสี เพราะเชื่อว่าแต่ละคนก็มีวุฒิภาวะและจุดยืนของตนเอง ซึ่งตามความหมายของตน ก็คงจะเป็นอดีตผู้สื่อข่าว นักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตย ที่ยืนตรงในเรื่องประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีนามสกุลเป็นสีส้ม.
รู้ทัน “แซะ Power” ปฏิบัติการด้อยค่าการปฏิวัติ 2475 จากอดีตสู่ปัจจุบัน
https://www.matichon.co.th/clips/news_4643979
สโมสรศิลปวัฒนธรรม สเปเชียล ๒๔ มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ “พลวัตวันชาติ” ชวน 2 นักวิชาการ ผศ.ดร. ณัฐพล ใจจริง ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ยุค 2475 และ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยมิติเกี่ยวกับ “วรรณกรรม” ในหัวข้อ “Talk ต่อต้าน 2475 : วรรณกรรมและการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลัง 2475” โดยผู้ดำเนินรายการ พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ บรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ออนไลน์
เจาะลึก พนัสxสมชัย ถอดรหัสจากบทเรียนสุดเจ็บแสบ ระบบเลือก สว.#บังคับจัดตั้ง
https://www.matichon.co.th/clips/news_4643991
รายการเอื้อยTalk เปิดใจ 2 ผู้สมัคร สว. สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้งและ พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้ง 2 คนผ่านการคัดเลือก ระดับอำเภอ แต่ไม่ได้ไปต่อระดับประเทศ เล่าเบื้องหลัง สัมผัสบรรยากาศ 2 สนาม จ.ตาก และ กรุงเทพมหานคร